ลาวเจรจาสร้างรถไฟฟ้ากับจีนได้ดีกว่าไทย

เอกชน มอง ลาว เจรจาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าร่วมจีนได้ดีกว่าไทย แนะ ไทยตัดสินใจรอบคอบ ก่อนลงนามร่วมก่อสร้าง
จากกรณีการเจรจาสร้างรถไฟฟ้าของลาวกับจีน ดูไม่เสียเปรียบเท่ากรณีประเทศไทย รัฐบาลไทยจึงควรพิจารณาให้ถ้วนถี่ แม้แต่กรณีอินโดนีเซียก็ยังเจรจาได้ดีกว่าไทย นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์สได้ สรุปว่า เงินลงทุนสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง คือ 38,700 ล้านหยวน หรือ 6,040 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ราว 217,440 ล้านบาท สำหรับระยะทางประมาณ 427 กิโลเมตร รัฐบาลจีนออกเงิน 70% ของเงินลงทุน ส่วนลาวออกส่วนที่เหลือ และทั้งสองฝ่ายจะนำเงินมาประเดิมที่ 40% ของเงินลงทุนของแต่ละฝ่าย โดยในเบื้องต้นรัฐบาลลาวจะได้เงินกู้จากจีน 480 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 17,280 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินลงทุนในส่วนของลาว แสดงว่าลาวไม่ได้ออกเงินเองเลย สำหรับเขตทางรถไฟจะมีความกว้าง 50 เมตร ส่วนสถานีที่กลางกรุงเวียงจันทน์ จะมีขนาด 937.5 ไร่ และสถานีเล็กสุดมีขนาด 250 ไร่
สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ในตอนแรกจีนยื่นข้อเสนอที่ 3% ต่อปี อย่างไรก็ตาม รัฐบาลลาวได้ต่อรองอัตราดอกเบี้ยลง แต่ไม่ได้เปิดเผย ทั้งนี้ลาวมีความมั่นใจว่าจะสามารถใช้คืนหนี้ได้เพราะจะได้จีนจากการให้สัมปทานเหมืองแร่โปแตส 5 แห่ง โดยเชื่อว่าจะสามารถใช้หนี้คืนได้ภายใน 5 ปี ไม่ใช่ 30 ปีตามสัญญาเดิม พร้อมกันนี้ลาวคาดหวังว่าโครงการนี้จะทำให้เศรษฐกิจลาวเติบโตขึ้น 32% และจะมีผู้ใช้บริการ 4 ล้านคน ในระยะเริ่มต้น และเติบโตเป็น 6.1 ล้านคน ในช่วงกลาง และในระยะยาวจะมีผู้ใช้ถึง 8.1 ล้านคน ยิ่งกว่านั้นยังจะมีผู้ใช้บริการจากส่วนอื่นอีกด้วย
ขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบกับไทยพบว่า 1.โครงการของลาวใช้เงินต้นทุนกิโลเมตรละ 509 ล้านบาท ในขณะที่ไทยจะใช้เงิน 627 ล้านบาท ทั้งที่ลาวต้องผ่านป่าเขามากมาย ในกรณีอินโดนีเซียก็ใช้เงินน้อยกว่าคือ จากจาการ์ตาไปไปสุราบายา เป็นเงินเพียง 568 ล้านบาท 2.เงินกู้ต่างๆ นั้น รัฐบาลลาวแทบไม่ได้ใช้เงินสดหรือเงินลงทุนในส่วนของตน เแต่ไทยต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก จึงถือว่ามีความเสี่ยงสูง ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงควรที่จะไตร่ตรองให้หนักก่อนลงนามในสัญญารถไฟกับจีน