ภาวะตลาดหุ้นรายวัน - บล.เคจีไอ

ภาวะตลาดหุ้นรายวัน - บล.เคจีไอ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ข่าวยุโรปดีขึ้นแต่ยังดีไม่พอ เน้นหุ้นเล็ก/หุ้นกองทุนทำราคาปิด   KGI มองว่าหุ้นไทยวันจันทร์จะทรงตัว/บวกกรอบจำกัด คาดหวังแรงซื้อกองทุนในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ปัจจัยต่างประเทศมีข่าวบวกบ้างแต่ไม่มีรายละเอียดมากพอที่จะดันตลาดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือ ธ.กลางยุโรปประกาศผ่อนคลายกฎเกณฑ์การวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยจะอนุญาตให้สถาบันการเงินใช้สินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้นเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน (ครอบคลุมไปถึงพันธบัตรที่มีสินทรัพย์ค้ำที่เรียกว่า ABS) รวมถึงสินทรัพย์ค้ำประกันคุณภาพต่ำเพื่อแลกกับเงินสด นอกจากนี้นางแองเจลา เมอร์เคล นายกฯ เยอรมนีได้ตกลงกับผู้นำฝรั่งเศส, อิตาลีและสเปนเกี่ยวกับมาตรการมูลค่า 1.30 แสนล้านยูโรเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจยุโรป แต่ยังคงคัดค้านการยูโรบอนด์ หรือการใช้กองทุนช่วยเหลือ EFSF/ESM อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น ทั้งนี้ KGI มองว่าข่าวที่ออกมายังไม่ดีพอจะหนุนตลาดมากๆ เนื่องจากตลาดคาดหวังถึงการให้กองทุน EFSF/ESM เข้าช่วยภาคธนาคารได้โดยตรง ซึ่งคงต้องรอดูว่าในการประชุม EU Summit ในปลายสัปดาห์นี้จะมีพัฒนาการใดๆ หรือไม่ ถ้าไม่มีก็คงต้องให้ตลาดปรับฐานบ้างเพื่อปรับความคาดหวังดังกล่าว   ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยค้ำตลาดหลักๆ น่าจะเป็นการเข้าซื้อหุ้นของสถาบันในประเทศ ผู้ซึ่งมียอดขายสุทธิ 3.4 หมื่นล้านบาทตั้งแต่ต้นปี และน่าจะมีการทำราคาปิดงวดบัญชีไตรมาส 2 ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดีคาดว่าการเข้าซื้อดังกล่าวจะมีลักษณะตั้งรับ ไม่ไล่ราคา จะเป็นเพียงปัจจัยจำกัดความเสี่ยง แต่จะไม่หนุนดัชนีฯ ให้วิ่งแรง ทั้งนี้สถาบันในประเทศซื้อสุทธิสะสมไป 9.9 พันล้านบาทแล้วในเดือน มิ.ย. ซึ่งชี้ว่าน่าจะมีกองทุนส่วนหนึ่งเก็บหุ้นไปแล้วก่อนจะเข้าสู่สัปดาห์สุดท้าย และอีกส่วนคงเป็นเม็ดเงินใหม่จากกองทุน Target Funds ที่ออกในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา   กลยุทธ์: ซื้อเล่นสั้นเป็นรายตัว คาดว่ากลุ่มอสังหาฯ จะมีแรงเหวี่ยงดีที่สุดต่อไป และน่าจะเป็นการขึ้นทั้งกลุ่ม สำหรับเชิงพื้นฐานเราชอบ AP และ SIRI ในฐานะผู้เล่นหลักในตลาดคอนโดในเมือง ส่วนหุ้นที่น่าจะเป็นเป้าหมายการซื้อปิดงวดของสถาบันคือกลุ่มธนาคาร ซึ่งแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/55 น่าจะดีต่อเนื่อง หุ้นใหญ่ๆ อย่าง BBL*, KBANK*, SCB* มีแนวโน้มดีในสัปดาห์นี้ ส่วนกลุ่มพลังงานเชื่อว่าจะมีแรงซื้อเข้ามาไม่มาก เนื่องจากแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/55 ย่ำแย่   ความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ   MAKRO* มั่นใจผลการดำเนินงานปี 2555 ยังเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 12% YoY โดยเราประเมินการขยายตัวของรายได้ใกล้เคียงกับประมาณการของเราที่คาดจะเติบโต 12.9% YoY เป็น 109.6 พันล้านบาท เนื่องจากความต้องการสินค้าทั้งในประเภทอาหารและที่ไม่ใช่อาหารยังมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งประกอบกับผลบวกจากการขยายสาขาในปีนี้ 3 แห่ง โดยในช่วงต้นปีบริษัทได้เปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 2 แห่ง คือ สาขาหัวหิน ซึ่งเป็นสาขารูปแบบฟู้ดเซอร์วิสแห่งแรก และสาขาคลองหลวง ส่งผลให้ปีนี้มีสาขาแม็คโครรวม 56-57 สาขา นอกจากนี้  การปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าสม่ำเสมอ ทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 8% และหนุนให้กำไรปีนี้เติบโต 39.1% YoY เป็น 3.6 พันล้านบาท แม้เราจะชอบการเติบโตของธุรกิจในอนาคต แต่ราคาหุ้นปัจจุบันที่เต็มมูลค่าแล้ว ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ขาย” ราคาเป้าหมายเท่ากับ 355 บาท บริษัทค้าเหล็กไทย (TMT) ประเมินกำลังซื้อในกลุ่มลูกค้าเก่า จะช่วยหนุนรายได้ปี 2555 ขยายตัว 20.0% YoY ทั้งนี้ เรามีมุมมองสอดคล้องกับประเด็นดังกล่าว โดยคาดแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจะอยู่ในเกณฑ์ดีตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/55 เป็นต้นไป จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาคการก่อสร้าง อุตสาหกรรม และผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กส่งออก และหนุนให้ปริมาณยอดขายปี 2555 เพิ่มขึ้น 28.0% เป็น 367,500 ตัน นอกจากนี้ นโยบายการกำหนดราคาแบบ cost plus และการเพิ่มสัดส่วนของprocessed products เป็นไม่น้อยกว่า 50.0% จาก 49.0% ในปัจจุบันคาดว่าจะช่วยให้ GPM ในปี 2555 เพิ่มขึ้นจาก 7.7% ในปี 2554 เป็น 8.2% เราคาดกำไรสุทธิปี 2555 ของบริษัทจะเติบโต 271% YoY จาก 81 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 300 ล้านบาท ทั้งนี้ สัญญาณการฟื้นตัวของกำไรที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในปีนี้ และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่า9.0% p.a. ทำให้เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 6.65 บาท AOT* เตรียมปรับค่าธรรมเนียมสนามบินเดือนก.ย.นี้  (ข่าวหุ้น) นายวรเดช หาญประเสริฐ อธิบดีกรมการบินพลเรือน เปิดเผยว่า คาดว่าภายในเดือนสิงหาคมนี้ โดยคณะกรรมการการบินพลเรือน  (กบร.) จะสามารถประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติตามคำขอการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน (PSC) ที่ทางบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เสนอมาได้ โดยในเดือนกันยายน 2555 AOT จะสามารถปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสนามบินได้ในหลักการ พร้อมเร่งเสนอ ครม. เห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการคนใหม่หลังลาออก 1 ท่าน เป็นเหตุให้ไม่ครบองค์ประชุมต้องเลื่อนพิจารณาไป  การดำเนินการดังกล่าวเพื่อเร่งให้กระบวนการพิจารณาการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสนามบินดำเนินการเสร็จสิ้นโดยเร็ว เนื่องจากมีความล่าช้ามาพอสมควร สำหรับการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสนามบิน (PSC) ทอท. จะต้องแจ้งสายการบินทั่วโลกทราบล่วงหน้า 12 เดือนก่อนใช้จริงตามระเบียบมาตรฐาน เนื่องจากสายการบินจะมีการรวมค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินใหม่ในราคาโดยสารล่วงหน้าไว้ 1 ปี ทั้งนี้ AOT มีแนวทางที่จะเจรจากับสายการบิน (แอร์ไลน์) ทั่วโลกเพื่อลดระยะเวลาที่จะต้องประกาศให้สายการบินทั่วโลกทราบล่วงหน้าจาก 12 เดือนให้เหลือ 6 เดือนก่อนใช้จริง ซึ่งหากสายการบินเห็นด้วย คาดว่าจะสามารถประกาศใช้อัตราค่าธรรมเนียมสนามบินใหม่ได้เร็วขึ้นภายในต้นปี 2556 ซึ่งจะเร็วว่าปกติถึง 6 เดือน BBL* คุมการเติบโตของสินเชื่อให้เป็นไปตามเป้า 8% เผยไม่อยากให้ตัวเลขขยายตัวมากเกินไป หลัง 5 เดือนแรกปล่อยพุ่งกว่า 5% (ข่าวหุ้น) นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า สินเชื่อของธนาคารในปี 2555 มีโอกาสสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 6-8% เนื่องจากยอดปล่อยสินเชื่อในช่วง 5 เดือนได้เติบโตเกินกว่า 50% ของเป้าหมายแล้ว ซึ่งเป็นการขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ธนาคารก็ไม่ต้องการให้สินเชื่อขยายตัวเกินกว่าเป้า 6-8% มากนัก เพื่อให้การขยายตัวของสินเชื่อสอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจ และต้องการให้สินเชื่อมาจากทุกภาคส่วน ไม่ใช่โตข้างใดข้างหนึ่ง ส่วนกรณีที่ธนาคารในประเทศยุโรป 15 แห่ง ถูกสถาบันจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือมูดี้ส์อินเวสเตอร์เซอร์วิสปรับลดเครดิตนั้น นายโฆสิต กล่าวว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยมากนัก แต่ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการทำธุรกรรมร่วมกัน  และแม้ว่าธนาคาร 15 แห่งจะถูกลดเครดิต แต่โดยรวมถือว่าระดับเครดิตยังสูง ดังนั้นมูดี้ส์ปรับลดเครดิตครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ   โดย บมจ.หลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) ประจำวันที่ 25 มิ.ย. 2555

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook