รัฐบาลเล็งเก็บ VAT เพิ่มอีก 1%

รัฐบาลเล็งเก็บ VAT เพิ่มอีก 1%

รัฐบาลเล็งเก็บ VAT เพิ่มอีก 1%
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักวิชาการ สนับสนุนแนวคิดรัฐบาลทยอยเก็บภาษีมูลเพิ่มร้อยละ 1 ต่อปี ของนายวีรพงษ์ รามางกูร พร้อมเสนอผลักดันกฎหมายการเก็บภาษีมรดก ภาษีสิ่งแวดล้อม

รวมทั้งยกเลิกมาตรการสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้รัฐ และลดความเหลื่อมล้ำของรายได้

แนวคิดการทยอยปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ แวต (vat) จากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 8 ของ นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ

ซึ่งเป็นฐานภาษีขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้รัฐลดภาษีประเภทอื่นลงได้ และยังเสนอให้ระมัดระวังการปรับปรุงมาตรการลดหย่อนภาษีผู้มีรายได้สูง

รองศาสตราจารย์ นิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เห็นด้วย และระบุว่า รัฐบาลจะได้นำรายได้จากการจัดเก็บภาษีไปลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจ แทนที่จะใช้วิธีกู้เงิน ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจ

พร้อมเรียกร้องให้ รัฐบาลยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุน (บีโอไอ) และเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บภาษี จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 16 ของจีดีพี ทั้งที่ศักยภาพการจัดเก็บภาษีจริงอยู่ที่ ร้อยละ 19-20 ของจีดีพี

ขณะที่ ศ.ดิเรก ปัทมศิริ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอว่า รัฐบาลควรผลักดันกฎหมายการเก็บภาษีมรดก ภาษีที่ดิน รวมทั้งภาษีสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้

ก่อนหน้านี้นายสาธิต รังคศิริ อธิบดีกรมสรรพากร เตรียมเสนอพระราชกฤษฎีกาแก้ไขประมวลรัษฎากร ปรับโครงสร้างภาษีบุคคลธรรมดา พร้อมกำหนดเพดานลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกินปีละ 700,000 บาท เพื่อเพิ่มรายได้เข้ารัฐ คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรีได้ ภายในเดือนพฤษภาคมนี้

ขณะที่ นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนายการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจจะขยายตัวเกินคาด จึงเตรียมเสนอแผนขยายเวลาจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ 7 ออกไป 1 ปี

จากนั้นจึงปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ต่อปี เพื่อไม่ให้กระทบผู้บริโภคมากเกินไป ซึ่งการเก็บภาษีมูลเพิ่มทุกๆ ร้อยละ 1 รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าปีละ 40,000 ล้านบาท

รัฐบาลขยายระยะเวลาจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 มาแล้ว 3 ครั้งนับตั้งแต่ปี 2542 เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งในครั้งที่ 3 จะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน

 

ขอบคุณข้อมูล ThaiPBS

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook