10 เต็ม 10 ‘ธนาธร’ ให้คะแนนการแต่งกายสไตล์นักการเมืองรุ่นใหม่ของตัวเอง

10 เต็ม 10 ‘ธนาธร’ ให้คะแนนการแต่งกายสไตล์นักการเมืองรุ่นใหม่ของตัวเอง

10 เต็ม 10 ‘ธนาธร’ ให้คะแนนการแต่งกายสไตล์นักการเมืองรุ่นใหม่ของตัวเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

'วอยซ์ออนไลน์' เปิดตู้เสื้อผ้าของ 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' ฟังคำบอกเล่า ทำไมถึงใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ จนจำติดตา สื่อสารอะไรผ่านการแต่งกายหรือเปล่า คำตอบของเขาง่ายยิ่งกว่าคำว่า 'เรียบง่าย' เพราะเขาคิดถึงเรื่องนี้น้อยกว่าที่เราคาดเอาไว้มาก
นักการเมืองเลือดใหม่ รุ่นใหม่ เป็นกระแสมาแรงของโลกในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราได้เห็นคนหนุ่มสาวก้าวเข้าสู่การเมืองและชิงชัยในสนามเลือกตั้งได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายก้าวหน้าหรืออนุรักษ์นิยมก็ตาม และแน่นอนที่สุด เสื้อผ้าหน้าผมเป็นสิ่งแรกที่คนมองเห็นและสังเกตได้

ผู้นำรุ่นใหม่นั้น นอกเหนือจากการรณรงค์ทางการเมืองแล้ว การปรากฏตัวด้วยสไตล์ที่แสดงความเป็นคนรุ่นใหม่ก็สำคัญ เช่น จัสติน ทรูโด ซึ่งจะมีสีสันมาก แม้ผู้ชายจะแต่งตัวได้น้อยกว่าผู้หญิง แต่เขาจะมีลูกเล่น เช่น ถุงเท้าสีสันสดใส ลายสองข้างไม่เหมือนกันบ้าง ซึ่เงป็นเทรนด์ของหนุ่มๆ เมโทรเซ็กชวลในโมงยามนี้ 

แต่สำหรับการลงพื้นที่หลายๆ ครั้งของธนาธร พบว่า แต่งตัวเหมือนเดิมทุกๆ ครั้ง เสื้อผ้าฝ้ายขาวจับคู่กับกางเกงทรงแบ็กกี้สีกากีหรือน้ำตาล ในเวลาลงพื้นที่แบบลำลอง

และเมื่อยามต้องเปลี่ยนเป็นทางการ ยูนิฟอร์มของเขาก็คือเชิ้ตขาวกับกางเกงจับจีบ (single pleated trousers) หรือที่คนไทยเรียกกันว่าสแล็กสีกากี

เมื่อกองบรรณาธิการวอยซ์ออนไลน์ถามกันว่า กางเกงแบบที่ธนาธรใส่เรียกว่าทรงอะไร และคำตอบที่ได้คือ 'ทรงลุง' แต่ธนาธรให้คะแนนตัวเอง 10 เต็ม 10 สำหรับการแต่งกายแบบนี้

“เน้นความเรียบง่าย เน้นประโยชน์ใช้สอย” เขาตอบ และว่า แม้ในยามไปเจรจาธุรกิจก็ใส่เสื้อเชิ้ตขาวที่หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป แล้วคลุมด้วยสูททับ ส่วนการซื้อเสื้อผ้านั้นไม่ยากเลยเพราะเขาเป็นไซส์มาตรฐาน และเสื้อเชิ้ตขาวนั้น “เรียบง่ายและสุภาพ”

“ถ้าเป็นเสื้อผ้าชุดทำงานตอนนี้ไม่ได้ซื้อเอง เสื้อเชิ้ตขาวที่ใส่ทำงาน พี่น้องคนไหนไปเซ็นทรัลก็ฝากซื้อ หรือฝากคนขับรถซื้อ ฝากแฟนซื้อ เพราะว่ามันเป็นเสื้อเชิ้ตขาวธรรมดา ไซส์ XL ไปซื้อยี่ห้ออะไรมาก็ใส่ได้เหมือนกันหมด”

ส่วนผ้าฝ้ายแบบลำลองที่เห็นใส่ลงพื้นที่นั้นมีอยู่ราวๆ กว่า 20 ตัวในตู้ คนใกล้ตัวเห็นตามตลาดที่ไหนก็จะซื้อให้ใส่ เพราะเป็นแบบที่เขาชอบใส่มาตั้งแต่สมัยอยู่มหาวิทยาลัย

“เสื้อผ้าฝ้าย ตัวละไม่ถึง 200 อย่างแรกผมว่ามันใส่สบาย มันเหมาะกับอากาศบ้านเรา ผ้าโปร่ง แห้งง่าย เหงื่อออกก็แห้งง่าย และผมชอบใส่อะไรหลวมๆ อาจจะเป็นฮิปปี้ยุคเก่าหรือเปล่าไม่รู้ เพราเดี๋ยวนี้เขาไม่ใส่หลวมๆ กันใช่ไหม ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าการใส่อะไรหลวมๆ มันดี มันขยับง่าย สบายตัว”

ส่วนกางเกง ก็ไม่มีอะไรมากก็ซื้อยี่ห้อเดิมมาตั้งแต่เป็นนักเรียน คือยี่ห้อแครอท อยู่ใต้โรงหนังลิโด ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวก็ไม่แน่ใจว่าร้านยังอยู่หรือเปล่า มักจะซื้อครั้งละสิบตัว และแทบไมได้ใส่ยี่ห้ออื่นเลย และไม่ได้ซื้อมานานมากแล้ว เคราะห์ดีที่รูปร่างของเขาไม่เปลี่ยน กางเกงเอว 32 จึงยังใช้การได้มาตลอด เช่นเดียวกับเสื้อเชิ้ตที่มักซื้อคราวละหลายๆ ตัว และมีอายุการใช้งานนานมาก

“เสื้อตัวหนึ่งก็อยู่เป็นทศวรรษน่ะครับ”

แม้ว่าโดยรวมแล้ว เขาจะไม่เสียเวลาแต่งกายมาก ไม่ใช้เครื่องสำอาง ไม่ใช้เจลใส่ผม ไม่มีครีมทาหน้า สิ่งที่เขาใช้จริงๆ จังๆ ทุกวันก็คือยาสีฟันเท่านั้น แต่จะมีสิ่งหนึ่งเกี่ยวกับการแต่งกายที่เขาพิถีพิถันมากเป็นพิเศษนั่นก็คือ เสื้อผ้าปีนเขา – กีฬาผจญภัยที่เจ้าตัวหลงใหลและทุ่มเท และเคยทำแคมเปญ "ปักธงไทยที่ขั้วโลกใต้" เมื่อปีที่แล้ว เสื้อผ้าสำหรับกิจกรรมนี้เท่านั้นที่เขายินดีจะลงทุนในราคาหลักหลายพันไปถึงหมื่น เพื่อคุณภาพและเพื่อความปลอดภัยในชีวิต

“เสื้อผ้าปีนเขา จะพิถีพิถัน จะซื้อของที่มียี่ห้อ ที่แพงและมีคุณภาพเพราะคิดว่ามันเป็นของที่เป็นการลงทุนระยะยาว ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของชีวิต ของพวกนี้จะพิถีพิถัน ต้องเลือกเอง ให้คนอื่นเลือกไม่ได้ เพราะบางทีเรารู้ว่าเราต้องการกระเป๋าตรงไหน เวลาเราไม่ผจญภัยเราต้องการกระเป๋าตรงไหน เรารู้ เสื้อที่มีซิปข้างให้เหงื่อถ่ายเทได้กับไม่มีนั้นต่างกันเยอะ ราคาก็ต่างกัน ดังนั้นเสื้อผ้าที่เกี่ยวกับเรื่องการผจญภัย จะพิถีพิถัน ซื้อเอง และยอมซื้อแพง”

แต่เมื่อถามถึงโครงการ TJ's True South ที่เขามุ่งมั่นมาก เขาตอบเบาๆ ว่าตอนนี้เป็นโครงการที่ถูกยกเลิกไปแล้ว เพราะภารกิจที่เขาหลงใหลใฝ่ฝันมานานไม่แพ้กัน นั่นก็คือการทำงานการเมือง 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook