งูกลัวอะไร วิธีไล่งูและป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้าน

งูกลัวอะไร วิธีไล่งูและป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้าน

งูกลัวอะไร วิธีไล่งูและป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนึ่งในปัญหาที่หลาย ๆ บ้านพบเจอก็คือ ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูไหนก็คือ ปัญหาสัตว์หลากชนิดหลบอาศัยในบ้าน ซึ่งอาจทำให้ตัวบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เสียหาย หรือร้ายไปกว่านั้นอาจทำอันตรายกับผู้อยู่อาศัยภายในบ้านได้ด้วย โดยสัตว์หนึ่งที่อันตรายและไม่มีใครอยากให้มาอยู่ในบ้านคืองู ลองมาดูวิธีไล่งูและป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้าน

งูเข้าบ้านกับความเชื่อของไทย

งูเลื้อยเข้าบ้านถ้าเป็นในเรื่องของความเชื่อที่คนโบราณกล่าวขานกัน มีความเชื่อหลากหลายทั้งถือเป็นลางดีและไม่ดี หากมองเป็นลางไม่ดี เชื่อกันว่าหากงูเข้าบ้านจะต้องมีคนในบ้านเจ็บป่วย หรือรุนแรงถึงต้องเสียชีวิต

แต่บางความเชื่อก็บอกว่า หากเป็นงูตัวเล็กไม่มีพิษเข้าบ้าน ถือว่าเป็นลางดี คนในบ้านจะอยู่เย็นเป็นสุข ได้รับเงินทอง หรืออาจมีงานมงคลเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้

หากเป็นงูใหญ่เลื้อยเข้าบ้าน ถือว่าเป็นเรื่องมงคล แต่หากไปฆ่างูนั้น จะเกิดเรื่องเดือดร้อน ความวุ่นวาย ภายในบ้าน ต้องเสียทรัพย์ ขโมยขึ้นบ้าน หรือคนในบ้านเจ็บป่วย นอกจากนี้ยังเชื่อว่างูใหญ่อย่างงูเหลือม งูหลาม อาจเป็นงูเจ้าที่ ที่เข้ามาเพื่อตักเตือน หากเจ้าของบ้านได้ทำการกระทำการลบหลู่หรือผิดศีลธรรม

ทำไมงูจึงเข้าบ้าน

ก่อนจะมาดูวิธีไล่งู มาดูสาเหตุที่งูเลื้อยเข้าบ้านตามหลักการที่ถูกต้องก่อน เพื่อป้องกันงูในอนาคต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสภาพรอบบ้านและภายในบ้าน ดังนี้

1. สภาพแวดล้อมรอบบ้าน

เป็นสาเหตุหลักข้อหนึ่ง เพราะบรรยากาศรอบบ้านที่เป็นป่ารกทึบ ป่ากก หรือหนองน้ำนั้นเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเหล่างูหลากหลายสายพันธุ์ และเมื่อถึงเวลาออกหากินนั้น บ้านของคุณอาจเส้นทางผ่าน ซึ่งก็อาจเป็นที่สนใจแวะหาอาหาร หรือหลบซ่อนก็เป็นได้

2. สภาพภายในบ้าน

หากบ้านเรามีของที่วางเรียงรายไม่เป็นระเบียบ มีซอกมุมบ้านที่ปล่อยให้มีเศษใบไม้ ขยะ สิ่งของ ปิดบังหรือ บริเวณสวนหย่อม ต้นไม้ ที่ไม่ดูแลปล่อยให้รกรุงรัง เป็นป่ารก และบ้านที่ไม่มีคนอยู่ ถือเป็นบรรยากาศที่ทำให้สัตว์เหล่านี้อาศัยอยู่หรือหลบซ่อนชั่วคราว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีรู มีโพรง หรือมุมหลบซ่อนให้ดำรงชีวิตอย่างสะดวกสบาย งูอาจเข้ามาทำรัง วางไข่ และอยู่อาศัยถาวรเลยก็ได้

3. มีแหล่งอาหาร

หากบ้านเรามีแหล่งอาหารของงูก็อาจนำพางูเข้าบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่เราไม่ได้เลี้ยง เช่น หนู กบ เขียด อึ่งอ่าง ตุ๊กแก และจิ้งจก หรือสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไก่ หรือกระต่ายตัวน้อย ถือเป็นอาหารชั้นดีของงู

4. ไม่มีศัตรู

หากบ้านเราไม่มีสัตว์ที่เป็นศัตรูโดยตรง คือสุนัขหรือแมวที่มาคอยไล่ หรือห่านที่จะมาจิกงูเหล่านั้น ก็ทำให้งูเข้าบ้านมาได้อย่างสบายใจ แต่หากงูมีขนาดใหญ่อย่างงูหลาม หรืองูเหลือม สัตว์ข้างต้นอาจเป็นอาหารของงูได้ทั้งหมด

งูอะไรที่มักเจอได้ในบ้าน

ทุกพื้นที่มีงูแต่ละชนิดต่างกันไป ทั้งงูพิษและงูไม่มีพิษ ดังนี้

งูไม่มีพิษ

1. งูแสงอาทิตย์

งูแสงอาทิตย์ (Sunbeam snake) พบได้ทั่วไปตามพื้นที่ที่มีความชุ่มชื้น มักอาศัยอยู่ใต้ขอนไม้ หรือใต้โขดหินที่มีดินเป็นดินร่วน และมีความชื้นเล็กน้อย เป็นงูที่อาศัยบนพื้นดิน และไม่ปีนต้นไม้ ลำตัวเป็นรูปทรงกระบอกยาว แต่หัวค่อนข้างแบนเรียว ตาเล็ก เกล็ดที่ปกคลุมลำตัวเมื่อสะท้อนแสงแดดจะเงาแวววาวตลอดตัว

มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นงูมีพิษ บางคนก็ว่าถ้าถูกกัดแล้วจะตายถ้าพระอาทิตย์ขึ้น จริง ๆ แล้วงูแสงอาทิตย์เป็นงูที่ค่อนข้างเชื่องและไม่เป็นอันตราย

2. งูหลาม

งูหลาม (Indian Python) เป็นงูขนาดใหญ่ ไม่มีพิษ มีลักษณะคล้ายกับงูเหลือม ซึ่งเป็นงูในสกุลเดียวกัน โดยความยาวโดยเฉลี่ยประมาณ 1-3 เมตร มีลำตัวที่อ้วนป้อมกว่า อีกทั้งหางก็สั้นกว่า และมีขีดที่บนหัวเป็นสีขาว

ลำตัวมีสีสันและลวดลายที่แตกต่างจากงูเหลือม รวมทั้งอุปนิสัยที่ไม่ดุต่างจากงูเหลือม จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานมากกว่า

3. งูเหลือม 

งูเหลือม Reticulated Python (Regal Python) เป็นงูที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับขนาดน้ำหนัก มีปากใหญ่ ฟันแหลมคม ขากรรไกร แข็งแรงมาก และความยาวของลำตัว มีนิสัยดุร้ายแต่ไม่มีพิษ งูเหลือมมีตัวสีน้ำตาลเหลืองเมื่อมีอายุมากขึ้นพื้นตัวจะเข้มเป็นสีน้ำตาลแดง มีลายแบ่งเป็นวงมีหลายสี สีบนหัวมักจะสีอ่อน

บริเวณกลางหัวด้านบนมีเส้นสีดำจากท้ายทอย มาเกือบถึงปลายปาก ตามตัวมีลายดำเป็นลักษณะตาข่าย ภายในวงตาข่ายดำสีเหลืองอ่อน มีสีขาว

งูมีพิษ

1. งูเห่า

งูเห่า (Siamese) เป็นงูที่ออกหากินตามพื้นดินตอนกลางคืน ชอบอาศัยอยู่ตามจอมปลวก ทุ่งนา หรือบริเวณที่มีความชื้นสูง มีสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม สีเหลืองนวล หรือสีดำ ส่วนหัวแผ่แม่เบี้ยได้ โดยการตั้งส่วนหัวและคอขึ้น มีลายรูปวงแหวนสีขาว-ดำอยู่ตรงกลางด้านหลังของส่วนคอ เรียกว่า ลายดอกจัน

2. งูจงอาง

งูจงอาง (King Cobra) เป็นงูที่มักอาศัยอยู่ตามป่าทึบและใกล้แหล่งน้ำ มีความยาวเฉลี่ยอยู่ที่ 400 เซนติเมตร งูจงอางมีสีสันและลวดลายหลายแบบขึ้นอยู่กับถิ่นที่อยู่อาศัย เช่น งูจงอางของภาคกลางและอีสานมีลายขวางเป็นบั้งตลอดลำตัว ส่วนหัวแผ่แม่เบี้ยได้เหมือนกับงูเห่า แต่แม่เบื้ยของงูจงอางจะแคบกว่าแม่เบี้ยของงูเห่า จุดเด่นของงูจงอางคือ มีเกล็ดท้ายทอยขนาดใหญ่ 1 คู่ อยู่บนศีรษะค่อนไปทางด้านหลังของเกล็ดกระหม่อม

3. งูสามเหลี่ยม

งูสามเหลี่ยม (Banded Krait) เป็นงูที่ออกหากินตอนกลางคืน เชื่องช้าตอนกลางวัน ชอบอาศัยอยู่บริเวณที่ลุ่ม ทุ่งนา และป่าชายเลนเป็นหลัก ลำตัวมีสีดำสลับเหลืองเป็นปล้อง ๆ สีของส่วนท้องจะจางกว่าส่วนบน ปลายหางมน และมีกระดูกสันหลังยกตัวสูงนูน เห็นเป็นลักษณะสามเหลี่ยมชัดเจน

4. งูทับสมิงคลา

งูทับสมิงคลา (Malayan Krait) เป็นงูที่ออกหากินตอนกลางคืน มีความว่องไวและมีพิษรุนแรงกว่างูสามเหลี่ยม มักอาศัยตามพื้นดิน ใกล้แหล่งน้ำ และมีความชื้นสูง ลักษณะค่อนข้างกลมไม่มีสันที่หลังชัดเจน ลำตัวมีสีขาวสลับสีดำเป็นปล้อง ๆ โดยในส่วนของเกล็ดสีขาวอาจจะมีสีดำปนอยู่บ้าง บริเวณท้องเป็นสีขาว หัวเป็นสีดำปนเทา หางเรียวยาวเล็กแหลม

5. งูแมวเซา

งูแมวเซา (Russell’s Viper) เป็นงูที่ออกหากินตอนกลางคืน มักอาศัยอยู่ตามโพรงดิน ซอกหิน พงหญ้า ทุ่งนา และที่แห้ง ไม่ค่อยชอบขึ้นต้นไม้ เมื่อจะโจมตีจะขดตัวเป็นวงแล้วทำเสียงขู่ก่อนฉก ทั้งนี้แม้ลำตัวจะดูเทอะทะ แต่จู่โจมค่อนข้างเร็ว เกล็ดเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีลายเป็นรูปกลมสีน้ำตาลเข้ม ขอบสีดำขลิบขาวทั่วลำตัว หัวเป็นทรงสามเหลี่ยม มีลายสีน้ำตาลเข้มคล้ายหัวลูกศร

6. งูกะปะ

งูกะปะ (Malayan Pitviper) เป็นงูที่ออกหากินตอนกลางคืน ชอบขดตัวนิ่งตามซอกหิน ใต้กองใบไม้ และพื้นที่ลุ่มในป่าชื้น ลำตัวเป็นสีน้ำตาลแดงหรือสีน้ำตาลเทา มีลายสามเหลี่ยมสีน้ำตาลเข้มขอบขาวเรียงเป็นแถวอยู่สองฝั่งลำตัว ซึ่งบริเวณปลายแหลมของสามเหลี่ยมจะชนกันอยู่ที่เส้นสีน้ำตาลตามแนวกระดูกสันหลังพอดี

หัวออกสีน้ำตาลเข้ม มีเส้นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีขาวพาดผ่านปลายจมูก ขอบตาบน ไปจนถึงขากรรไกรบน ปากแหลม ปลายจมูกงอนขึ้นเล็กน้อย

7. งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง

งูเขียวหางไหม้ (White-lipped Pitviper) เป็นงูที่ออกหากินตอนกลางคืนตามพื้นดิน มักอาศัยอยู่ตามต้นไม้หรือใกล้แหล่งน้ำ พบบ่อยในสวนหรือใกล้บ้านคน ลำตัวค่อนข้างอ้วนใหญ่ หัวเป็นรูปสามเหลี่ยมหลิม ทั้ง 2 ส่วนปกคลุมด้วยเกล็ดสีเขียวขนาดเล็ก ผิวเรียบ และช่วงลำตัวจะใหญ่กว่าคออย่างเห็นได้ชัด

ริมฝีปากและคางมักมีสีเหลือง ขาว หรือสีเขียวอ่อนกว่าสีของลำตัวเล็กน้อย ปลายหางสีน้ำตาลแดง ตัวผู้มักมีเส้นขาวพาดเกล็ดลำตัวแถวนอกสุดตั้งแต่คอถึงหาง

ช่องทางไหนบ้างที่งูจะสามารถเข้ามาในบ้านได้

วิธีไล่งู และป้องกันงูเข้าบ้านต้องเริ่มที่ช่องทางเข้าบ้าน เพราะงูเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่สามารถเดินทางได้ในเกือบทุกที่ ไม่ว่าจะในน้ำ หรือที่มีความลาดเอียงได้ถึง 90 องศาเลยทีเดียว แต่สำหรับตัวบ้านนั้น ช่องทางที่งูจะสามารถเดินทางเข้ามาในบ้านได้นั้นมีอยู่รอบตัว ไม่ว่าจะรูใหญ่ รูเล็ก และบางช่องทางที่เราคิดไม่ถึง แต่หลัก ๆ ที่เรา จะคอยป้องกันได้ ก็คือ

1. ประตู

ควรปิดประตูให้เรียบร้อย เพราะเป็นหนึ่งช่องทางขนาดใหญ่ที่งูจะเข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายดาย การติดประตูมุ้งลวดก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง

2. หน้าต่าง

เป็นอีกหนึ่งช่องทางขนาดใหญ่ที่งูสามารถเล็ดรอดเข้ามาอย่างง่ายดาย จึงควรปิดทุกครั้งหากไม่ได้อยู่ในห้อง หรือในบ้าน อาจติดมุ้งลวดหรือตาข่ายกันแมลงก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง

3. ช่องลมรอบตัวบ้าน

อีกหนึ่งช่องทางที่หลายคนไม่นึกถึง แต่งูสามารถเข้ามาในบ้านได้ อาจติดมุ้งลวดในจุดที่ไม่ค่อยมีคนอยู่ก็ช่วยได้เช่นกัน

4. รอยร้าวรอบบ้าน

รอยร้าว รู หรือโพรง เป็นจุดที่งูชอบเข้ามาภายในบ้าน เราจึงควรดูแลซ่อมแซมบ้านให้ดี

5. ชักโครกหรือบ่อพักสิ่งปฏิกูล

เป็นอีกหนึ่งที่ที่ควรระวัง ที่หลายบ้านมองข้าม ควรหมั่นดูความเรียบร้อย ว่าฝาบ่อพักสิ่งปฏิกูลชำรุดหรือไม่ อาจทำให้งู เล็ดลอดเข้าไป แล้วหาทางออกไม่ได้ จึงโผล่เข้ามาบริเวณชักโครก

งูเข้าชักโครกได้อย่างไร

นอกจากที่งูจะเข้ามาจากบ่อพักสิ่งปฏิกูลแล้ว ยังมาได้จากจุดเชื่อมอย่างท่อระบายน้ำหรือช่องระบายอากาศของห้องน้ำ โดยเฉพาะห้องน้ำชั้นล่าง

วิธีป้องกันงูในชักโครก

- ติดตั้งตะแกรงตามท่อน้ำทิ้ง โดยเช็กระบบท่อระบายและระบบบ่อพักสิ่งปฏิกูล

- นำโซดาไฟ ราดในชักโครก

- ติดตั้งกล่องกันงู อีกหนึ่งวิธีป้องกันงูในชักโครกที่ทำได้ตั้งแต่ต้นคือการติดตั้งท่อกันงู ฝากันกลับ หรือกล่องกันงู ติดตั้งกับชักโครก เพื่อป้องกันไม่ให้งูเข้ามาในชักโครกได้อีกต่อไป

งูเข้าบ้านแล้วต้องทำอย่างไร

มาดูวิธีไล่งู เมื่องูเข้าบ้านสิ่งแรกเลยที่ควรมีคือ “สติ” ว่าจะทำอย่างไรต่อ ไม่ควรตกใจ เพราะอาจทำให้เหตุการณ์บานปลาย สิ่งที่ควรทำคือ

1. สังเกตประเภทของงู

การสังเกตว่างูมีพิษหรือมีพิษนั้น จริง ๆ แล้วแยกแยะได้ยาก แต่อาจสังเกตได้จากลักษณะเด่นของงูมีพิษ เช่น งูเห่า หรืองูจงอาง จะแผ่แม่เบี้ย งูสามเหลี่ยม ลำตัวจะเป็นรูปสามเหลี่ยม ส่วนงูเขียวหางไหม้และงูกะปะมีลักษณะแก้มป่อง ตัวสั้น มีเกล็ดละเอียด แต่หากไม่รู้จริง ๆ ให้สันนิษฐานก่อนเลยว่าเป็นงูมีพิษ 

2. คอยดูด้วยระยะที่ปลอดภัย

งูเหล่านี้ ก็กลัวคนเช่นกัน ถ้าหากเราไม่เข้าใกล้เกินไป งูเหล่านี้จะไม่เข้ามาทำร้าย คอยสังเกตว่างูกำลังจะไปในทิศทางไหน เพื่อจะได้ชี้นำการจับได้ง่ายขึ้น หากงูเคลื่อนเข้าหาให้ค่อย ๆ เคลื่อนไหวช้า ๆ ถอยหลังไปในทิศทางอื่น ด้วยความระวัง ไม่ควรวิ่ง ไล่ หรือขว้างปาสิ่งของ งูจะได้ไม่ตกใจและพุ่งเข้าทำร้าย

3. ขอความช่วยเหลือ

ถ้าไม่มีประสบการณ์ หรือไม่มีอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการจับ ควรโทรเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

- โทร. 199 สำหรับแจ้งอัคคีภัยและสัตว์เข้าบ้าน

- โทร. 1677 รายการวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน

-โทร. 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หากโดนกัด

วิธีป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้าน

คงไม่มีใครอยากให้งูเข้าบ้าน ไม่ว่าจะเป็นงูมีพิษ หรืองูไม่มีพิษ ลองมาดูวิธีป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้าน ดังนี้

- การจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ให้เป็นระเบียน หรือไม่เก็บของเกินความจำเป็น เพื่อลดพื้นที่เสี่ยงที่งูจะเข้ามาอยู่อาศัย

- ดูแลต้นไม้ และสวนหย่อม ให้เรียบร้อย ไม่ให้หญ้ายาว ต้นไม้รก เป็นที่พรางตัวของงู

- ทำความสะอาดรอบบ้านอยู่เสมอ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวบ้าน ว่ามีอะไรผิดสังเกต ชำรุดเสียหายหรือไม่ อีกทั้งยังเป็นการตรวจตา ไม่ให้เป็นที่ ๆ เหมาะให้งูมาอาศัย

- ใช้สารเคมีที่มีกลิ่นฉุน เช่น น้ำมันก๊าด ราดรอบ ๆ บริเวณที่ไม่ต้องการให้มีงูเข้ามาอยู่ แต่ระมัดระวังเวลาราดอาจพบงูที่มีอยู่แล้วออกมาจากที่หลบซ่อนได้

-ใช้ผงกำมะถันผสมน้ำ ราดบริเวณรอบบ้าน ทำอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้กำมะถันเจือจาง

แก้ข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิธีป้องกันงู1. งูกลัวเชือกกล้วยจริงหรือไม่

ไม่จริง งูไม่ได้กลัวเชือกกล้วย แต่เดิมคิดว่างูกลัวเชือกกล้วยจึงนิยมไปรัดงู เพราะเชื่อว่างูจะอ่อนแรงลง แต่จริง ๆ แล้วเชือกกล้วยมีความเหนียวและทนทานมาก งูยิ่งดิ้นจึงยิ่งเจ็บ ทำให้งูอ่อนแรงไปเอง ไม่ได้เกี่ยวกับความกลัวแต่อย่างใด

2. งูกลัวต้นไม้ 5 ชนิด

ไม่จริง งูไม่ได้กลัวต้นไม้ 5 ชนิดเหล่านี้ ได้แก่ ต้นจิงจูฉ่าย กุยช่ายประดับ (กุยช่ายม่วง) ต้นดาวเรือง ต้นฟ้าทะลายโจร ต้นระย่อม หรือแม้กระทั่งต้นไม้ที่มีหนาม และต้นไม้ที่มีกลิ่น งูก็ไม่ได้กลัวเช่นกัน

วิธีป้องกันงูเบื้องต้นทำได้ง่าย ๆ ด้วยการรักษาความสะอาด และจัดบ้านให้ระเบียบเรียบร้อย นอกจากจะป้องกันงูไม่ให้เข้าบ้านแล้วยังทำให้บ้านสวยงามด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook