บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/12/52อ่อนตัวซื้อ กลยุทธ์วันนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา SET Index ได้แสดงความแข็งแกร่งให้เห็นแล้วโดย +1.7% W-W ขณะที่ MSCI Asia ex Japan -2.3% และ MSCI EM -2.5% ท่ามกลางดอลลาร์ที่แข็งค่า 2% W-W ราคาน้ำมันที่แกว่งตัวแคบ 70 – 75 และต่างชาติขายสุทธิ 1.5 พันล้านบาท แต่การซื้อสุทธิของนักลงทุนในประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็น 3 พันล้านบาท ช่วยหนุนการปรับขึ้นของตลาดได้ เราเชื่อว่า SET จะยังแข็งแกร่งโดยคาดว่าจะค่อย ๆ ปรับขึ้นสู่ 730 จุดสิ้นปีนี้ และ 760 – 780 จุดต้นปีหน้าแม้ว่าการเมืองในประเทศ (ประเด็นยุบพรรค ปชป.) จะกลับมาเป็นประเด็นกดดันตลาดในสัปดาห์นี้ก็ตาม เพราะนอกจากเม็ดเงินใหม่จาก LTF และ RMF รวมถึงการทำ Window dressing สิ้นปีแล้ว ค่า PE ปีหน้าที่ยังไม่แพงเกินไปที่ 11.7 เท่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของเอเชียที่ 14 – 15 เท่า และการกลับมาซื้อรอบใหม่ของนักลงทุนต่างชาติในช่วงต้นปีจะทำให้ SET Index ไปต่อได้ สำหรับสัปดาห์นี้ตลาดวอลล์สตรีทซึ่งเปิดเทรด 3 วันครึ่ง ไม่น่าเป็นแรงกดดันเพราะตัวเลขเศรษฐกิจน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่ยอดส่งออกของไต้หวัน (วันพุธ) น่าจะขยายตัว Y-Y เป็นเลข 2 หลักและคาดว่าธนาคารกลางไต้หวันจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น การแกว่งลงของ SET โดยเฉพาะเมื่อต่ำกว่า 710 – 700 จุดจะถือเป็นโอกาสซื้อสะสม กลุ่มแบงก์ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจมากกว่ากลุ่มน้ำมัน เราแนะนำสะสมหุ้นปันผลเช่น ADVANC, DCC, TVO, SPALI, BCP และหุ้นที่มีกำไรเติบโตสูงในปีหน้าเช่น BAY, IRPC, MCOT, QH, ROJNA และหุ้นในกลุ่มมาบตาพุดที่ Undervalue คือ PTTประเด็นสำคัญวันนี้ วันนี้กระทรวงพาณิชย์จะรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน พ.ย. ซึ่งจะเป็นเดือนแรกของปีนี้ที่การขยายตัวเป็นบวก Y-Y เพราะยอดส่งออกที่ทรุดฮวบในเดือน พ.ย. ปีก่อนหลังวิกฤต Lehman โดย Bloomberg consensus คาดว่าการส่งออกเดือน พ.ย. จะเพิ่มขึ้น 22.5% Y-Y แต่ลดลง 2.3% M-M ซึ่งถือเป็นปกติที่ยอดส่งออกใน 2 เดือนสุดท้ายของทุกปีมักจะชะลอลง M-M เพราะเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาว และหากเดือน ธ.ค. จะชะลอลงอีก คาดว่ายอดส่งออกทั้งปี 2552 จะลดลง 14% - 15% ใกล้เคียงกับที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้า   จนถึงขณะนี้มีแบงก์ 6 แห่งรายงานยอดสินเชื่อเดือน พ.ย. แล้วได้แก่ KTB, TMB, SCB, SCIB, TISCO, TCAP โดยแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากนับเฉพาะ 4 ธนาคารใหญ่ที่ไม่รวม TISCO, TCAP ทุกแห่งมีสินเชื่อเพิ่มขึ้นราว 0.56% M-M หรือราว 3 หมื่นลบ. ซึ่งเป็นไปตามคาดหมาย ส่วนใหญ่การเพิ่มขึ้นมาจากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งภาครัฐ SMEs และขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไร 4Q09 คาดว่าจะชะลอตัว ~15% Q-Q เพราะตั้งสำรองเพิ่มและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่ม แต่จะเพิ่มขึ้น ~50% Y-Y โดย BBL น่าสนใจที่สุดในเชิงการเติบโตของกำไรใน 4Q09 ส่วนภาพรวมสินเชื่อปี 2010 มีแนวโน้มสดใส เราคาดว่าจะขยายตัว ~9% จากที่คาดจะทรงตัวในปีนี้ และกำไรเติบโต ~18%Y-Y เทียบกับที่คาดว่าจะลดลง 2% ในปีนี้ หุ้นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในปีหน้าได้แก่ BAY, KBANK, SCB  ทิศทางของค่าเงินดอลลาร์มีบทบาทกับตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์มากในระยะนี้ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์ค่อยๆ แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องนับแต่ Dollar index อ่อนลงไปแตะ 74.23 จุด และสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เป็นสัปดาห์ที่ดอลลาร์แข็งค่ามากที่สุดอีกสัปดาห์หนึ่งโดย Dollar index +2% W-W เพราะได้รับแรงหนุนใหม่จากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างอิรัก-อิหร่าน ทำให้ยิ่งมีแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะที่เป็น Safe heaven การแข็งค่าของดอลลาร์ที่ผ่านมาเป็นไปตามที่เราคาด และเรายังเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ สำหรับสัปดาห์หน้ายังมีปัจจัยสนับสนุนให้ดอลลาร์แข็งค่าคือรายงาน GDP 3Q09 (คาดการณ์ครั้งสุดท้าย) ตัวเลขเกี่ยวกับบ้าน รายได้และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน    แม้ว่าดอลลาร์จะแข็งค่า แต่ตลาดวอลล์สตรีทก็บวก 24 จุดนำโดยหุ้นกลุ่ม Technology ที่ประกาศผลประกอบการแข็งแกร่ง คือ Research In Motion (ผู้ผลิต Blackberry) (+10%) และ Oracle (+6%) ขณะเดียวกันราคาทองบวก US$6.6 มาปิดที่ US$1,114 เพราะความตึงเครียดของอิรัก-อิหร่าน เหตุผลเดียวกันทำให้ราคาน้ำมันบวก US$0.40 ค่าระวางเรือ (BDI) ลดลงอีก 118 จุด ปิดที่ 3,258 จุด Technical View : “ดัชนีปิดระดับสัปดาห์ได้ดี ทำให้มีลุ้นขึ้นต่อเนื่องและอาจทำจุดสูงสุดใหม่ได้ด้วย ดังนั้นสัปดาห์นี้ยังเทรดดิ้งตามต่อได้ จนกว่าดัชนีจะหลุดต่ำกว่า 700 จุดถึงจะเลิกเข้าเทรดดิ้ง...” แนวรับ    :   710-708** , 702-700***      แนวต้าน  :   720* , 724-727**, 732***Technical Picks:STEC (Bt 5.95 เป้าเทคนิค 6.35 cut loss ถ้าหลุด 5.80)PF (Bt 3.76 เป้าเทคนิค 4-4.10 cut loss ถ้าหลุด 3.64)SMT (Bt 5.95 เป้าเทคนิค 6.40 cut loss ถ้าหลุด 5.80)               

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook