7 ข้อคิด ของ Thought Leader “วรกร ยิ้มอยู่” นำทางจากชีวิตติดลบ สู่นักธุรกิจพันล้าน

7 ข้อคิด ของ Thought Leader “วรกร ยิ้มอยู่” นำทางจากชีวิตติดลบ สู่นักธุรกิจพันล้าน

7 ข้อคิด ของ Thought Leader “วรกร ยิ้มอยู่” นำทางจากชีวิตติดลบ สู่นักธุรกิจพันล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     หลายคนอาจไม่คุ้นกับชื่อ วรกร ยิ้มอยู่ สักเท่าไหร่ แต่หากเอ่ยปากถึง โอ้โห บายปูนิ่ม ก็คงจะจำกันได้ดีกับภาพของแม่ค้าออนไลน์ “ปูนิ่ม” ศิรินทรา เส็งสิน ที่พาชีวิตฝ่าฟันอุปสรรคจากติดลบจนขึ้นมาเป็นธุรกิจจำหน่ายสินค้าบนสื่อสังคมออนไลน์ ใช่แล้ว คุณวรกร ยิ้มอยู่ คือสามีของคุณปูนิ่ม ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการบริหารธุรกิจด้วยความเป็นนักคิด และนักปฏิบัติตัวจริง ที่นำพาองค์กรและน้องๆ พนักงานหลายร้อยชีวิตให้ก้าวไปพร้อม ๆ กัน

     และนี่คือ 7 ข้อคิดดีๆ จาก วรกร ยิ้มอยู่ ประธานกรรมการบริหารบริษัท โอ้โห บายปูนิ่ม จำกัด



     1. ความคิด คือ สิ่งที่สำคัญที่สุด
ถ้าวันนี้ สิ่งที่ดีที่สุดคือ ความคิด ถ้าคิดดี แต่ในทางกลับกันความคิด ก็คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเช่นกัน เพราะถ้าเมื่อไหร่ คิดลบ โดยเฉพาะ ถ้ารวมกันคิดหลาย ๆ สมอง ช่วยกัน คิดลบเมื่อนั้นเท่ากับคุณกำลังผนึกกำลัง รวมตัวกันแบบผู้แพ้ โดยสิ้นเชิง เพราะความคิดคือทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ เมื่อพร้อมรับสิ่งใด ความเป็นไปได้ในสิ่งนั้นจะปรากฏขึ้น

     2. อย่าทำงานแค่เพราะหวังค่าจ้าง
การทำงานในแต่ล่ะวัน ตอนนี้คุณทำงานแบบไหน? โดยมากเท่าที่เห็น ทุกคนจะทำงานกันแบบ ตามเงินค่าตอบแทน ซึ่งนั่นหมายความว่า ชีวิตมันจะอยู่ไปวันๆ โดยที่ไม่ได้มีการพัฒนากายและสมอง ความคิดอันดีจะเป็นตัวสั่งงานให้สมองและร่างกายทำในสิ่งที่คิดเสมอ ถ้าคิดว่าทำแค่นี้พอ มันก็จะพอแค่นั้น ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตและความคิด ลองทำแบบนี้ดูสิ จงทำงานให้มากกว่าค่าจ้าง ในไม่ช้าคุณจะรู้ว่าค่าจ้างที่คุณได้รับมันมากกว่างานที่ทำ ตัวพี่เองทำแบบนี้มาโดยตลอด ไม่ว่าสิ่งที่ทำจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ๆ ก็ตาม มันดีน่ะ ลองดู

     3. เริ่มจากสิ่งเล็กๆ เพื่อก้าวสู่ความยิ่งใหญ่
ในบางครั้งคนเรามองข้ามกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำว่าเป็นเรื่องเล็กๆ และพยายามที่จะมองหาสิ่งที่คิดว่าใหญ่และต้องทำมันให้ได้ แต่บางครั้งยังตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าอะไรคือเรื่องใหญ่ที่คุณอยากจะทำ บางครั้งอย่ามองแค่โครงสร้างว่า ทำแบบนั้นแบบนี้ถึงจะใหญ่ ทำอย่างนี้ไม่มีทางรวยหรอก คุณกำลังพยายามบอกกับตัวเองแบบนี้ใช่ไหม แต่พี่กลับไม่มองเช่นนั้นเพราะตอนที่จะมาทำธุรกิจออนไลน์ เราเริ่มจากเรื่องเล็กๆ ในขณะที่คนอื่นมองว่ามันจะเป็นไปได้หรือ? พี่ก็ไม่ได้สนใจนะว่าใครจะคิดอย่างไร? แต่ตัวพี่เองคิดเสมอว่า ถ้าวันนี้เราไม่สามารถทำเรื่องใหญ่ขึ้นได้จริงๆ ขอให้คิดเสียว่า สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เรากำลังทำอยู่มันอาจจะเป็นวิถีทางของความยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน “หัวหมา ถึงยังไง ก็ยิ่งใหญ่กว่าเป็นหางสิงห์” ลองคิดแบบนี้ดูแล้วจะรู้ว่า แบบนี้ได้ด้วยเหรอ นั่นคือวิธีคิดของพี่ แบบของพี่

     4. อยากได้อะไรจากใคร จงให้เขาก่อน
โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่จะทำตัวเป็นผู้รับ รับในทุกๆ เรื่องที่ตัวเองอยากจะได้ แต่ไม่ค่อยคำนึงถึงการให้ จริงๆ แล้วถ้ากลับมาคิดเรื่องนี้ให้ดีๆ เราอาจจะลืมไป เพราะหลายคนทำตัวเป็นผู้รอ รอทุกเรื่อง รอโอกาส รอให้ได้ก่อน เดี๋ยวค่อยให้ เพราะพลังความคิดแบบนี้ เลยไม่ค่อยจะมีใครเริ่มที่จะเป็นผู้ให้ก่อน ลองดูนะ อยากได้อะไรจากใคร ลองให้เขาก่อนสิ แล้วสิ่งที่ได้กลับ มันจะเป็นเรื่องเดียวกับที่เราอยากได้ ลองมาเป็นผู้ให้กันบ้างครับ เพราะยังไงมือผู้ให้ย่อมอยู่สูงกว่าผู้รับเสมอ

     5. มิตรภาพคือสิ่งค้ำจุนโลก
คำว่า ขอโทษ /ขอบคุณ /คำยินดีต่างๆ คือคำค้ำจุนโลกทั้งใบ การที่เรามีครอบครัว มีมิตร มีพี่ มีน้อง และครอบครัวใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ นั้นเราก็ยังรักกัน และรักกันมากขึ้นเพราะมีคำว่า ขอโทษ/ ขอบคุณ/คำยินดีที่มีให้กันเสมอ บางครั้ง.. ความสุขก็หาได้จากความรักความจริงใจ...ความช่วยเหลือในยามยาก และมิตรภาพที่ดีที่มีให้แก่กัน...มันจึงเปี่ยมคุณค่าสูงยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด 

     6. รักลูกน้องเหมือนครอบครัว
เพราะเราคือครอบครัวเดียวกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเรายังรักและสามัคคีกันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะต่างคนต่างมีเป้าหมายเดียวกัน บางส่วนของความทรงจำ ที่คิดถึงทุกครั้งก็ยิ้มได้ ไม่รู้ว่ารู้สึกรักเมื่อไหร่ รู้แค่ทุกวันนี้ 'รัก' และ 'รักมากขึ้น' ทุกวัน ไม่ว่าจะเกิดอะไร เชื่อว่าสุดท้ายความรักของพวกเรา จะพาพวกเราผ่านพ้นปัญหาและรักกันมากขึ้น เพราะเราคือ 'ครอบครัว'

     7. อย่ากลัวความพ่ายแพ้
สำหรับคนที่กลัวความล้มเหลว ใครจะเรียกยังไม่รู้ แต่พี่เรียกว่า “ความพ่ายแพ้ชั่วคราว” ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเลย มีอย่างเดียวคือจะหันไปขอบคุณ ไอ้ความพ่ายแพ้ชั่วคราวนี้ว่า ขอบคุณนะที่มาไว จะได้รู้ช่องทางความสำเร็จ หลายคนท้อแท้ เมื่อเจอกับความพ่ายแพ้ชั่วคราว โทษโน่น นี่ นั่น ตลอด เพราะที่ต้องมีอารมณ์ ท้อ แบบนั้น เมื่อไหร่ แสดงว่า คุณกำลังกลัวอยู่ ถ้าไม่รู้จะแก้ยังไง พี่แนะนำให้ไปค้นพบสัจธรรมของชีวิต เพราะมันหนีไม่พ้นหรอกครับ แต่ต้องอยู่กับมันให้ได้ มันอยู่กับคนกล้าไม่ได้หรอกครับ ไอ้ความพ่ายแพ้ชั่วคราวเนี่ย เพราะมันกลัวคนกล้าครับ

 

 

[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook