ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง151.44จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) ร่วงลง 151.44 จุด หรือ 1.20% ปิดที่ 12,505.76 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 24.31 จุด หรือ 1.81% ปิดที่ 1,319.49 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 57.19 จุด หรือ 2.00% ปิดที่ 2,802.62 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กประมาณ 3.5 พันล้านหุ้น เนื่องจากความกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สาธารณะอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป รวมถึงอิตาลี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากที่ประชุมระหว่างคณะทำงานของประธานาธิบดี บารัค โอบามาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ในเร็วๆนี้ นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการคลังของอิตาลี เพราะเกรงว่าอิตาลีอาจจะเป็นประเทศต่อไปในยุโรปที่ต้องเผชิญกับปัญหาหนี้แบบเดียวกับกรีซ หลังจากที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อว่าตราสารหนี้ระยะยาวและเงินฝากของธนาคารเอกชน 16 แห่งของอิตาลี ในช่วงปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา การประกาศทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารอิตาลีมีขึ้นไม่นานหลังจากมูดีส์ประกาศทบทวนแนวโน้มความน่าเชื่อถือของประเทศอิตาลี โดยเตือนว่ามีความเป็นไปได้ที่มูดีส์จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีซึ่งปัจจุบันยืนอยู่ที่ระดับ Aa2 หลังจากเศรษฐกิจอิตาลีขยายตัวเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ตัวเลขหนี้สาธารณะมีอยู่สูงถึง 120% ของตัวเลขจีดีพี ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในยุโรป อิตาลีได้ประกาศควบคุมการทำชอร์ตเซลล์ หลังจากค่าสเปรดของพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.90% เมื่อเทียบกับพันธบัตรของเยอรมนี ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในกลุ่มยูโรโซน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ 5.565% นอกเหนือจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปแล้ว ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนและสหรัฐ รวมถึงตัวเลขจ้างงานที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด และอัตราเงินเฟ้อของจีนที่พุ่งขึ้นรุนแรงในเดือนมิ.ย. ขณะเดียวกัน ตลาดวิตกกังวลกับข่าวที่ว่า ที่ประชุมระหว่างคณะทำงานของประธานาธิบดี บารัค โอบามาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ในเร็วๆนี้ ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ค. และธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน FOMC เมื่อวันที่ 21-22 มิ.ย. ส่วนวันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย. และกระทรวงการคลังสหรัฐจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนมิ.ย. วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. และธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมิ.ย.