ภาวะตลาดหุ้นรายวัน - บล.เคจีไอ

ภาวะตลาดหุ้นรายวัน - บล.เคจีไอ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ลดพอร์ตเทรดดิ้ง ช่วงสั้นตลาดเป็นลบมากกว่าที่คาด             KGI ประเมินหุ้นไทยวันอังคารปรับลง ภาพตลาดระยะสั้นเป็นลบมากขึ้นเนื่องจากที่ประชุมฉุกเฉินของกลุ่มยุโรปเมื่อคืนนี้ ไม่ได้ชี้แจงปัญหาและแนวทางฟื้นฟูหนี้สินของอิตาลี ซึ่งยิ่งทำให้นักลงทุนกังวลต่อสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอิตาลีซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 และหนี้สินต่อจีดีพีสูงเป็นอันดับ 2 ของยุโรป ดังสะท้อนจากต้นทุนประกันความเสี่ยงประเทศอิตาลี (CDS) ขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์และดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปีขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 1 ทศวรรษ นอกจากนี้ทางสหรัฐฯ มีความคืบหน้าน้อยมากในการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันในระยะสั้นต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง             ณ ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนว่าสถานการณ์ในอิตาลีนั้นเป็นความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้จริงๆ (Default risk) หรือว่าเป็นเพียงการขายตกใจในช่วงเริ่มมีข่าว (Panic selling) แต่เนื่องจากตลาดหุ้นไทยรับรู้ปัจจัยบวกภายในประเทศไปแล้ว จากเรื่องผลการเลือกตั้งและเสถียรภาพการเมือง จึงเป็นไปได้มากกว่า SET จะปรับฐานลงระยะหนึ่ง (เช่น 1 สัปดาห์) เพื่อรอดูความชัดเจนเรื่องอิตาลีก่อน สำหรับดัชนีฯ วันนี้มีแนวรับที่ 1,065 จุด และแนวต้านที่ 1,080 จุด ส่วนการปรับฐานรอบนี้ไม่น่าลงต่ำกว่าค่า PE 11 เท่า ที่ 1,040 จุด (คำนวณจากกำไรต่อหุ้นของตลาดปี 54 ที่ 94.3) ซึ่งในรอบของการปรับฐานที่ผ่านๆ มาในปี 2554 ไม่ว่าเรื่องเงินเฟ้อจีน สหรัฐฯ ชะลอ หรือหนี้สินในกรีซ พบว่าค่า PE ที่ 11 เท่า สามารถรองรับดัชนีฯ ไว้ได้             กลยุทธ์: เนื่องจากเราคาดว่าต้องใช้เวลานานขึ้นกว่าตลาดจะคลายกังวลเรื่องอิตาลี แนะให้พอร์ตเทรดดิ้งขายลดเสี่ยง/ตัดขาดทุน แล้วถอยออกมาดูสถานการณ์ ส่วนพอร์ตลงทุนให้ถือหุ้นต่อไปได้เพราะเรามองว่าทางลงจะไม่มากนัก ดังที่กล่าวไปข้างต้น ในช่วงนี้หุ้นขนาดกลางจะกลับมาเด่นกว่าตลาด แนะซื้อต่อใน MAJOR, SAT และ AH ส่วนหุ้นใหญ่พอเข้าซื้อในช่วงลง โดยเน้นกลุ่มแบงก์ซึ่งน่าจะรายงานกำไรไตรมาส 2/54 ดี เช่น KBANK*, SCB* เป็นต้น   ความเห็นข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ           นายบรรยงค์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยอาจไม่ทำตามคำสั่งของรมช. พาณิชย์ในการที่จะยื่นฟ้อง DTAC* ในข้อหาละเมิดพรบ. ต่างด้าว เป็นไปตามที่เราคาดว่ากรมพัฒนาธุรกิจการค้าซึ่งเป็นข้าราชการประจำและเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตรวจสอบกรณีดังกล่าวของ DTAC โดยตรงจะยึดตามข้อสรุปของกรมที่จะยื่นการตรวจสอบเชิงลึกให้กับตำรวจ แทนที่กรมจะเป็นคนตัดสินเองว่า DTAC ผิดพรบ. ต่างด้าว คำแถลงของอธิบดีกรมการพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นการยืนยันมุมมองของเราที่ว่าการตัดสินกรณี DTAC จะต้องใช้เวลาเป็นหลักปีมากกว่าหลักเดือนถึงจะรู้ผล นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่าหากมีคำตัดสินก็จะไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของ DTAC เนื่องจากมีหลายอุตสาหกรรมในเมืองไทยมีแนวโน้มผิดพรบ. ต่างด้าวเหมือนกันเช่นอุตสาหกรรมค้าปลีก จึงคงคำแนะนำถือ เพื่อรับเงินปันผลระดับสูงอย่างน้อย 9%           THAI* เผย cabin factor ไตรมาส 2/54 เฉลี่ยเท่ากับ 66.5% เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของ cabin factor ในไตรมาส 2/54 นั้นเป็นผลจากฐานที่ต่ำในปีก่อนเนื่องจากเกิดปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง อย่างไรก็ตามเราประเมิน THAI จะรายงานผลขาดทุนจากการดำเนินงานในไตรมาส 2/54 เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นในระหว่างไตรมาส ขณะเดียวกัน cabin factor ในไตรมาส 2/54 กลับเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าคาด ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำเพียง “ถือ” ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท           AGE คาดอุปสงค์การใช้ถ่านหินที่เติบโตทั้งในและต่างประเทศ จะช่วยหนุนให้รายได้ปี 2554 เติบโต 80% YoY โดยเราประเมินทิศทางอุปสงค์ถ่านหินในตลาดโลกยังปรับขึ้นต่อเนื่อง และ EIA ได้ประมาณการณ์ว่าอุปสงค์ในตลาดโลกจะโต 5.0-5.6% ในปี 2554-2555 เป็น 8.0-8.4 พันล้านตัน ปัจจัยดังกล่าว คาดจะส่งผลบวกต่อ AGE ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ค้าถ่านหินรายใหญ่ของภายในประเทศ อีกทั้ง การขยายตลาดไปยังประเทศจีนที่มีความต้องการใช้ถ่านหินสูง คาดจะหนุนให้รายได้ปี 2554 เติบโต 93.2% YoY เป็น 5.4 พันล้านบาท และส่งผลต่อเนื่องให้กำไรปี 2554 เติบโตโดดเด่น 155% YoY เป็น 324 ล้านบาท เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเหมาะสมเท่ากับ 27.60 บาท             โดย บมจ.หลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) ประจำวันที่ 12 ก.ค. 2554

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook