รีวิว Panasonic Lumix DMC-L1

รีวิว Panasonic Lumix DMC-L1

รีวิว Panasonic Lumix DMC-L1
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook


Introduction Panasonic DMC-L1



ในที่สุด Panasonic ก็ได้ฤกษ์วางจำหน่ายกล้องดิจิตอล Panasonic Lumix DMC-L1 ซึ่งเป็นกล้องดิจิตอล SLR ตัวแรกของ Panasonic อย่างเป็นทางการ ถึงแม้ว่าจะดูช้าไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าไม่มานะครับ ด้วยการรวม เทคโนโลยีจากหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีเลนส์จาก Leica และระบบ Four Third System จาก Olympus ทำให้กล้อง Panasonic Lumix DMC-L1 เป็นกล้องดิจิตอล SLR ที่มีความโดดเด่น และมีลักษณะเฉพาะตัวเป็นอย่างมาก และจัดเป็นกล้องหายาก ที่เปิดตัวไปแล้ว แต่ผมยังไม่เห็นวางขายที่ใดในประเทศไทย นอกจากโชว์เฉยๆ



จุดเด่นเป็นที่กล่าวถึงกันอย่างมากของ Panasonic Lumix DMC-L1 นั้น ได้แก่ระบบ Live view ซึ่งช่วยให้คุณสามารถดูภาพที่กำลังจะถ่ายผ่านจอก LCD ของกล้องได้ ซึ่งแตกต่างจากกล้อง D-SLR อื่นๆ ที่จะต้องมองภาพที่จะถ่ายผ่านเลนส์เท่านั้น และ CCD ความละเอียด 7.5 ล้านพิกเซลที่มีระบบ กำจัดฝุ่นด้วยคลื่นสั่นละเทือนความถี่สูง

และที่โดดเด่นที่สุดคือ เลนส์ที่มาพร้อมกับกล้องที่จัดว่าเป็นเลนส์ติดกล้องที่มีความสามารถสูง Leica 14-50 มม. OIS (เทียบเท่า 28-100 มม.) ซึ่งมีรูรับแสงกว้างถึง F2.8-3.5 และติดระบบป้องกันภาพสั่นไหว O.I.S ในตัว

7.5 ล้านพิกเซล
เซนเซอร์ 4/3 Live MOS
ISO 100 - 1600
จอ LCD 2.5 นิ้ว ความละเอียด 207,000 พิกเซล
รองรับเมมโมรี่การ์ดแบบ SD card
ขนาด 146 x 87 x 77 หนัก 606 กรัม
เลนส์ Leica 14-50 มม. (เทียบเท่า 28-100) F2.8 -3.5 ระบบป้องกันภาพสั่นไหว O.I.S

Build & Feature Panasonic Lumix DMC-L1



กล้องดิจิตอล Panasonic Lumix DMC-L1 ถูกออกแบบในสไตล์คลาสสิค ได้รับอิทธิพลมาจากกล้อง Leica มากพอสมควร ซึ่งไม่เพียงแต่รูปร่างหน้าตาเท่านั้นที่เป็นแบบคลาสสิค แต่วิธีใช้งานก็ยังเป็นแบบกล้อง SLR แบบอนาล๊อค คือปรับโหมดถ่ายภาพ ด้วยการหมุนแป้นควบคุมบนกล้อง และปรับรูรับแสงบนวงแหวนของเลนส์



ด้านหลังมีช่องมองภาพ และจอ LCD ขนาด 2.5 นิ้ว ความละเอียด 207,000 พิกเซล แสดงข้อมูลการถ่ายภาพต่างๆ และปุ่มควบคุมต่างๆ เช่นปุ่มเปิด/ปิด และปุ่มตั้งค่าต่างๆ



ช่องมองภาพของ Panasonic DMC-L1 จะอยู่เยื้องไปทางด้านซ้ายค่อนข้างมาก สามารถใช้งานได้ดี แต่ช่องมองภาพค่อนข้างเล็ก และมืดไปสักหน่อย ทำให้มองภาพลำบาก เวลาถ่ายภาพในที่มีแสงสว่างน้อย

แป้นควบคุมด้านบน เป็นแป้นควบคุมความเร็วชัตเตอร์ ส่วนบริเวณเลนส์มีวงแหวนปรับรูรับแสง ซึ่งเลนส์รุ่นใหม่ๆ มักจะไม่มีวงแหวนปรับรูรับแสงบนเลนส์แล้ว ถ้าหากเป็นคนใช้กล้องรุ่นใหม่จะไม่คุ้นเคยกับระบบแบบนี้เท่าไร แต่ถ้าเป็นคนเคยใช้กล้องเก่าๆ จะคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะการควบคุมแบบนี้ จะสามารถปรับแต่งการถ่ายภาพได้รวดเร็วมาก ถ้ามีความเคยชิน



กล้องดิจิตอล Panasonic Lumix DMC-L1 มาพร้อมกับเลนส์ Leica 14-50 มม. F2.8-3.5 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว Mega O.I.S ซึ่งจัดว่าเป็นเลนส์ Kit ที่ดูไฮโซที่สุด ทำให้ราคาบอดี้กล้องรวมเลนส์แล้ว ค่อนข้างสูงมาก และคุณสามารถเปิดปิดระบบป้องกันภาพสั่นไหวได้ที่เลนส์ดังภาพ



สำหรับแฟลชจะมีลักษณะพิเศษคือมี 2 จังหวะกดครั้งแรก แฟลชจะดีดขึ้นด้านบน เพื่อยิงแฟลชขึ้นเพดาน สำหรับถ่ายภาพในอาคาร กดอีกครั้งจะดีดตัวไปด้านหน้าสำหรับยิงแฟลชแบบตรงๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจดี



กล้องดิจิตอล Panasonic Lumix DMC-L1 เมื่อได้สัมผัสครั้งแรก รู้สึกได้เลยว่าค่อนข้างใหญ่ กว่าที่คิดไว้ อาจเป็นเพราะรูปร่างหน้าตา ที่ดูทึบตันเป็นแท่งสี่เหลี่ยม ตามสไตล์ Leica ซึ่งวัสดุการประกอบค่อนข้างดีมาก ทั้งบอดี้กล้อง และเลนส์โดยเฉพาะยางหุ้ม ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนหนังแท้ ดูมีคุณภาพดีกว่าทั่วไป

สำหรับการใช้งานโดยทั่วไป และการเข้าถึงเมนู ปรับแต่งค่าต่างๆ ค่อนข้างใช้งานได้ง่าย เมนูตั้งค่าต่างๆ เข้าใจได้ง่าย คุณสามารถปรับค่า White Balance ได้อย่างละเอียดมาก และเห็นผลได้ชัดเจน และที่น่า ประทับใจคือ โหมดดูภาพถ่าย (Playback) ที่สามารถ เลือกดูภาพแบบปฏิทินรายวัน ทำให้สามารถแยกแยะ ได้ว่าภาพไหนถ่ายวันไหน ได้อย่างง่ายดาย

Photographic test

กล้อง Panasonic DMC-L1 มาพร้อมกับเลนส์ Leica 14-50 มม. F2.8-3.5 Maga O.I.S ซึ่งจัดว่าเป็นเลนส์ ที่มีรูรับแสงกว้าง มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว มีคุณสมบัติค่อนข้างสูง คุณภาพการประกอบค่อนข้างดี เซนเซอร์รับภาพ ความละเอียด 7.5 ล้านพิกเซล เป็นแบบ 4/3 MOS (Live MOS sensor) พร้อมระบบกำจัดฝุ่น ซึ่งเซนเซอร์ตัวนี้ใช้เทคโนโลยีร่วมกับ Olympus E-330 แต่จะต่างกันตรงระบบประมวลผลภาพ (Image processor) ที่เป็นของ Panasonic พัฒนาเอง Venus Engine III

Lens Zoom tes


ทางยาวโฟกัส 14 มม. (เทียบเท่า 28 มม.)


ทางยาวโฟกัส 50 มม. (เทียบเท่า 100 มม.)

Leica 14-50 มม. ให้ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 28-100 มม. ครอบคลุมการใช้งานทั่วไปได้ดี ผนวกกับมีรูรับแสงที่กว้าง คุณภาพของเลนส์มีความคมชัดเกือบทั่วทั้งภาพ ไม่มีอาการขอบมืด และมัวให้เห็นเลย การบิดเบี้ยวและลักษณะโป่งออกมีให้เห็นน้อยมาก เมื่อเทียบกับเลนส์ทั่วๆ ไป

ระบบป้องกันภาพสั่นไหว ทำให้สามารถถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้สะดวก โดยไม่ต้องพึ่งพา ขาตั้งกล้องมากนัก แต่ว่ามาตกม้าตายตรงระบบโฟกัสของกล้องค่อนข้างช้า เมื่อเจอสภาวะแสงน้อย

Macro Test


เลนส์ Leica 14-50 มม. สามารถถ่ายภาพระยะใกล้ได้ไม่มากนัก

White Balance Test



ทดสอบความสามารถในการปรับสมดุลสีขาวในสภาวะแสงภายในอาคาร Panasonic DMC-L1 สามารถปรับสมดุลสีได้ดี ไม่ค่อยมีอาการสีเพี้ยนให้เห็นเท่าไรนัก

Flash Test



เนื่องจากระบบแฟลชของของ Panasonic DMC-L1 สามารถยิงแฟลชได้ 2 รูปแบบ คือยิงขึ้นเพดาน และยิงแบบตรงๆ เราจึงทดสอบทั้ง 2 แบบ โดยแบบแรกคือยิงแบบตรงๆ ผลปรากฏว่าแฟลชค่อนข้างให้แสงน้อย และออกโทนสีแดงเล็กน้อย



สำหรับการยิงแฟลชสะท้อนเพดาน แสงเฟลชค่อนข้างมืด แต่การยิงแฟลชแบบนี้ มีข้อดีคือให้แสงที่ดูเป็นธรรมชาติกว่า และไม่มีเงาตกกระทบบนพื้นหลัง

ISO Test


ISO 100
ISO 200


ISO 400


ISO 800


ISO 1600



Panasonic Lumix DMC-L1 สามารถปรับค่า ISO ได้ตั้งแต่ 100 1600 ซึ่งจากการทดสอบ ISO 100 -800 สามารถใช้งานได้ดี เพียงแต่ที่ ISO 800 ภาพจะดูนุ่มลงเล็กน้อย สำหรับ ISO 1600 เริ่มเห็น Noise พอสมควร เมื่อเทียบกับกล้องดิจิตอล SLR ยี่ห้ออื่นๆ Noise ของ Panasonic DMC-L1 จัดอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

สำหรับคุณภาพของภาพถ่ายที่ได้จาก เซนเซอร์และระบบประมวลผล Venus Engine III นั้นไฟล์ JPG จะค่อนข้างได้ภาพที่ดูนุ่ม (Soft) กว่าปกติเล็กน้อย หากถ่ายแบบไฟล์ RAW แล้วนำมาแปลงบนโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์จะให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่ามาก อาจเป็นเพราะ Panasonic ยังไม่ถนัดกับ Sensor ตัวใหม่เท่าไรนัก จึงยังปรับแต่ง Venus Engine III ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร

Conclusion



Panasonic Lumix DMC-L1 ใช้พื้นฐาน Four Thirds System ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง Panasonic และ Olympus และกล้องตัวนี้ใช้ระบบโครงสร้างภายในร่วมกับกล้อง Olympus E-330 ซึ่งมีความละเอียด 7.5 ล้านพิกเซล มีระบบกำจัดฝุ่นภายในตัวกล้อง และมีระบบ Live view ที่สามารถมองภาพผ่านจอ LCD ขณะถ่ายภาพได้เช่นเดียวกับ Olympus E-330 ซึ่ง E-330 จะมีระบบ Live view อยู่ 2 โหมด คือ Mode A และ โหมด B สำหรับ L-1 จะมี Live view เพียงโหมดเดียว ซึ่งคุณสมบัติใกล้เคียงกับ Mode B ของ Olympus



ทำให้กล้องดิจิตอล Panasonic Lumix DMC L-1 ต่างกับกล้อง SLR ทั่วไปที่เวลาถ่ายภาพจะต้องดู จากช่องมองภาพเท่านั้น แต่ระบบ Live view ทำให้สามารถดูภาพถ่ายขณะกำลังถ่ายภาพได้ คุณสามารถเข้าโหมด Live view ได้โดยกดปุ่ม Live view จอ LCD ก็จะเห็นภาพที่กำลังจะถ่ายผ่านจอ LCD คุณสามารถซูมเลนส์ได้ตามปกติ ช่วยให้ถ่ายภาพในกริยาท่าทางที่หลากหลายมากขึ้น

เมื่ออยู่ในโหมด Live view เวลาโฟกัสภาพจะพบความเชื่องช้าเล็กน้อย เพราะภาพในจอ LCD จะหยุดไปชั่วขณะ เพื่อโฟกัสภาพ เมื่อกดชัตเตอร์ถ่ายภาพจะได้ยินเสียงแชะ 2 ครั้ง ซึ่งทำให้รู้สึกว่าช้ากว่าปกติ ซึ่งในอนาคต ระบบ Live view คงได้รับการพัฒนาให้ทำงานได้รวดเร็วกว่านี้

ซึ่งจุดที่น่าอึดอัดใจสำหรับกล้องรุ่นนี้คือช่องมองภาพที่ค่อนข้างเล็ก และมืด ทำให้มองภาพลำบากในที่ ที่มีแสงสว่างน้อย และระบบโฟกัสที่มีเพียง 3 จุด และโฟกัสค่อนข้างช้า ระบบประมวลผลในกล้อง ที่ยังไม่สามารถรีดเค้นประสิทธิภาพของเซนเซอร์รับภาพได้อย่างเต็มที่ ซึ่งคาดว่าในอนาคต Panasonic จะพัฒนาให้ดีกว่านี้ได้ไม่ยาก

จุดเด่นของกล้อง Panasonic Lumix DMC-L1 คือรูปร่างหน้าตา การใช้งานที่เป็นเอกลักษณ์ และเลนส์ที่ติดมากับตัวกล้องที่มีคุณภาพสูง มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว ที่ใช้งานได้ดี การใช้งานที่ง่าย และเข้าถึงได้รวดเร็ว สำหรับคนที่มีความเคยชินกับกล้องแบบนี้ จะสามารถใช้งานได้รวดเร็วมาก การได้ทดสอบกล้อง Panasonic Lumix DMC-L1 ทำให้ความรู้สึกวันวานที่ได้ใช้กล้องถ่ายภาพแบบแมนนวลกลับมาอีกครั้ง ซึ่งมันก็ยังเป็นความรู้สึกดีๆ อยู่ไม่คลาย

ข้อสังเกต

- ระบบโฟกัส 3 จุด และโฟกัสช้า
- ช่องมองภาพเล็ก ค่อนข้างมืด
- ปุ่มชัตเตอร์อยู่ในตำแหน่งที่กดยาก
- ระบบ Live view ยังต้องพัฒนาเพิ่ม
- ราคารวมเลนส์ ค่อนข้างสูง

จุดเด่น

- เลนส์รูรับแสงกว้าง และมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว
- คุณภาพการประกอบ และวัสดุดี
- ปรับแต่งโหมดการถ่ายภาพได้ง่าย
- ระบบ Live view มีความยืดหยุ่นดี
- มีระบบกำจัดฝุ่นบนเซนเซอร์

Gallery




สนับสนุนเนื้อหาโดย
www.techxcite.com

อัลบั้มภาพ 32 ภาพ

อัลบั้มภาพ 32 ภาพ ของ รีวิว Panasonic Lumix DMC-L1

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook