บล.กิมเอ็ง: Banking Sectorเลือกซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานแกร่งแนะนำ KBANK

บล.กิมเอ็ง: Banking Sectorเลือกซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานแกร่งแนะนำ KBANK

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บล.กิมเอ็ง : Banking Sector เลือกซื้อหุ้นธนาคารที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยแนะนำหุ้นธนาคารขนาดใหญ่อย่าง KBANK สินเชื่อเดือน พ.ย. ขยายตัว 1.86%mom           กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เราทำการศึกษาทั้ง 9 แห่ง ได้แก่ BAY BBL KBANK KTB SCB SCIB TMB TCAP และ TISCO รายงานยอดสินเชื่อคงค้าง ณ วันที่ 30 พ.ย. 52 ที่ 5,542,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101,474 ล้านบาท หรือ 1.86% จากสิ้นเดือนก่อน (%mom) เป็นการขยายตัวของสินเชื่อสูงสุดในช่วงที่ผ่านมา โดยเดือน พ.ย. นี้ทุกธนาคารต่างรายงานการขยายตัวของสินเชื่อทั้งสิ้น จึงนับว่าเป็นเดือนที่สินเชื่อมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวโน้มที่เรามองไว้ กล่าวคือ สินเชื่อในช่วงปลายปีมีแนวโน้มขยายตัวสูงจากความเป็น Seasonality ของสินเชื่อ ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น การสต็อคสินค้าในช่วงปลายปี ภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ผลจาก Motor Show และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ดังนี้เรายังมีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร ธนาคารที่รายงานยอดสินเชื่อเพิ่มขึ้นสูงสุดคือ BAY (+6.26% mom) จากการเข้าซื้อกิจการของ GEMT รองลงมาคือ KBANK (+2.70% mom) และ TISCO (+1.50% mom) สำหรับงวด 11 เดือนแรก สินเชื่อยังเป็นยอดลดลง 87,702 ล้านบาท หรือ -1.56% จากสิ้นปี 51 (Ytd) ส่วนใหญ่เป็นผลจากการลดลงของสินเชื่อ TMB และ BBL ที่สูงถึง -15.87% Ytd และ -5.61% Ytd ตามลำดับ นอกจากนี้เราเชื่อว่าสินเชื่อเดือน ธ.ค. ยังคงมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว โครงการภาครัฐ และความเป็น seasonality ของสินเชื่อ              ทางด้านเงินฝาก ณ วันที่ 30 พ.ย. 52 กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เราทำการศึกษาทั้ง 9 แห่ง รายงานยอดเงินฝากคงค้างอยู่ที่ 5,991,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76,138 ล้านบาท หรือ 1.29% จากสิ้นเดือนก่อน จากยอดเงินให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นมากกว่ายอดเงินฝากประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้สภาพคล่องเดือน พ.ย. ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือน ต.ค. โดยดูได้จากสัดส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝาก (LD Ratio) เพิ่มขึ้นจาก 92.0% เป็น 92.5% และหากพิจารณาตัวเลข 11 เดือนแรกพบว่าเงินฝากของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 69,582 ล้านบาท หรือ 1.17% Ytd ในขณะที่สินเชื่อมียอดลดลง 87,702 ล้านบาท หรือ -1.56% Ytd ทำให้สภาพคล่อง ณ สิ้นเดือน พ.ย. 52 เพิ่มขึ้นสูงจากสิ้นปี 51 โดย LD Ratio ลดลงจาก 95.1% ณ สิ้นปี 51 มาอยู่ที่ 92.5% ณ สิ้นเดือน พ.ย. จากสภาพคล่องที่ปรับตัวสูงขึ้นในขณะที่สินเชื่อยังคงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จึงยังไม่เห็นความจำเป็นที่ธนาคารต้องแข่งขันกันระดมเงินฝากในขณะนี้ ดังนี้เราคาดอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้จะยังทรงตัวในระดับเดิม  แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง            ทางฝ่ายวิจัยมีมุมมองที่เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร โดยเชื่อมั่นว่าธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีและปี 53 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นทั้งในด้านการขยายตัวของสินเชื่อและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interst Margins: NIM) ดังนี้ทางฝ่ายวิจัยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในลักษณะเลือกซื้อหุ้นธนาคารที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยหุ้นที่เราแนะนำได้แก่หุ้นธนาคารขนาดใหญ่อย่าง KBANK จากแนวโน้มการฟื้นตัวของสินเชื่อที่สูงประกอบกับ synergy ที่คาดจะได้รับจากการเข้าเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท เมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จในปีนี้ ส่วนธนาคารขนาดกลางที่เราแนะนำคือ BAY จากโอกาสเติบโตสูงในธุรกิจธนาคารเพื่อรายย่อย และ synergy ที่คาดจะได้รับจากการเข้าซื้อกิจการของ GE Money ในขณะที่ TISCO ยังคงเป็นธนาคารขนาดเล็กที่น่าสนใจ ในเรื่องของการขยายตัวของสินเชื่อที่สูง การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรูปแบบธุรกิจที่น่าสนใจ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook