ปลัดคลังชี้บรรษัทภิบาลช่วยดึงดูดนักลงทุน

'สมชัย' ชี้ประเทศไทยพัฒาบรรษัทภิบาล เกิดความโปร่งใส ช่วยดึงดูดนักลงทุน ขอบริษัทต่างๆ เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะให้เกิดความโปร่งใส มั่นใจ รับมือเงินทุนผันผวน หากเฟดขึ้นดอกเบี้ย

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวเปิดงาน 2015 OECD - ASian Roundtable on Corporate Governance ซึ่งจัดขึ้นโดย สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ว่า การมีธรรมภิบาลเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่นักลงทุนเชื่อมั่นเข้ามาลงทุน ซึ่งที่ผ่านไทยมีการพัฒนาสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอดและเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวในทุก Sector ดังนั้น ต้องการเน้นใหับริษัทต่างๆ เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะให้เกิดความโปร่งใส เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โดยที่ผ่านมา ไทยได้ปรับเปลี่ยน แก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย และกฎระเบียบต่างๆ เพื่อสนับสนุนบรรษัทภิบาล ทำให้การบริหารจัดการความโปร่งใสเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น

ส่วนกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0 - 0.25 ต่อปีนั้น ถือเป็นสิ่งที่ดีต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ในภาวะสถานการณ์เศรษกิจของสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีความมั่นใจในการฟื้นตัวเต็มร้อย ดังนั้น การคงอัตราดอกเบี้ยจึงเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพื่อไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทย มีการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไว้อยู่แล้ว จึงเชื่อว่าจะสามารถรองรับกับความผันผวนของเงินทุนไหลเข้า-ออกได้ ซึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. และกระทรวงการคลัง จะมีเครื่องมือในการดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน นอกจากนี้ นายสมชัย กล่าวถึงกรณีที่ไทยมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2559 จากปัจจุบันที่ร้อยละ 1.5% ต่อปี ว่า เป็นเรื่องปกติ หากภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ และเห็นผลชัดเจนในไตรมาสแรกปีหน้า จากปัจจัยเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อภาคการส่งออกของไทย ขณะที่ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ และมาตรการกระตุ้นภาครัฐ จะส่งผลดีต่อการบริโภคในประเทศ และสินค้าอุปโภคบริโภคมีราคาสูงขึ้น