มินิมอลเปลี่ยนชีวิต จากนิสัยชอบสะสม ซื้อเสื้อผ้าจนไม่มีที่เก็บ พอได้จัดห้องครั้งเดียวชีวิตเปลี่ยน

มินิมอลเปลี่ยนชีวิต จากนิสัยชอบสะสม ซื้อเสื้อผ้าจนไม่มีที่เก็บ พอได้จัดห้องครั้งเดียวชีวิตเปลี่ยน

มินิมอลเปลี่ยนชีวิต จากนิสัยชอบสะสม ซื้อเสื้อผ้าจนไม่มีที่เก็บ พอได้จัดห้องครั้งเดียวชีวิตเปลี่ยน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ห้องสีขาววิวหลักล้าน โล่งจนถึงโล่งมากห้องนี้ ยอมรับว่าตอนแรกที่เห็น แอบมีคำถามว่านี่คือห้องพักอาศัยจริง หรือห้องเพื่อใช้ในการถ่ายภาพของสตูดิโอต่างๆ กันแน่แต่แล้วเราก็ได้คุยกับ "คุณโฟร์ท-กรกรณัฐ วิรัชศิลป์"  เจ้าของห้องตัวจริง ซึ่งปัจจุบันทำงานเป็น Digital Margeting Manager ให้กับแมกกาซีนออนไลน์หลายแบรนด์

ห้องรก จนยอมรับว่าเป็นคนไม่สะอาด

ก่อนคุณโฟร์ทจะย้ายเข้ามาเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมย่านพระราม 9 แห่งนี้ เคยเช่าห้องอยู่มาก่อน แต่เดิมคุณโฟร์ทเป็น "นักสะสม" ตัวยง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ของจิปาถะต่างๆ แต่ที่หนักเลยคือเสื้อผ้า ชอบตัวไหนซื้อ จ่ายแบบไม่ต้องคิดมาก เสื้อผ้ามีมากจนล้นตู้ต้องนำมาวางบนโซฟาเพราะไม่มีที่เก็บ เจ้าตัวยอมรับว่าช่วงก่อนหน้านี้เป็นคนฟุ่มเฟือย และเพราะของเยอะเลยทำให้ไม่อยากทำความสะอาด และนั่นก็คือปัญหาที่ทำให้ 3 เดือนผ่านไป ถึงจะลุกขึ้นมาชำระสะสาง ทำความสะอาดห้องสักครั้ง

ต่อมาคุณโฟร์ทตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมเป็นของตัวเอง โดยเลือกเป็นห้องหัวมุม มองเห็นวิวท้องฟ้า และพระอาทิตย์ยามเย็น จึงเรียกได้ว่าห้องใหม่ขนาด 41 ตารางเมตรห้องนี้เป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของคุณโฟร์ทในแง่มุมของที่พักอาศัยซึ่งเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง และมันคือการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่งสำหรับคุณโฟร์ท

"ตอนจะย้ายเข้ามาห้องใหม่ เพื่อนเคยพูดว่า "ถ้าย้ายไปห้องใหม่ เราควรเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ เซ็ททุกอย่างให้เป็นศูนย์" ซึ่งเราก็เห็นด้วย ดังนั้นเราจึงไม่นำของที่คิดว่าไม่จำเป็นแทบทุกอย่างย้ายตามมาด้วยเราเลือกที่จะบริจาคของเหล่านั้นให้กับมูลนิธิกระจกเงา เพราะคิดว่าของเหล่านั้นเราใช้มันคุ้มแล้ว จะเอามันไปอยู่ด้วยจนอายุ 60 เลยเหรอ แม้แต่ของที่มีคุณค่าทางจิตใจมากๆ อย่างตุ๊กตาของแฟนที่เคยให้ เราก็ส่งต่อตุ๊กตาตัวนั้นให้กับเด็ก เพราะคิดว่าของชิ้นนั้นมันมีคุณค่ากับคนอื่นมากกว่าเรา และเลือกที่จะเก็บคุณค่านั้นไว้ในความทรงจำของเราแทน"

ไม่ได้ตั้งใจ "มินิมอล" แต่อยู่ไปมัน "ใช่" กับตัวเอง

คุณโฟร์ทบอกว่าเป็นคนไม่รู้ว่าจะแต่งห้องสไตล์ไหน แต่งบ้านไม่เป็น จะจ้างช่างมาบิวท์อินห้องก็ไม่มีเงิน เพราะเงินส่วนใหญ่หมดไปตั้งแต่ซื้อคอนโด และค่าจ้างช่างรื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ติดตั้งอยู่เดิมของห้องออกทั้งหมดจะซื้ออะไรเข้ามาก็คิดเยอะ กลัวห้องไม่สวย ประกอบกับเพื่อนแนะนำว่า "เวลาแต่งบ้านให้เข้ามาอยู่ก่อนแล้วค่อยๆ แต่ง ไม่ใช่เห็นอะไรก็ซื้อมาใส่หมด"

ดังนั้นวันแรกที่คุณโฟร์ทย้ายเข้าห้องใหม่ จึงมีเพียงฟูกนอน และกระเป๋า 1 ใบ "เราย้ายเข้ามาแบบเสื่อผืน หมอนใบ ตอนนั้นก็คิดว่า เฮ้ย! มันก็อยู่ได้นี่หว่า เหมือนไปนอนโรงแรม แล้วทำไมเรารู้สึกว่าโรงแรมมันน่าอยู่เพราะมันไม่มีสมบัติของเราเลย พอมาอยู่แล้วมันก็อยู่ได้ ไม่จำเป็นต้องตกแต่งอะไรมาก คิดแค่ว่าจะเอาอะไรที่จำเป็นและใช้จริงๆ"

ประกอบกับในตอนนั้นคุณโฟร์ทได้ดู สารคดี Minimalism: A Documentary About the Important Things และภาพยนตร์ ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ จึงทำให้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงกรอบความคิดของตัวเอง เพราะมันไม่ได้แค่ที่พักอาศัยเปลี่ยนไป แต่มันคือการเปลี่ยนแนวความคิดการใช้ชีวิตของคุณโฟล์ท "มันทำให้เรามองเห็นคุณค่ากับสิ่งที่เรามีอยู่จริงๆ"

มีแล้วได้ใช้ เท่ากับ "ความสุข" มีแล้วไม่ได้ใช้เท่ากับ "ความอึดอัด"

ห้องพักของคุณโฟร์ทในตอนนี้จึงมีส่วนของห้องนอน ที่มีเตียงนอน จอทีวีแบบติดผนัง กระถางต้นไม้ เครื่องฟอกอากาศ ห้องน้ำก็มีสุขภัณฑ์ ของใช้เพียงไม่กี่ชิ้น สำหรับห้องรับแขกที่ปกติไม่ค่อยมีใครมาหาอยู่แล้วโซฟาจึงยังไม่ใช่สิ่งจำเป็น ส่วนห้องครัวนั้นมีเพียงเคาน์เตอร์ จานชาม หม้ออบลมร้อนที่ตอนนี้คิดว่าไม่ค่อยได้ใช้ เนื่องจากปกติสั่งอาหารแบบเดลิเวอร์รี่ทานอยู่แล้ว

"นักจัดบ้านแนะนำว่า วิธีกำจัดของแบบง่ายๆ คือให้ลองใส่ของลงในกล่อง จำลองเหมือนการย้ายบ้าน จากนั้นใช้เวลาปกติเพื่อดูว่าเราใช้ของกล่องไหนบ่อยที่สุด ปรากฎว่าเราใช้ของจากกล่องแค่ 1 ใบจากที่มีของ 5-6 ใบ
เพราะเราแต่งตัวเหมือนเดิมทุกวัน ดังนั้นสิ่งที่เหลือจึงเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ใช้เลย ทำให้เราไม่จำเป็นต้องมีตู้เสื้อผ้า เครื่องสำอางก็ใช้แบบซอง สามารถเก็บใส่กล่องซ่อนไว้หลังกระจกในห้องน้ำได้"

ชีวิตเปลี่ยนเพราะ การจัดบ้านเพียงแค่ครั้งเดียว

หลายคนคงตั้งคำถามว่า การจัดบ้าน หรือการจัดห้องจะเปลี่ยนชีวิตได้อย่างไร แต่สำหรับคุณโฟร์ทยืนยันว่า มันเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเขาอีกครั้งหนึ่งเลยทีเดียว อย่างแรกคือเรื่องความประหยัด ห้องโล่งๆ ที่มีแต่ของที่จำเป็นต้องใช้ทำให้ก่อนจะซื้ออะไรเข้าห้องต้องคิดมากขึ้น " เวลาจะซื้ออะไรต้องคิดว่ามันจำเป็นหรือแค่เป็นความต้องการ ถ้าต้องการเราไม่มีได้ไหม ซึ่งมันทำให้เงินเราเหลือ"

ไม่เพียงแค่แนวคิดแบบนี้จะเกิดขึ้นในที่พักส่วนตัว แต่ยังรวมไปถึงโต๊ะทำงานที่ออฟฟิศ และพื้นที่ส่วนกลางของสำนักงาน "ทำงานมา 6 ปี ไม่เคยจัดโต๊ะ พอไปจัดโต๊ะ คนที่ออฟฟิศแปลกใจมาก และเราไม่ได้จัดเฉพาะโซนของตัวเองแต่ยังจัดโซนส่วนกลาง ทำให้ออฟฟิศมีพื้นที่มากขึ้น ส่งผลต่อเรื่องความสะอาด สุขภาพจิตดีขึ้น และยังช่วยให้คิดงานได้ง่ายขึ้นด้วย"

สำหรับสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนแนวคิดในการใช้ชีวิต การทำงาน เพราะการจัดห้องของคุณโฟร์ททำให้คุณโฟร์ทรู้จักคำว่า "ง่าย" "เมื่อก่อนเป็นคนคิดอะไรซับซ้อน เวลาจะพรีเซ็นต์งานลูกค้าก็ดีไซน์ PowerPoint
หลากสี แต่ตอนนี้เราจะทำอะไรให้เข้าใจง่าย เน้นคีย์เวิร์ดไปเลย เพราะการใช้ชีวิตมันควรง่าย เป้าหมายเดิมแค่เปลี่ยนวิธีการใหม่"

บางคนอาจมองว่าห้องโล่งๆ ดูไม่มีชีวิต ไม่โฮมมี่ แต่สำหรับคุณโฟร์ทนั้น ห้องโล่งแบบนี้กลับทำให้ชีวิตมีความสุข ลดความอยากลงได้  "เวลาจะเลือกของเข้ามามันก็ยาก มันเลยปล่อยห้องโล่งๆ เราค้นพบว่ามันมีแค่เรากับพื้นที่ ซึ่งนั่นแหละคือความมีชีวิต ที่บางคนบอกว่าห้องดูโล่ง ดูไม่อบอุ่น ดูไม่มีชีวิต แต่ความมินิมอลนั้น อยากให้เลือกในทางของตัวเอง เพราะบางคนอยู่กับเพื่อน มีแฟน มีครอบครัว ก็เลือกในทางของตัวเอง"


อัลบั้มภาพ 31 ภาพ

อัลบั้มภาพ 31 ภาพ ของ มินิมอลเปลี่ยนชีวิต จากนิสัยชอบสะสม ซื้อเสื้อผ้าจนไม่มีที่เก็บ พอได้จัดห้องครั้งเดียวชีวิตเปลี่ยน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook