รีวิว “ MUJI” สามย่านมิตรทาวน์ คิดจะตกแต่งชีวิต ลองคิดถึงที่นี่

ใครที่ชอบแบรนด์ “MUJI” (มูจิ) ต้องร้องว้าวก็คราวนี้ เพราะ “MUJI” เปิดสาขาใหม่ที่สามย่านมิตรทาวน์ สาขานี้มีความพิเศษหลายอย่าง นอกจากขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจนเรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรแล้ว ภายในยังจัดพื้นที่ต่างๆ อย่างเป็นสัดส่วน

ส่วนตัวแล้วเดินตรงไปที่โซนลีฟวิ่งก่อนโซนอื่นๆ เพราะบริเวณนี้ออกแบบพื้นที่เป็นมุมนั่งเล่นย่อมๆ ด้วยเฟอร์นิเจอร์ และของใช้สไตล์มูจิ ชวนให้นั่งเล่น นอนเล่นมาก และเป็นเรื่องที่น่าจะรู้กันดีว่าสินค้าญี่ปุ่นแต่ละชิ้นจะคิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการใช้งาน หรือตอบสนองฟังก์ชั่นอย่างแท้จริง

พอมองไปเห็นราคาหมอนหนุนขนเป็ดที่ตอนนี้มีโปรแรงอยู่ในราคา 300 กว่าๆ เลยลองเข้าไปถามพนักงานขอความรู้เกี่ยวกับหมอนหนุนขนเป็ด ก็ได้รับคำแนะนำอย่างดี สรุปๆ คือหมอนหนุนขนเป็ดของที่นี่มีหลายเกรด ใบที่สนใจไส้ในเป็นขนเป็ดแบบมีก้าน เห็นว่าเป็นขนเป็ดบริเวณปีกเป็ด เวลานอนจะยุบตัวลงเล็กน้อย น่าจะเหมาะกับคนที่นอนหมอนแบบเตี้ย แต่พอเขยิบไปอีกเกรดนึงราคาก็เขยิบตาม ไส้ในเป็นขนเป็ดบริเวณหน้าอกเป็ดและไม่มีก้านทำให้เวลานอนจะแน่นๆ กว่า นอกจากนี้ยังมีหมอนที่ด้านในเป็นพลาสติกรูปทรงหลอดเหมาะสำหรับคนที่อาจจะแพ้ขนสัตว์ เห็นแล้วก็อยากจะหิ้วกลับบ้านสักใบสองใบ

ใกล้ๆ กันในโซนนี้เป็นมุม Interior Consultation Service ให้คำปรึกษาเรื่องการตกแต่งภายในจากแบรนด์ โดยผู้เชี่ยวชาญทั้งเรื่องจัดการ ดูแล วิเคราะห์ปัญหา และช่วยแก้ปัญหาการจัดเก็บ จัดสรร ให้คำแนะนำเรื่องการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับเจ้าของบ้าน และพื้นที่พักอาศัย นอกจากนี้ยังช่วยประสานงาน วางผังเฟอร์นิเจอร์แบบสี 3D รับรองจะได้บ้านในแบบที่ถูกใจแน่นอน

อย่างที่บอกว่า MUJI สาขานี้ไม่เหมือนสาขาอื่นอย่างที่เคยเดิน เพราะมีโซน MUJI Green ไม้ใบของ MUJI ได้รับการคัดเลือกให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมในอาคารที่แตกต่างกัน แต่มองแล้วส่วนใหญ่จะเป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องดูแลมาก เหมาะกับการปลูกในพื้นที่จำกัด ส่วนหนึ่งเป็นต้นไม้ที่เหมาะกับการจัดสวนแนวตั้ง มีทั้งแบบปลูกในกระถางเซรามิค และต้นไม้แก้วใส มาที่นี่รับรองได้ครบ

ไม่เพียงเรื่องตกแต่งบ้านเท่านั้น แต่การตกแต่งชีวิตและไลฟ์สไตล์ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจาก 2 โซนที่เล่าไปแล้ว หลักๆ แล้ว MUJI สาขานี้ยังเน้นเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ว่าจะเป็นมุมกาแฟมูจิ ที่นับเป็นสาขาแรกของประเทศไทย โดยใช้เมล็ดกาแฟคั่วอาราบิก้าจากดอยตุง หรือเบเกอรี่นั้นมาจากร้าน 60 Plus Bakery ร้านที่เปิดโอกาสให้คนพิการและออทิสติกให้เข้ามาเป็นพนักงาน หรือแม้แต่โซน MUJI Labo เสื้อผ้าที่ทั้งหญิงและชายใส่ได้โดยไม่แบ่งแยกเรื่องเพศ นั่นก็เพื่อให้ตู้เสื้อผ้ามีพื้นที่ว่างมากขึ้นสำหรับเก็บเฉพาะสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน

ส่วน Re MUJI นั้นเป็นอีกโซนหนึ่งที่น่าสนใจเพราะทางแบรนด์นำสินค้าเครื่องแต่งกายคอลเลกชั่นเก่าและกำลังจะถูกทำลายมาผลิตใหม่ด้วยการย้อมสีเพื่อเป็นการลดขยะ นอกจากนี้ยังมีโซน MUJI Books สำหรับนั่งอ่านหนังสือไปพร้อมจิบกาแฟ หรือ Open MUJI พื้นที่เปิดกว้างสำหรับกิจกรรมเรียนรู้ เวิร์กช็อปต่างๆ

สำหรับส่วนบริการสุดพิเศษของสาขานี้มีทั้งบริการตัดขากางเกงฟรี,Embroidery Service บริการปักลาย ตัวอักษรบนเสื้อผ้า หมวก กระเป๋า ฯลฯ ได้มากกว่า 200 ดีไซน์,MUJI Yourself การออกแบบลวดลายบนสินค้ากระดาษต่างๆ

ถ้านับเวลาที่เดินอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้รู้สึกว่าได้ครบทั้งของที่ชื่นชอบในราคาและคุณภาพที่รู้สึกพึงพอใจ นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำแตกต่างจากการเดินช็อปเพื่อซื้อของเพียงอย่างเดียว รวมทั้งยังได้เห็นแนวคิดและปรัชญาในการดำเนินการของแบรนด์นี้อีกด้วย ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้แบรนด์นี้ลองไปสัมผัสบรรยากาศที่ว่ามานี้ได้แล้วที่สามย่านมิตรทาวน์ชั้น G การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ลงที่สถานีสามย่าน ทางออกที่ 2 หลังจากวันนี้เป็นต้นไปจะมีทางเชื่อมจากสถานีรถไฟใต้ดินไปถึงสามย่านมิตรทาวน์เลย