รู้จัก 6 ดีเจสายเลือดไทย หนึ่งเดียวตัวแทนสู่เวทีโลกที่โปแลนด์

รู้จัก 6 ดีเจสายเลือดไทย หนึ่งเดียวตัวแทนสู่เวทีโลกที่โปแลนด์

รู้จัก 6 ดีเจสายเลือดไทย หนึ่งเดียวตัวแทนสู่เวทีโลกที่โปแลนด์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลับมาอีกครั้ง “ เรด บูล ทรี สไตล์ ประเทศไทย 2017” (Red Bull 3Style Thailand 2017) การแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดดีเจที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดย ยูโรเปี้ยน เรดบูล (ประเทศไทย)

เชียร์สุดใจไปกับจังหวะสุดมันไม่ซ้ำสไตล์บนเวทีการแข่งขันที่ไม่ใช่แค่การค้นหาดีเจเปิดเพลงเก่งฉกาจ แต่มากกว่านั้นคือดีเจที่มีพลังสร้างสรรค์ ที่ต้องมีสไตล์โดดเด่นเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของตัวเองมากที่สุด  เพราะบนเวทีนี้พวกเขาต้องใช้เพลงอย่างน้อย 3 สไตล์มามิกซ์ให้กลมกลืน โดยมีเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น

เดิมพันปีนี้คือโอกาสของผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้ไปโชว์สไตล์ชิงแชมป์โลกในการแข่งขัน  “เรด บูล ทรี สไตล์ แชมป์โลก 2017” ที่เมืองคราเคา ประเทศโปแลนด์ สำหรับผู้ที่เข้ารอบชิงแชมป์ประเทศไทยในปีนี้ คือสุดยอดดีเจสัญชาติไทย 6 ชีวิตที่จะมาฟาดฟัน สาดความมันใส่กันแบบไม่ยั้ง  แต่ก่อนจะถึงวันจริง มารู้จักทั้ง 6 หนุ่มกันก่อน

“ดีเจ วอทแดทฟร๊อก” DJ Whatdatfrog

เขาคือรองแชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้ว ที่จะกลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งบน Red Bull 3Style Thailand 2017 เวทีแห่งความมันของเสียงเพลงจากดีเจมืออาชีพ  ชื่อของ กบ- วสุธีร์ เปลี่ยนเชาว์ หรือ DJ Whatdatfrog  ไม่ใช่ชื่อใหม่อะไร เพราะในแวดวงดีเจไทยชื่อนี้ยืนหยัดในวงล้อมคนฟังเพลงมานานถึง 10 ปีแล้ว ย้อนไปเมื่อปีก่อนหน้านี้ ด้วยผีมือโดดเด่น เขาได้ครอบครองดีกรีรองแชมป์รายการ Red Bull 3Style Thailand ปี 2016 ไปอย่างสมศักดิ์ศรี ไม่น่าแปลกใจที่เห็นชื่อเขาโชว์หราเป็นหนึ่งในรอบหกคนสุดท้ายของการแข่งขันปี 2017 นี้อีกครั้ง นั่นเพราะเขาทำให้เรารู้จักกับคำว่าฝีมือและคุณภาพอย่างแท้จริง มาดูกันว่าชายหนุ่มเจ้าของตำแหน่งรองแชมป์เก่าจะเอาชนะผู้เข้าแข่งขันอีก 5 คนได้หรือไม่ ถึงเวลาต้องเอาใจช่วยเขาแล้ว!

เวทีอื่นก็มีการแข่งขันดีเจตั้งเยอะ ทำไมถึงเจาะจงเป็นเวที Red Bull 3Style แถมปีนี้ยังไม่ใช่ครั้งแรกของคุณด้วย ?

“เรารู้สึกชอบเวทีนี้จริงๆ เพราะเราชอบเปิดเพลงหลายๆ แนว เราไม่ชอบแบบแนวเดียวทั้งคืน คือสไตล์มันค่อนข้างเหมาะกับเรา แล้วดีที่ได้ประสบการณ์มาก ได้คอนเนคชั่นเพิ่ม ถ้าครั้งนี้เราชนะก็จะได้ไปแข่งเพื่อต่อยอด DJ Career ได้ เราเตรียมตัวมาเยอะ ต้องคิดธีมของการเปิดและผสมผสานเพลงก่อนเลยว่าเราจะเล่นอะไร เราจะเล่นบทเพลงนี้ เราจะเล่นกับความหมาย เราจะเล่าเรื่องยังไง สมมติว่ามันจะมีหลายๆ เพลงที่มี Put your hands up! เราก็เอาหลายๆ Put your hands up! นั่นแหละมาเรียงต่อกัน แล้วก็มีการ sampling ซึ่งจริงๆ ก็แล้วแต่ครีเอทเลย”

สำหรับ DJ Whatdatfrog ในเวลา 15 นาทีของการแข่งขัน Red Bull 3Style ช่วงเวลาไหนที่สำคัญที่สุด

“ทุกวินาที ขึ้นอยู่กับเราจะพีค จะผ่อนช่วงไหน มันได้หลากหลายมาก ต้องสนุกนะ ตัวเราสนุก คนดูก็ต้องสนุก ตรียมเรื่อยๆ เลยครับ (หัวเราะ) ค่อนข้างคิดหนัก เพราะตั้งใจมากปีนี้ ปีนี้เราจะไม่เล่นแบบเดิม เพราะรายการนี้มันดิ้นได้เยอะ เราสามารถเล่นเป็น 10 แนวเพลงก็ได้ถ้าเราเตรียมตัวดีจริงๆ แต่ขอเก็บเป็นความลับให้ทุกคนมาดูวันจริงนะ”

“ดีเจ เอกซ์ ดีย์”  DJ Ex-Dee

“ปีที่แล้วผมลงแข่งไม่ได้เพราะอายุไม่ถึง ผมเสียใจมาก โวยวายหนักเลย ตอนนั้นผมทำได้แค่ไปยืนดูพี่คนอื่นบนเวที จากนั้นก็กลับบ้านที่ภูเก็ต ฝึกให้หนัก เก็บประสบการณ์หนึ่งปี แล้วมาลงแข่งปีนี้ ผมรู้ว่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนมีประสบการณ์ที่เหนือกว่าแต่ว่า...นั่นไม่ใช่ปัญหาที่จะทำให้ผมไม่ชนะ” นี่คือคำพูดของ DJ Ex-Dee หรือ ตั้ม-ณัฐดนัย สายปัน เด็กหนุ่มอายุ 18 ปี จากดีเจหน้าใหม่จากจังหวัดภูเก็ต ผู้เข้าแข่งขันอายุน้อยที่สุดใน 6 คนสุดท้าย สองปีก่อนเขาตัดสินใจพักการเรียน เมื่อรู้ตัวว่าอยากเป็นดีเจ  ตั้มจึงพยายามฟังเพลงให้มากที่สุด ซื้อเครื่องคอนโทรลเลอร์แบบลองผิดลองถูกมาเล่น ฝึกด้วยตัวเอง อาศัยการดูคลิป จนได้เจอกับรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียง เขาจึงเรียนรู้เทคนิค ลองปะทะฝีมือ เมื่อโอกาสมาถึง เขาพร้อมแล้วที่จะปล่อยหมัดเด็ดให้โลกตะลึงบนเวที  Red Bull 3Style Thailand Finals 2017

ทำไมเลือกที่มาแข่งขันในรายการ Red Bull 3Style Thailand Finals 2017

“เรดบูล เป็นเวทีที่ได้มาตรฐานสากล ถึงคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้จัก แต่ Red Bull เป็นรายการระดับโลก คนที่เล่นตรงนี้ได้ จะเล่นได้ทุกที่ เพราะกรรมการยอมรับ เป็นเหมือนหลักสากล  มันคือความยิ่งใหญ่ที่สุด เวทีเรดบูล เราจะได้นำเสนอครบ ทั้งความเป็นตัวเอง ทั้งสกิลการเล่น สร้างความตื่นเต้นให้คนดู ผมว่ามันตอบโจทย์ ถือเป็นการแข่งขันที่สมบูรณ์แบบ อีกอย่างผมชอบคำว่า “ทรี สไตล์”  ชอบทุกๆ อย่าง เช่น การใช้เครื่องสแครชแผ่น การใช้เพลง รู้สึกว่าได้คิดตลอดเวลา”

ช่วยเล่าถึงทีเด็ดที่คุณจะปล่อยในการแข่งขันครั้งนี้ให้ฟังหน่อย

“ความเซอร์ไพรส์ที่คุณจะไม่ได้เจอในผู้เข้าแข่งขัน 5 คน ผมจะมีให้คุณดูแน่นอน สดใหม่ด้วย ทุกคืนผมจะได้ไอเดียใหม่ๆ มาพัฒนา นั่นคือเป็นความคิดสร้างสรรค์ครับ เขาก็คงมีกันทุกคนแต่ของผมจะแปลกหน่อยเท่านั้นเอง ที่เด็ดคงเป็นความตกใจที่เด็ก 18 ปีเล่นได้ขนาดนี้ จริงๆ เพลงของผมไม่ได้ลึกล้ำอะไร ทุกคนคงเก่งกว่าในหลายๆ เรื่อง ทั้งทักษะและประสบการณ์ ซึ่งประสบการณ์เป็นสิ่งที่ผมขาด ผมต้องหาตรงนี้เพิ่ม หาวิธีทำทดแทน นั่นก็คือการซ้อมให้สุดไปเลยครับ”

“ ดีเจนัตตี้ ”  DJ Nutty

 ถ้าคิดถึง ดีเจนัตตี้ หรือ ณัฏฐ์ธเดช วัฒนโรจน์กุลเดช คุณจะจดจำเขาได้จากการผสมผสานและการเล่นเพลงยกล้อหรืออนิเมะจากญี่ปุ่นอย่างเมามัน จนกระทั่งคนดูต้องโยกไปกับเขา

“ทุกคนที่มาเที่ยว เขาไม่ได้มาดูคุณนะ เขามาฟังเพลง” จากคำพูดของรุ่นพี่ในวงการคนหนึ่งทำให้อัตราในการกระหน่ำใส่เทคนิคที่ตัวเองมี สแครชทุกช่องว่างในจังหวะเพื่อแสดงทักษะ โชว์สกิลขั้นเทพของนัดตี้ลดลงจนเหลือเพียงแค่การเป็นดีเจที่แสดงสิ่งที่ตนเองรัก ปีนี้เขากลับมายืนหยัดในรอบ 6 คนสุดท้ายของประเทศไทยอีกครั้ง  เพื่อมาคว้าตำแหน่งแชมป์ Red Bull 3Style Thailand 2017 ให้จงได้!

ทำไมถึงอยากเป็นดีเจ

“วันนั้นไปเที่ยว RCA แล้วสงสัยว่าบูทที่อยู่ตรงหน้าทำไมผู้หญิงสวยๆ ถึงไปอยู่ตรงนั้นเยอะจัง เขาไปมุงดูอะไร เครื่องพวกนี้คืออะไร ปุ่มอะไรทำไมมันถึงเยอะขนาดนี้ เที่ยวทุกอาทิตย์ เห็นทุกวันจนเริ่มศึกษาหาความรู้ใส่ตัว เริ่มมาเป็นดีเจเปิดเพลงบ้าง แต่การเป็นดีเจที่แท้จริงเริ่มต้นวันที่บังเอิญเปิดไปดูรายการ Teen Talk แล้วพี่เต๋ง Spydamonkee แชมป์ DMC ประเทศไทยมาออกรายการแล้วเปิดเพลง แต่ตอนนั้นผมฟังไม่รู้เลยว่าเสียงแว๊กๆ การสแครชที่เขาทำมันคือยังไง คือนี่ระดับโลกแล้วผมฟังไม่รู้เรื่อง มันหมายถึงผมนี่มันโคตรง่อย เลยอยากเป็นดีเจจริงๆ อยากเป็นของแท้เลยเริ่มต้นไปเรียนกับเพื่อนพี่เต๋ง ดีเจเจไดที่เป็นคนขัดเกลาผมจนถึงทุกวันนี้”

ทำไมต้องเวที Red Bull 3Style

“เพราะ 15 นาทีบนเวทีนี้ผมสามารถทำอะไรก็ได้ ความเป็นตัวเรา ทักษะ เอามาแปลงเป็นสิ่งที่เราชอบ ยิ่งเมื่อต้องอยู่บนเวทีแล้วเอามาแปลงเป็นสิ่งที่คนดูชอบด้วยเนี่ยมันยิ่งเฟอร์เฟคมากๆ เวทีนี้เลยสำคัญกับผมมากเพราะมันให้อิสระและเวลาของเราอย่างเต็มที่ ผมได้เรียงได้ใส่อะไรลงไปเยอะมาก มันไม่ใช่เวทีโชว์ทักษะอย่างเดียว มันคือการเล่าเรื่อง การเลือกเพลง การเชื่อมโยง Performance Acting ทุกอย่างถูกเอามารวมกันหมดบนเวทีนี้ ผมสามารถเปิดเพลงของผมได้ ใส่ดรากอนบอลได้ เอาเสียงหนังโป๊ ลูกทุ่ง หมอลำ เพลงญี่ปุ่นมาเชื่อมต่อกันได้ #playwithmusic ที่ทางรายการตั้งไว้มันกว้างมากการเล่นกับเพลงมันทำได้หลายอย่างมันมากกว่าแค่การมาโชว์ทักษะแข่งกันบนเวที”

“ดีเจเป๊ก”  DJ PEGG

การเปิดเพลงที่หลากหลาย เกิดจากการฟังเพลงนับร้อยพันแนวทาง DJ PEGG หรือ ธนินท์ธร จินต์อนุรักษ์  คือดีเจหนุ่มวัย 30 ปี ที่ยึดแนวทางที่เราพูดถึงเพื่อเป็นวัตถุดิบในการเป็นดีเจ แล้วทำให้คนฟังมีความสุข เขาคือดีเจที่ไม่เคยปิดกั้นแนวเพลง เพราะคิดเสมอว่าดนตรีไม่มีพรมแดน DJ PEGG เคยผ่านสังเวียนการประกวดดีเจ และได้รับรางวัลมาแล้วมากมายจากหลายเวที แต่สำหรับ Red Bull 3Style เขาคือหน้าใหม่ที่รอการพิสูจน์ ลองมาดูกันว่าในรอบชิงแชมป์ประเทศไทยดีเจคิวทองคนนี้จะมีไม้ตายเด็ดอะไรมาโชว์พวกเราบ้าง!

พอจะบอกได้ไหมว่าตัวเองเป็นแนวไหน

“ผมไม่ค่อยยึดติดกับแนว ด้วยความที่เราเล่นอาชีพ ตัวผมเองมองว่าในการทำงานด้วยความที่ว่าเราเป็นดีเจอาชีพ ต้องตีโจทย์ที่ลูกค้าต้องการไม่ว่าจะเป็นคลับ นายจ้าง หรือว่าจะเป็นอีเวนท์ต่างๆ ฉะนั้นผมจะพยายามทำการบ้านให้เปิดได้หลายๆ แนว มากกว่าการจำกัดตัวเองให้เปิดแนวใด แนวหนึ่ง ได้หมด open format ถ้าเราจำกัดเหมือนเราปิดกั้นตัวเอง ขาดโอกาสพัฒนาตัวเอง”

ทำไมเลือกเวทีนี้ ทั้งที่มีอีกหลายเวที

“รู้จักจากคำแนะนำของรุ่นพี่ที่เคารพเรียกว่าเป็นอาจารย์เลยก็ว่าได้ แกแนะนำให้ลองดูคลิปวิดีโอของการแข่งขัน Red Bull 3Style เอามาเป็น ref ในการใช้แข่ง ก่อนหน้านี้ ผมมีแข่งเวทีอื่นอยู่ ผมเลยเปิดดู ว่าดีเจต่างประเทศเขาเล่นเป็นยังไงบ้าง Red Bull 3Style มาจัดในไทยตั้งแต่ เมื่อปี 2015 ผมเพิ่งแข่ง THAILAND PIONEER DDJ 5X CHAMPIONSHIP เลยยังล้าอยู่ผมไปเบรกไปทำงานตอนกลางวันอยู่ 3 ปี แต่ยังเปิดเพลงอยู่ เปิดในคลับด้วยแล้วผมยังไม่ดีพอเลยยังไม่ได้ลง แต่สนใจเวทีนี้มาตั้งแต่ปี 2013 - 2014 ได้รู้จักกับดีเจ แชมป์ประเทศหลายๆ คนมีความรู้สึกถึงเวลาแล้วที่เราต้องแข่งเพราะว่า ปีที่แล้วผมเพิ่งจบการแข่งขันDJ FIGHTER BY DJ PLUS เราเลยส่งวิดีโอมาสมัคร”

“ดีเจม่า ไอ แอม” DJ MAIAM

นี่คือดีเจพี่ใหญ่สุดของเวที Red Bull 3Style เขาชื่อ ม่า หรือ คุณมาซาโอมิ ฟุกุโรโนะ ดีเจชาวญี่ปุ่นที่โยกย้ายมาตั้งรกรากอยู่เมืองไทยอย่างยาวนาน เขาเป็นทั้งดีเจสายสแครชแผ่น(Turntablist) รุ่นบุกเบิกของวงการดีเจไทย และเป็นรุ่นใหญ่เจนเวทีที่ผ่านการแข่งขันมานับครั้งไม่ถ้วน การันตีพร้อมประสบการณ์กว่า 25 ปี ที่สำคัญที่สุด เขาคือดีเจที่ยึดมั่นในการมอบความสนุกและการมีสไตล์ที่ชัดเจนเป็นของตัวเอง ลองมาจับตาดูดีเจญี่ปุ่นหัวใจไทยคนนี้กันดู!

ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นเข้ามาเพราะ Red Bull 3Style เป็นรายการใหญ่ แล้วสำหรับ DJ MAIAM ทำไมถึงต้องเป็นรายการนี้

“ผมว่ามันน่าสนใจ แล้วเราก็ได้ลองเข้ามา แต่สไตล์ผมก็คือ ไม่ซีเรียส เอาให้แบบว่า ที่ผมคิดว่า Red Bull น่าจะเป็นอย่างนี้ แล้วผมก็แค่แสดงออกมา ผมจะไม่ค่อยมองว่าคนอื่นยังไง ผมจะมองว่าสไตล์นี้ ต้องออกมาให้ได้ อะไรอย่างนี้ คือแข่งกับตัวเองมากกว่า เราตั้งเป้าของเรามาเอง แล้วก็ฝึกกับตัวเอง เล่นได้มั้ย มันต้องเล่นให้ได้ (หัวเราะ)”

นอกจากเป็นแชมป์ Red Bull 3Style จุดสูงสุดในการเป็นดีเจของ DJ MAIAM คืออะไร

“อยากให้คนสนุก ซึ่งเราก็ต้องสนุกเองก่อน เราถึงจะทำให้เขาสนุกได้ อยากให้ทุกคน เอนจอย เอนจอย (หัวเราะ) ทุกคนก็ต้องคิดว่า ผมต้องชนะนะ ต้องแชมป์ให้ได้ อยู่แล้วล่ะ โอเค คิดได้ แต่เวลาเล่นจริง ขอแค่สนุกกับบรรยากาศตรงหน้า เอาให้สนุกที่สุดให้ได้ ทั้งตัวเรา ทั้งคนที่อยู่ตรงหน้าเรา เต็มที่ดิ ไม่ต้องเกรงใจ (หัวเราะ) ตัวตนต้องชัดเจนว่า เล่นแบบนี้คือเรา คนดูแล้ว เข้าใจ ว่า อันนี้เล่นยังไงก็ MAIAM หลับตาฟังก็ยังรู้ เออ สไตล์ MA ว่ะ อะไรเงี้ย อันนี้ก็ถือว่าชีวิตเราสำเร็จละ”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook