ดอกเบี้ยขาลง! คนกู้ซื้อบ้านใช้ประโยชน์อย่างไรให้คุ้มค่า.?

ดอกเบี้ยขาลง! คนกู้ซื้อบ้านใช้ประโยชน์อย่างไรให้คุ้มค่า.?

ดอกเบี้ยขาลง! คนกู้ซื้อบ้านใช้ประโยชน์อย่างไรให้คุ้มค่า.?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เห็นแบงก์ทยอยประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ MLR หรือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ซึ่งเป็นเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Term Loan) โดยส่วนใหญ่ใช้กับเงินกู้ระยะยาวที่มีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน ตัวอย่างเช่น สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ แล้วก็น่ายินดีกับผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม เอสเอ็มอี ที่ต้องได้ผ่อนภาระลงไปบ้าง

ทั้งนี้ทั้งนั้น มีบางธนาคารได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย MRR หรือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี ลงด้วย เช่น ธนาคารทหารไทย ที่ปรับลดลงมา 0.25 % จาก 8.025% เป็น 7.775% ซึ่งดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทนี้ได้แก่ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบัตรเครดิต เป็นต้น ซึ่งในส่วนนี้ บรรดาลูกหนี้ผ่อนบ้าน ลูกหนี้บัตรเครดิต ได้อานิสงค์ไปเต็มๆ

ต่อจากนี้เราคงต้องรอดูว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยของแต่ละแบงก์ลงมาอย่างไร โดยเฉพาะบรรดาลูกหนี้ ติดตามให้ดี เพราะเราสามารถบริหารหนี้เพื่อลดภาระหนี้ของเราลงได้นะครับ โดยเฉพาะ ใครที่เป็นหนี้เงินกู้เพื่อผ่อนบ้านหรือที่อยู่อาศัยอยู่

ทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้

อย่างที่บอกว่าต้องติดตามดูแต่ละธนาคารว่ามีการปรับดอกเบี้ยเงินกู้มาอย่างไร หากแบงก์ที่เรากู้ไม่ปรับลดลงมาเราจะทำอย่างไรดี..?
ขั้นแรก นำตารางดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ของทุกแบงก์มากางดูเลยว่า แต่ละแบงก์หรือแต่ละธนาคารมีอัตราเท่าไร? หาก ดอกเบี้ยเงินกู้ที่เราผ่อนบ้าน สูงกว่าของแบงก์อื่น มองไปที่แบงก์ที่มีดอกเบี้ยประเภทเดียวกันเลยครับว่ามีอัตราเท่าไร


ที่นี้มาดูเงื่อนไขการกู้เงินของเรา ว่า เราผ่อนแบงก์ไปจนผ่านระยะเวลาที่เป็นเงื่อนไขว่าห้ามรีไฟแนนซ์หรือยัง ปรกติในสัญญาเงินกู้จะระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามกู้เงินเพื่อมาชำระหนี้เดิม หรือ รีไฟแนนซ์หนี้กี่ปี ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลา 3 ปี แต่ให้ชัดเจนไปดูสัญญาเงินกู้ครับ

หลังจากนั้นลองมานั่งดูว่า งวดชำระภาระดอกเบี้ยที่เหลือ กับ เงื่อนไขของแบงก์ใหม่ที่เราเล็งไว้ว่า ดอกเบี้ยถูกกว่าหรือไม่ ภาระที่เราจะจ่ายต่องวด ดีกว่าเงื่อนไขสัญญาเดิมหรือไม่ ซึ่งปรกติแล้ว ดอกเบี้ยที่ถูกลง จะลดภาระให้เราได้มากอยู่แล้ว เราก็ไปติดต่อธนาคารที่เราเล็งไว้ได้เลย

หลังจากเรารีไฟแนนซ์เงินกู้ผ่อนบ้านใหม่แล้ว สามารถลดภาระดอกเบี้ยจากเงินกู้ลงได้แล้ว ก็มีข้อแนะนำเพื่อให้การผ่อนบ้านสามารถผ่อนหมดได้เร็วขึ้นอีกด้วยคือ

-เพิ่มเงินจ่ายค่างวดมากกว่าที่กำหนด 10 %
สมมุติหลังรีไฟแนนซ์แล้ว ท่านมีภาระจ่ายชำระหนี้ต่อเดือน อยู่ที่ 20,000 บาท แต่ท่านมีกำลังการเงินพอ ให้เพิ่มเงินชำระค่างวดไปอีก 10 % หรือเป็น 22,000 บาท วิธีนี้จะช่วยให้ท่านจ่ายหนี้หมดได้เร็วกว่าเดิมเป็นปีเลยนะครับส่วนจะกี่ปี แล้วแต่วงเงินกู้ว่ามากน้อยเพียงใด

เหตุที่ผ่อนหนี้หมดเร็วจากวิธีนี้ เพราะ ปรกติ ในงวดชำระเงินกู้ทางแบงก์จะแบ่งเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยรวมกันอยู่ อย่างเช่น เงินงวด 20,000 บาท เป็นเงินต้น 10,000 บาท ดอกเบี้ย 10,000 บาท เมื่อท่านเพิ่มจ่ายเงินเข้าไปอีก 2,000 บาท ธนาคารจะนำไปหักเงินต้นให้ จะทำให้เงินต้นลดลงเร็วขึ้น ระยะยาวจะทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลงด้วย เพราะเมื่อเงินต้นน้อยลง ดอกเบี้ยที่คิดจากเงินต้น จะลดลงไปตามสัดส่วนด้วย

-อีกแนวทางในการลดเวลาในการผ่อนหนี้ให้เร็วขึ้นคือ โปะด้วยเงินก้อน

ใครที่มีโบนัส หรือ ได้เงินพิเศษเป็นเงินก้อนมา ส่วนหนึ่ง กันมาใช้หนี้เป็นก้อนใหญ่จะช่วยลดภาระจากดอกเบี้ยลงได้มาก และทำให้เราจ่ายหนี้ได้เร็วขึ้น
สมมุติเรากู้ซื้อบ้าน 3 ล้านบาท ถ้าผ่อน 20 ปี จะจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด 2.5 ล้านบาท และสมมติว่าเงินเดือนของเราอยู่ที่ 50,000 บาท ได้รับโบนัส 3 เดือน เท่ากับ 150,000 บาท ถ้าแบ่งมาโปะบ้าน 1 แสนบาท โดยโปะเมื่อผ่อนบ้านไปแล้ว 1 ปี และโปะเพียงครั้งเดียว คิดเป็นดอกเบี้ยที่ประหยัดได้ตลอดระยะเวลาที่เหลือเกือบ 3 แสนบาท และระยะเวลาผ่อนบ้านลดลงเกือบ 1.5 ปี จะเห็นได้ว่า โปะบ้านเพียงครั้งเดียวด้วยเงิน 1 แสนบาท ยังประหยัดดอกเบี้ยได้หลายแสน แล้วถ้าโปะบ้านทุกครั้งที่มีเงินก้อนหรือได้เงินโบนัส จะประหยัดดอกเบี้ยได้มากขนาดไหน

ในโอกาสที่มีการปรับลดดอกเบี้ยลงมาแบบนี้ คนที่มีภาระผ่อนหนี้อย่าพลาดโอกาสเด็ดขาด สนใจติดตามดูความเคลื่อนไหวของแต่ละแบงก์สักนิด จะช่วยลดภาระเราได้มากเลยครับ......

ภาพจาก :http://www.istockphoto.com/

ขอบคุณแหล่งข้อมูล

 https://k-expert.askkbank.com

 https://www.krungsri.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook