บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะหุ้น 21/12/52

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 21/12/52กลยุทธ์การลงทุน หน่วยงานรัฐเตรียมขอยกเว้นกิจการที่ได้ EIA ก่อน 2550 น่าจะเอื้อประโยชน์ต่อ PTT, SCC อาจต้องปรับเพิ่มกำไรกลุ่มบ้านหากรัฐยืดมาตรการภาษี และเงินดาวน์อีก 1 ปี แนะนำ AP คาดหุ้นน้ำมันแกว่งตัวเชิงบวก ทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันดูไบ ที่สามารถยืนเหนือ 70 เหรียญฯ    คาด SET Index มีโอกาสทดสอบ 720 จุดอีกครั้ง หลังมีข่าวบวก แนะนำ AP, KBANK, PTTEP หน่วยงานรัฐเตรียมขอยกเว้นกิจการที่ได้ EIA ก่อน 2550 น่าจะเอื้อประโยชน์ต่อ PTT, SCC ตามที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างของ 65 โครงการ ยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรม และ กระทรวงพลังงาน เตรียมเสนอขอผ่อนผันกิจการที่ได้รับ IEA ก่อน 24 ส.ค. 2550 รวมถึงมีการปรับปรุงผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอต่อครม. ใน 22 ธ.ค. นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีราว 25 โครงการที่จะได้รับการยกเว้น ซึ่งในมุมมองของฝ่ายวิจัย คาดว่าจะมีอย่างน้อย 2 โครงการที่น่าจะได้รับคือ โครงการผลิตเอทิลินแห่งที่ 2 (MOC) ของ SCC กำลังการผลิต 1 ล้านตัน ซึ่งก่อสร้างเสร็จแล้ว ตามแผนเดิม เตรียมเดินเครื่องผลิตในเชิงพาณิชย์ในงวด 6 เดือนหลังของปี 2552 และโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6  กำลังการผลิต 2.6 ล้านตัน หรือคิดเป็น 38.8% ของกำลังการผลิตก๊าซที่มีอยู่ในปัจจุบัน การเคลื่อนไหวดังกล่าวน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ประกอบการในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี หลังจากที่ราคาหุ้นได้ตกต่ำอย่างมากตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา จากความไม่ชัดเจนของขบวนการแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนักวิเคราะห์กลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีได้มีการปรับลดประมาณการปี 2553 โครงการที่ได้รับผลกระทบให้ล่าช้าออกไป  12 เดือน ซึ่งทำให้กำไรของกลุ่มนี้ลดลงจากเดิม 3.75% โดยเป็นการลดของกลุ่มปิโตรมีมากที่สุดถึง 9.75% นำโดย PTTCH (ถือ : FV@B64.87)  ซึ่งปรับลดกำไรลงจากเดิม 10.64% ขณะที่กลุ่มพลังงานปรับลดลงจากเดิม 3.3% ซึ่งทั้งหมดมาจากการปรับลดลงของ PTT(ซื้อ : FV@B312.08) ส่วนกลุ่มที่คาดว่าได้รับผลกระทบน้อยมาก หรือแทบไม่กระทบเลยคือ SCC โดยแม้ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการ MOC ข้างต้น แต่นักวิเคราะห์ ASP ก็ได้รวมไว้ในประมาณการปี 2553 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่มีผลต่อการปรับลดประมาณ  อาจต้องปรับเพิ่มกำไรกลุ่มบ้านหากรัฐยืดมาตรการภาษี และเงินดาวน์อีก 1 ปี แนะนำ AP มีกระแสข่าวในวงกว้าง คาดการณ์กันว่ากระทรวงการคลังอาจจะต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ทั้งแพคเกจออกไปอีก 1 ปี  (เป็นการต่ออายุเป็นครั้งที่ 3) กล่าวคือ ลดภาษีธุรกิจ ภาษีการโอน และจดจำนอง ซึ่งจะครบกำหนดสิ้น มี.ค. 2553 รวมถึงการลดหย่อนเงินดาวน์  3 แสนบาท ซึ่งครบกำหนดสิ้นปี 2552 ทั้งนี้หากรัฐยืดมาตรการออกจริง คาดว่าจะมีผลทำให้นักวิเคราะห์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์อาจจะต้องปรับเพิ่มประมาณการจากเดิมที่คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2553 เติบโตจากปี 2552 เพียง 7% ชะลอตัวลงจากปี 2552 ที่เติบโตสูงถึง 42% เทียบกับปี 2551  ฝ่ายวิจัยเลือกหุ้น AP เป็น Top pick เนื่องจากเป็น 1 ในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนในเดือน ม.ค.  (January Effects) โดยมีเงินปันผลเฉลี่ยราว 4.31% สำหรับปี 2552คาดหุ้นน้ำมันแกว่งตัวเชิงบวก ทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันดูไบ ที่สามารถยืนเหนือ 70 เหรียญฯ    Dollar Index เริ่มแกว่งตัวแคบๆ ไปในทิศทางอ่อนค่าเล็กน้อยระหว่าง 78.0-77.4 จุด หลังจากแข็งค่าอย่างรวดเร็วในต้นสัปดาห์ก่อน ประกอบกับความกังวลใจเล็กๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่อิหร่านบุกเข้ายึดบ่อน้ำมันในอิรัก เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกยังทรงตัว โดยล่าสุดน้ำมันดิบล่วงหน้าไนเม็กส์ทรงตัวอยู่ที่ 73.36 เหรียญฯต่อบาเรลล์ เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบดูไบที่อยู่ที่ระดับ 72.40 เหรียญฯต่อบาเรลล์ และคาดว่าจะยังคงยืนเหนือ ระดับ 70 เหรียญฯต่อบาเรลล์ ไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งจะทำให้ค่าเฉลี่ยน้ำมันดิบทั้งปี 2552 สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่ระดับ 60 เหรียญฯต่อบาเรลล์เล็กน้อย และยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในปี 2553 ซึ่งคาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยน่าจะอยู่ในระดับ 75 เหรียญฯต่อบาเรลล์ได้  สอดคล้องกับการสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์กลุ่มพลังงานในต่างประเทศ ซึ่งราว 46% ของผู้ตอบ คาดหมายว่าราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้จะปรับตัวขึ้น ส่วนที่เหลือ 31% มองว่าราคาน้ำมันทรงตัว และ 23% คาดว่าจะลดลง    ฝ่ายวิจัยคงแนะนำให้ Switch จากหุ้น BANPU ที่ราคาเต็มมูลค่า ไปซื้อสะสมหุ้น PTT, PTTEP ที่ราคาหุ้นยัง Undervalue มากกว่าคาด SET Index มีโอกาสทดสอบ 720 จุดอีกครั้ง หลังมีข่าวบวก แนะนำ AP, KBANK, PTTEP คาดว่าตลาดหุ้นต่างประเทศจะแกว่งตัว แต่ตลาดหุ้นไทยน่าจะได้รับผลจิตวิทยาเชิงบวกต่อ แนวทางการแก้ไขปัญหาเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรมฯ ดังกล่าวข้างต้น  รวมถึงความคาดหวังต่อการผ่อนผันมาตรการลดอสังหาฯ ข้างต้น  ขณะที่เชื่อว่ายังมีแรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน จากการซื้อกองทุน RMF-LTF ของนักลงทุนไทย คาดว่าจะผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในเชิงบวก โดยมีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 720 จุดอีกครั้ง โดยยังแนะนำให้ทยอยลดน้ำหนักหุ้น December Effects ที่ราคาปรับตัวขึ้นมามาก มี Upside จำกัด เช่น BANPU, STANLY แล้วให้ Switch ไปลงทุนหุ้นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนในเดือน ม.ค. สูง (January Effects) ซึ่งส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในหุ้นสถาบันการเงิน กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากฤดูกาล และกลุ่มหุ้นปันผล โดยนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูงแนะนำทยอยสะสม KBANK, BAY, PTTEP, SCB และ PTT  สำหรับกลุ่มที่ยอมรับความเสี่ยงได้ปานกลางแนะนำ KSL, KK, KTB และ AH และกลุ่มที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อย ให้สะสมหุ้นปันผลสูงอย่าง TMT, ADVANC, THERE, TVO, AP หรือเลือกสะสม SCC, SCC, DCC เมื่อราคาอ่อนตัว    ทั้งนี้ให้ใช้จังหวะดัชนีอ่อนตัวเป็นโอกาสสะสมหุ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook