10 ทริคออกแบบพื้นที่ทำงาน ให้คุณกลายเป็นลูกจ้างชั้นเยี่ยม

10 ทริคออกแบบพื้นที่ทำงาน ให้คุณกลายเป็นลูกจ้างชั้นเยี่ยม

10 ทริคออกแบบพื้นที่ทำงาน ให้คุณกลายเป็นลูกจ้างชั้นเยี่ยม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สถานที่ที่คุณนั่งทำงานมีความเกี่ยวข้องกับวิธีการทำงานของคุณ ดังนั้นหากคุณออกแบบสำนักงาน หรือบ้านของคุณให้คุณสามารถทำงานได้อย่างสะดวก ง่ายดาย และมีความสุขในการทำงาน แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลถึงงานที่มีประสิทธิภาพ เพราะมีการศึกษาออกมาแล้วว่าออฟฟิศที่ได้รับการออกแบบเหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากถึง 20 % Sanook! Home จึงชวนคุณมาทำความรู้จักกับ 10 เคล็ดลับเหล่านี้ แล้วคุณจะรู้ว่าเรื่องการออกแบบนั้นสำคัญ

1.แสงสว่าง แสงสว่างเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คุณใส่ใจกับการทำงานรวมไปถึงช่วยสร้างสรรค์งานของคุณได้เป็นอย่างดี ในขณะที่มันมีความสำคัญแต่มันก็มักถูกมองข้ามถ้าแสงสว่างภายในออฟฟิศไม่ดี อาจส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าในการทำงาน ปวดตา ปวดหัว และทำให้เกิดอาการหงุดหงิด ยิ่งถ้าต้องทำงานในที่ๆ มีแสงสว่างไม่เพียงพอจะยิ่งมีความเสี่ยงให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ง่าย ดังนั้นถ้าคุณนั่งทำงานในออฟฟิศคุณอาจพบว่าคุณไม่สามารถควบคุมแสงสว่างทั้งหมดได้ วิธีแนะนำคือให้ใช้แสงธรรมชาติ หรือไฟถนอมดวงตาแทน หากคุณนั่งทำงานอยู่ที่บ้านวิธีการง่ายๆ คือการเปิดหน้าต่าง และประตูให้แสงธรรมชาติเข้ามา และใช้โคมไฟเมื่อจำเป็น

2.เก้าอี้และโต๊ะ หากคุณนั่งทำงานในออฟฟิศ คุณจะพบว่าคุณจะต้องนั่งยึดติดกับที่นั้นนานๆ ดังนั้นเก้าอี้และโต๊ะจึงมีความสำคัญ เพราะคุณจะต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนนั้น คุณควรเลือกเก้าอี้และโต๊ะที่เหมาะสมกับสรีระ โดยมีหลักการพิจารณาดังนี้ ดวงตาควรอยู่ห่างจากคอมพิวเตอร์ประมาณ 24-36 นิ้ว จอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตา ส่วนเท้าควรอยู่บนพื้นหรือที่วางเท้า เก้าอี้ควรเอนเล็กน้อยเพื่อลดอาการปวดหลัง หากคุณทำงานในออฟฟิศให้คุณขอเก้าอี้ที่สามารถปรับได้ หรือเพิ่มหมอนรองบริเวณก้นหรือด้านหลัง บริษัทบางแห่งมีคอมพิวเตอร์ที่สามารถปรับหน้าจอ และแยกแป้นคีย์บอร์ดเพื่อให้คุณวางมือได้อย่างเหมาะสม สำหรับใครที่ทำงานอยู่บ้าน คุณควรลงทุนกับเก้าอี้หรือเสริมหมอน 2- 3 ใบที่เก้าอี้เพื่อจะได้นั่งทำงานสบาย สบาย

3.ความรกรุงรัง คุณแม่ของคุณอาจพูดถูกเรื่องให้คุณหมั่นทำความสะอาดห้อง แม้ความรกจะทำให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์ แต่มันเป็นคนละเรื่องกับการทำงานได้มากและมีประสิทธิภาพ แล้วถ้าคุณทำงานที่สำนักงาน คุณคงไม่สามารถควบคุมความสะอาดได้ทั้งหมด ดังนั้นให้คุณใช้เวลาก่อนทำงานหรือหลังเลิกงานสักประมาณ 10 นาทีจัดเก็บบริเวณรอบๆ โต๊ะทำงานของคุณให้เรียบร้อย แต่หากคุณทำงานที่บ้านก็ง่ายเลย คุณควรหมั่นทำความสะอาดบ้านและพื้นที่ทำงานของคุณ

4.สีของห้อง สีที่อยู่รอบๆ ตัวเราล้วนส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และการทำงานของสมองเราทั้งสิ้น ดังนั้นการเลือกสีในห้องทำงานมีผลต่อการทำงานและสร้างผลงานของคุณเช่นกัน แต่หากคุณทำงานที่ออฟฟิศคุณอาจเลือกโทนสีไม่ได้ ดังนั้นให้นำสิ่งของที่มีสีสันในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานไปตั้งไว้ในออฟฟิศหรือบนโต๊ะทำงานของคุณ ถ้าทำงานที่บ้านคงง่ายขึ้นสำหรับการทาสีผนังบริเวณที่คุณนั่งทำงานให้เป็นสีที่สามารถช่วยให้คุณทำงานดีและมีคุณภาพ หรือจะแขวนภาพถ่ายและภาพวาดแทนก็ได้

5.อุณหภูมิห้อง ออฟฟิศที่มีอุณหภูมิต่ำเกินไปไม่ได้ส่งผลดีต่อการทำงานของพนักงานเท่ากับออฟฟิศที่มีอุณหภูมิสูงกว่า ดังนั้นคุณอาจหาเสื้อคลุมสวมทับระหว่างนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ แต่หากคุณทำงานอยู่ที่บ้าน อาจจะเปิดหน้าต่างรับแดด ลมบ้างตามฤดูกาลที่เหมาะสม

6.กลิ่นของห้อง เรื่องของกลิ่นก็มีความใกล้เคียงกับเรื่องสีห้อง ดังนั้นหากห้องนั้นมีกลิ่นหอม กลิ่นความสะอาด สดชื่นก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานได้เป็นอย่างดี เช่นกลิ่นของต้นสนจะช่วยเพิ่มความระมัดระวังในการทำงาน กลิ่นของอบเชยจะทำให้คุณโฟกัสกับการทำงานมากยิ่งขึ้น กลิ่นลาเวนเดอร์ ช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดระหว่างวันทำงาน ส่วนกลิ่นเปปเปอร์มินท์ จะทำให้คุณอารมณ์ดี กลิ่นซีตรัสช่วยปลุกให้คุณตื่นและช่วยปรับอารมณ์ วิธีที่จะทำให้ออฟฟิศมีกลิ่นคือให้คุณพกน้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นต่างๆ ไว้ในกระเป๋า หรือลิ้นชักส่วนตัว แต่ถ้าต้องการให้กลิ่นมากขึ้นอาจเหยาะน้ำมันหอมระเหยลงบนผ้าเช็ดหน้า แต่ถ้าคุณทำงานอยู่ที่บ้านคุณอาจจุดเทียนหอมแทน

7.ระดับเสียง ระดับเสียงในออฟฟิศขึ้นอยู่กับขนาดทีมงานด้วย แต่เสียงที่วุ่นวายย่อมส่งผลให้ทำงานได้ไม่ดี และยังทำให้เสียสมาธิ เกิดความเครียดได้ง่ายดาย ถ้านั่งทำงานในสำนักงาน การใช้หูฟังตัดเสียงรำคาญ หรือฟังเพลงก็ช่วยได้ แต่หากคุณต้องการสมาธิสูงสุดอาจจะหาพื้นที่ทำงานที่เงียบสงบที่สุด

8.คุณภาพของอากาศ ส่งผลอย่างมากต่อการทำงานและการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ถ้าอากาศไม่ดี สภาพแวดล้อมไม่ดี ย่อมส่งผลโดยตรงต่อพนักงาน และอาจทำให้พนักงานสุขภาพไม่ดี บริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษา ดังนั้นอาจต้องมีการติดตั้งเครื่องกรองอากาศ หรือถ้าสามารถเปิดรับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกได้ก็ยิ่งดี อย่างน้อยสักช่วงหนึ่งในหนึ่งวัน นอกจากนี้การปลูกต้นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศก็เป็นอีกหนึ่งวิธีแนะนำ แต่ถ้าอยู่บ้านแนะนำให้เปิดประตูหน้าต่าง รับอากาศสดชื่นจากภายนอก หรือติดตั้งเครื่องกรองอากาศภายในบ้านก็ได้

9.พื้นที่การทำงานที่แตกต่าง ถ้าทำได้คุณควรมีพื้นที่ในการทำงานมากกว่าหนึ่งที่ เพราะการเปลี่ยนไปนั่งทำงานในพื้นที่ๆ แตกต่างไปจากเดิมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น ในออฟฟิศหลายๆ แห่งมีพื้นที่ทำงานให้กับพนักงานหลากหลายทั้งล็อบบี้ พื้นที่ทำงานส่วนตัว ห้องเบรก ห้องประชุม หรือถ้าเป็นที่บ้านคุณอาจเปลี่ยนไปนั่งอีกด้านหนึ่งของโต๊ะ หรือย้ายไปนั่งทำงานในสวน คาเฟ่ ห้องสมุดและสวนสาธารณะ

10.จัดสรรคน นายจ้างทั่วๆ ไปมักจัดพนักงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบเหมือนกันให้อยู่รวมกัน แต่จากการศึกษาพบว่าการจัดให้พนักงานที่มีเป้าหมายการทำงานเหมือนกันนั่งทำงานด้วยกันจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิด และการการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้รวดเร็วกว่า ถ้าคุณทำงานในบริษัทให้คุณลองถามเจ้านายว่าหากคุณจะลองจับกลุ่มพนักงานที่มีเป้าหมายเดียวกันนั่งทำงานด้วยกันประมาณสัปดาห์ละหนึ่งครั้งได้หรือไม่ จากนั้นก็แสดงผลลัพธ์ของวิธีการดังกล่าว แต่หากคุณอยู่บ้านอาจจะยากนิดหน่อยเพราะคุณทำงานอยู่เพียงลำพัง ดังนั้นการใช้ช่องทางสื่อสารออนไลน์ด้วยวิธีการต่างๆ ก็เป็นคำตอบที่ดี โดยเฉพาะการสื่อสารแบบเห็นหน้ากัน

10 ข้อนี้คงพอจะทำให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นบ้างนะคะ

เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก http://www.lifehack.org

ภาพจาก www.istockphoto.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook