7 นิสัยทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสม ควรเลิกทำได้แล้ว
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/wo/0/ud/45/229753/229753-thumbnail.jpg7 นิสัยทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสม ควรเลิกทำได้แล้ว

    7 นิสัยทำความสะอาดที่ไม่เหมาะสม ควรเลิกทำได้แล้ว

    2022-10-07T11:44:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    เราทุกคนต่างมองหาวิธีที่จะทำให้การทำความสะอาดรวดเร็วและง่ายขึ้น เชื่อหรือไม่ว่า บางครั้งการใช้ทางลัดบางอย่างอาจทำให้การทำความสะอาดกลับเป็นเรื่องยากในระยะยาว เพราะมันจะทำให้คุณและครอบครัวติดนิสัยไม่ดีบางอย่างที่จะเป็นอุปสรรคต่อการทำความสะอาดให้เรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ รวมถึงอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อบ้านของคุณได้ และนี่คือ 7 นิสัยการทำความสะอาดที่ไม่แนะนำ และควรเลิกทำได้แล้ว

    1.ปล่อยให้กระดาษวางสะสมเกะกะ

    แม้ในปัจจุบันบิลการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ จะมีการแจ้งทางออนไลน์ แต่ก็ยังมีกระดาษจำนวนมากในบ้านที่เราพักอาศัย เช่นนิตยสาร หนังสือพิมพ์ เอกสารของโรงเรียน สิ่งเหล่านี้อาจทำให้กองสูงพะเนิน ซึ่งเราไม่ควรปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น วิธีแก้ปัญหาคือให้ดีไซน์บริเวณทางเข้าบ้านให้เป็นที่สำหรับจดหมาย วารสาร แบบฟอร์มกระดาษทั้งหมด แล้ววางเครื่องทำลายเอกสาร หรือถังขยะรีไซเคิลไว้ใกล้ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งควรกำจัด ทำลาย หรือโยนทิ้ง นอกจากนี้การยื่นเอกสารบางอย่างก็สามารถยื่นทางออนไลน์ หรือถ้ามีผลงานศิลปะของลูกก็นำมาใส่กรอบตกแต่งผนังบ้าน ให้เป็นเหมือนงานศิลปะเพื่อการตกแต่ง ส่วนนิตยสารอาจแบ่งให้กับบ้านพักคนชรา โรงเรียน เรือนจำ โดยเราเปลี่ยนไปอ่านบทความทางออนไลน์

    2.ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมากจนเกินไป

    จริงหรือที่เมื่อเราต้องทำความสะอาดเล็กๆ น้อยๆ การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจำนวนมากจะทำให้ทำความสะอาดได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น ?

    การใช้น้ำยาทำความสะอาด หรือน้ำยาซักผ้ามากเกินไป อาจทำให้เกิดอันตรายมากกว่าผลดี เพราะหากล้างผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไม่หมด สารตกค้างจะกลายเป็นสิ่งดึงดูดสิ่งสกปรก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คุณควรอ่านคำแนะนำก่อนใช้งาน

    3.ทำความสะอาดด้วยอุปกรณ์ที่สกปรก

    คุณจะคาดหวังผลลัพธ์ที่สะอาดได้อย่างไรเมื่อคุณใช้เครื่องมือทำความสะอาดที่สกปรก หากเครื่องซักผ้าของคุณมีกลิ่นที่เกิดจากแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในสารซักฟอกที่ตกค้าง เสื้อผ้าของคุณจะมีกลิ่นเหม็น หากถุงสุญญากาศหรือแผ่นกรองฝุ่นของคุณเต็มไปด้วยฝุ่น คุณก็จะไม่สามารถดูดฝุ่นได้อีก และถ้าไม้ถูพื้นหรือฟองน้ำสกปรก กลับจะทำให้บริเวณที่ทำความสะอาดเกิดแบคทีเรียได้มากขึ้น



    4.ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาดห้องน้ำทั้งหมด

    ผ้าเช็ดทำความสะอาดแบบใช้แล้วทิ้งเหมาะสำหรับการเช็ดอ่างล้างจานในห้องน้ำ แต่ผ้าผืนสี่เหลี่ยมเล็กๆ นั้นแทบจะไม่มีน้ำยาฆ่าเชื้อเพียงพอที่จะทำความสะอาดห้องน้ำทั้งห้อง เมื่อคุณใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดผืนเดิมไปทำความสะอาดที่นั่ง ที่จับโถสุขภัณฑ์ คุณสมบัติของยาฆ่าเชื้อก็จะหมดไป และนั่นจะเป็นเพียงการแพร่เชื้อแบคทีเรียจากจุดหนึ่งไปยังอีกพื้นผิวหนึ่ง

    เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ผ้าเช็ดควรมีสารฆ่าเชื้ออย่างเพียงพอ เพื่อให้พื้นผิวยังคงเปียกเป็นเวลาอย่างน้อย 4 นาทีสำหรับการทำงานอย่างทั่วถึง ให้ใช้ทิชชูเปียกหลายๆ แผ่นหรือผ้าสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อและน้ำที่เพียงพอ

    5.ลุกจากเตียงนอนโดยไม่เก็บเตียง

    แม้ว่าห้องนอนจะสะอาดทั้งห้อง แต่ถ้าไม่เก็บเตียงหลังตื่นนอนก็ทำให้ห้องดูเลอะเทอะได้ แค่ปรับนิสัยให้มีการเก็บเตียงนอนในทุกเช้าจะช่วยเสริมให้ส่วนที่เหลือของห้องมีระเบียบ

    ถ้าจะทำให้งานง่ายขึ้นด้วยอาจเลือกผ้าปูที่นอนกางให้เรียบร้อยได้ง่าย เตียงที่มีผ้าห่มนวม และปลอกหมอนแบบเรียบง่ายนั้นจะทำให้การเก็บเตียงทำได้ง่ายกว่าเตียงที่มีของจุกจิกเต็มเตียง

    6.กักตุนอาหารในตู้เย็น

    ถ้าคุณรู้ว่าครอบครัวของคุณไม่ชอบของเหลือใช้ แล้วทำไมต้องไปเก็บสิ่งของต่างๆ ไว้ในตู้เย็นล่ะ ถ้าคุณไม่ต้องการใช้อาหารนั้นในทันที ก็แค่โยนทิ้งไป อาหารที่เก็บไว้อย่างไม่เหมาะสมจะส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อรา และแบคทีเรีย และทำให้การทำความสะอาดตู้เย็นเป็นงานที่ใหญ่ และยากกว่าที่ควรจะเป็น

    7.วางจานที่ใช้แล้วไว้ในอ่างล้างจาน

    จะใช้เวลานานแค่ไหนกันเชียวในการใส่แก้วสกปรกนั้นลงในเครื่องล้างจานแทนที่จะเป็นอ่างล้างจาน เพราะการทิ้งจานสกปรกไว้ในอ่างล้างจาน นั่นจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียและรางวัลสำหรับแมลงที่กำลังหิวโหย ฝึกให้ทุกคนในบ้านใส่จานในเครื่องล้างจาน หรือทานเสร็จแล้วล้างทันที

    ขอขอบคุณ

    ข้อมูล :thespruce,istockphoto