"รับจัดงานศพสัตว์เลี้ยง" ธุรกิจเงินล้านของวัยรุ่น

เพ็ทมาสเตอร์ (PET MASTER) คือ ธุรกิจภาคบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ซึ่งกำลังได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง มีลูกค้าอุดหนุนมากขึ้นเรื่อยๆ  เกริ่นมาแค่นี้หลายท่านอาจคาดหนีไม่พ้น โรงพยาบาล ร้านอาหารร้านอาบน้ำตัดขน หรือไม่ก็ที่พักโรงแรม ดังเห็นกันอยู่มากมายหลายแบรนด์   หากเดามาอย่างนั้นต้องขอบอกว่าเดาผิด เพราะธุรกิจนี้มีการบริการไว้สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ไร้ซึ่งลมหายใจแล้ว...เท่านั้น!

ต่อเติม-ต่อยอด ศึกษา 5 เดือนก่อนลงทุน

           

บริการของ เพ็ทมาสเตอร์ ประกอบด้วย บริการรับส่งสัตว์เลี้ยงมายังวัด พิธีกรรมทางศาสนา บริการเก็บกระดูกหรือ ลอยอังคาร จำหน่ายโลงสำหรับสัตว์เลี้ยง และ กล่องเก็บกระดูกตลอดจนการทำอนุสรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงแสนรัก

ธุรกิจเจ้าของเรื่องราวนี้ มีหญิงสาวบุคลิกคล่องแคล่ว เป็นกันอง วัย20 ปลายๆ ชื่อพลอยทราย ภัสสรศิริ เป็นผู้ริเริ่ม โดย “ต่อเติม”มาจากธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเป็นโรงงานรับจ้างผลิตเตาไร้มลพิษทุกประเภทและ“ต่อยอด”มาจากงานวิจัยของเธอเมื่อครั้งจะต้องทำงานส่งเพื่อจบปริญญาตรี จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

         

และความที่เป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์ พอถึงเวลาต้องจากกันมักนำร่างเพื่อนสี่ขาไปฝังในบริเวณบ้านแต่เมื่อลองนึกถึงคนเลี้ยงกลุ่มอื่นซึ่งเขาอาจไม่มีพื้นที่ให้ฝังการทิ้งร่างของสัตว์เลี้ยงลงถังขยะบางครั้งเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งนั่นย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมเธอเลยเกิดความคิดน่าจะมีธุรกิจรับเผาซากสัตว์ให้เป็นเรื่องเป็นราว

หลังจากวางแนวคิดเริ่มต้นไว้ดังว่าสิ่งที่คุณพลอยทรายดำเนินการต่อมาคือศึกษาธุรกิจรับเผาซากสัตว์ที่มีตัวอย่างในต่างประเทศพบแค่ อังกฤษและญี่ปุ่นเท่านั้น ที่ทำกันเป็นกิจจะลักษณะ

         

“ก่อนทำธุรกิจนี้ หาข้อมูลอยู่ 4-5 เดือน เจอใครมักถามว่าอยากทำแบบนี้จะดีมั้ย บางคนบอกดี บางคนขำ บางคนงงแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิด” คุณพลอยทราย เล่าถึงจุดเริ่ม

หาแนวร่วม งานยากสุด

ราวปลายปี 2552เริ่มเดินหน้า “หาวัด”ที่มีแนวคิดตรงกันเนื่องจากการศึกษากฎหมายท้องถิ่นหลายฉบับ พบว่า การตั้งเตาเผาซากสัตว์ไม่สามารถไปตั้งในพื้นที่เอกชนโดยทั่วไปได้ต้องทำกันภายในบริเวณวัดเท่านั้น

คุณพลอยทราย เล่าประสบการณ์ให้ฟังว่าการเข้าไปขออนุญาตเพื่อตั้งเตาเผาสัตว์เลี้ยงจากเจ้าอาวาสแต่ละวัดในเขตกรุงเทพฯซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นทำเลเหมาะสมนั้นนับเป็น “งานยาก” สุด สำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจนี้

เธอบอก หลายวัดปฏิเสธโดยให้เหตุผลงานของคนกับสัตว์ ไม่ควรเอาไปรวมกัน แต่บางวัดเห็นต่างบอกสัตว์ เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกับคนการทำพิธีให้ตามสมควรจะทำให้พวกเขาได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี

“วัดที่ตอบรับส่วนใหญ่เจ้าอาวาสรักสัตว์เป็นทุนเดิมแต่บางวัดพอเดินเข้าไปกราบหลวงพ่อขอตั้งเตาเผาหน่อยท่านบอกจะบ้าเหรอใครเขาเผาหมาในวัด แถมโดนไล่ไม่ยอมคุยด้วยหลายครั้งต้องเดินคอตกออกมา” คุณพลอยทราย เล่ายิ้มๆ

         

อย่างไรก็ตาม หลังผ่านการดำเนินงานมาเกือบ 5ปี โครงการฌาปนกิจสัตว์เลี้ยง ภายใต้การดูแลของ PET MASTER มีอยู่ด้วยกัน 4 แห่งแล้ว คือในกรุงเทพฯ 3 แห่ง ได้แก่ วัดธาตุทอง เขตพระโขนงวัดไก่เตี้ยเขตตลิ่งชัน วัดบางบัว เขตบางเขน และวัดสว่างฟ้าพฤฒาราม พัทยาจังหวัดชลบุรี

ลงทุนหลักล้าน ลูกค้ามีทั้งไทย-เทศ

เล่าย้อนกลับไปถึงการลงทุนครั้งแรก เจ้าของกิจการรายนี้ บอก เริ่มต้นทำธุรกิจแบบเรียบง่าย โดยใช้เตาเผามือสองจากโรงงานที่บ้านมาปรับปรุงให้ใช้การได้ดีก่อนนำมาติดตั้งในวัดต่อมามีลูกค้าทยอยมาใช้บริการมากขึ้น จึงเปลี่ยนเป็นเตาเผาไร้มลพิษสภาพใหม่เอี่ยมมูลค่าประมาณ 1.7 ล้านบาท โดยสาขาแรกซึ่งอยู่ที่วัดธาตุทอง ใช้เงินเกือบ 3 ล้านบาทแบ่งเป็นค่าเตาเผา ค่าก่อสร้างโรงเรือนครอบเตาค่าติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด และค่าเครื่องประกอบพิธีจิปาถะ

ส่วนการให้บริการด้านอื่นๆของ PET MASTER นอกเหนือจากเตาเผาไร้มลพิษ ซึ่งประกอบไปด้วยรับส่งร่างสัตว์เลี้ยงมายังวัด รวมทั้งพิธีกรรมทางศาสนา นับแต่การสวดการเผา เก็บกระดูก ลอยอังคาร จำหน่ายโลง-กล่องเก็บกระดูกนั้นทยอยตามออกมา

        

อย่างไรก็ตาม คุณพลอยทราย ยอมรับ ช่วงแรกที่ทำธุรกิจนี้ มีความกังวลอยู่ไม่น้อยเกรงสังคมจะตำหนิเป็นธุรกิจสร้างค่านิยมฟุ่มเฟือยแต่พอลูกค้าทราบมีบริการเตาเผาสัตว์เลี้ยง พวกเขามักถามต่อมีพิธีสวด มีโลง มีเก็บกระดูกมั้ย จึงค่อยๆคิดรูปแบบการบริการและผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการออกมา

เมื่อถามถึงผลตอบแทน คุณพลอยทรายคำนวณคร่าวๆ หากความถี่ในการเผาอยู่ที่30-50 ตัว ต่อเดือน ใช้เวลาไม่เกิน 3 ปีน่าจะคืนทุน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับการให้บริการด้านอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น ขายโลง กล่องเก็บอัฐิพวงหรีด ฯลฯ หากพึ่งรายได้จากเตาเผาเพียงอย่างเดียวคงอยู่ลำบากเพราะต้นทุนค่อนข้างสูง

 ส่วนลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย คุณพลอยทราย บอก มีทั้งไทยและต่างชาติถ้าเป็นโซนสุขุมวิท ส่วนใหญ่เป็นจีน ญี่ปุ่นซึ่งเน้นความสวยงามทุกอย่างทั้งโลงทั้งดอกไม้โซนพัทยา เป็นลูกค้าชาวตะวันตก สำหรับทำเลที่ตั้งของธุรกิจนี้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในย่านของคนมีกำลังซื้อแต่ควรอยู่ในย่านไม่มีที่ดินให้ฝัง เช่นพื้นที่ที่มีคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ ก่อสร้างเต็มหมดแล้ว

คู่แข่งยังน้อย หนักใจพวกฉวยโอกาส

         

ปัจจุบัน เพ็ทมาสเตอร์ มี 4 สาขา ถึงวันนี้กิจการมีความแข็งแรงพอตัว ถึงเวลามองหาแนวร่วมทางธุรกิจแต่เนื่องจากศักยภาพธุรกิจของเธอสามารถดูแลได้แค่พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลขณะที่ความต้องการของลูกค้ามีมากกว่านั้นโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ประกอบกับมีคนสนใจอยากลงทุนบ้าง เลยตัดสินใจทำระบบแฟรนไชส์ขึ้นมา

ซึ่งที่ผ่านมามีนักลงทุนสนใจหลายรายในประเทศมีติดต่อมาทั้งระยอง อุดรธานี เชียงใหม่แต่คุณพลอยทรายยังไม่ปล่อยขาย โดยให้เหตุผลรอดูความต้องการของลูกค้าไปอีกระยะหนึ่ง ระหว่างนี้ควรทำธุรกิจเริ่มต้นด้วยการ “รับฝัง”ไปก่อน แล้วสอบถามกลุ่มลูกค้าว่าถ้ามีเตาเผาจะสนใจมั้ย ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความจำเป็น เนื่องจากพื้นที่ว่างในต่างจังหวัดยังมีเหลืออยู่อีกมาก หากทำธุรกิจครบวงจรในช่วงนี้เลย เงินอาจจมอีกนานกว่าจะคืนทุน

ส่วนลูกค้าต่างประเทศ คุณพลอยทราย บอก ติดต่อเข้ามา2 ราย เป็นนักลงทุนในพม่าและมาเลเซีย ติดต่อซื้อเตาเผาไปแบบ “ขายขาด” ส่วนรูปแบบการบริการนั้น พวกเขาไปดำเนินการเอง

ถามถึงคู่แข่งที่มีหลายรายขึ้น คุณพลอยทราย บอก ถ้าทำครบวงจรเหมือนกัน ยังมีน้อยอยู่จึงไม่เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจแต่อย่างใด  แต่ล่าสุดมี “ปัญหาใหม่”เข้ามาให้หนักใจ เกี่ยวกับคนทำธุรกิจ “รถรับส่ง”บางราย ที่ฉวยโอกาสหาประโยชน์บนความทุกข์ของเจ้าของสัตว์ โก่งราคาแพงเกินจริง แถมไม่ทำอย่างที่แจ้งไว้กับลูกค้า

        

“ก่อนหน้านี้มีลูกค้าหลายรายมาตามหากระดูกสัตว์เลี้ยงของเขาที่วัดธาตุทอง บอกว่ารถรับส่งที่มารับไปทำพิธีคิดราคา6,000 บาท และรับปากจะมาทำพิธีให้ที่วัดธาตุทอง เลยต้องอธิบายบริการของเพ็ทมาสเตอร์ ถ้าให้รถรับมาทำพิธีที่วัด เบ็ดเสร็จแล้ว ราคาอยู่ในราว3,500 บาท

และเมื่อทำพิธีเสร็จมีการลงทะเบียนรับไว้ทุกตัว จากนั้นจะเก็บกระดูกแยกไว้ชัดเจน แต่นี่ไม่มีรายชื่อสัตว์เลี้ยงของพวกคุณ แสดงว่ารถรับส่งรายนั้นไม่ได้เอามาทำพิธีที่วัดธาตุทองแน่นอน เจ้าของก็ร้องไห้กันใหญ่

เลยพยายามประชาสัมพันธ์ ให้รู้ว่ากิจการเพ็ทมาสเตอร์ มีบริการรถรับร่างสัตว์เลี้ยงมาทำพิธีที่วัด แต่ไม่มีการนิมนต์พระไปสวดที่บ้านหรือสวดบนรถตู้ ถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ใช่ของเราแน่นอน ตอนนี้ทางวัดก็กำลังหาตัวอยู่ เพราะวัดเสียชื่อเสียงเหมือนกัน”

คุณพลอยทราย เล่ามาอย่างนั้น ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทิ้งท้าย

ที่มา: http://www.sentangsedtee.com/news_detail.php?rich_id=1228§ion=17&column_id=49