
เปิดตัวแล้วครับกับ Nothing Phone (3) และ Headphone (1) อีก Gadget ที่เปิดตัวในตลาดโลก ล่าสุดได้เปิดตัวในประเทศไทยแล้วรอบนี้เรามาสรุปและราคาของ Gadget ใหม่นี้ แต่ว่าก่อนที่จะดูราคาเรามาดูกันว่าเราสรุปรายละเอียดกันก่อนดีกว่า

มือถือฉีกกฏที่ออกแบบแตกต่างได้สเปกที่โดดเด่นกว่าพร้อมกับการใช้งานที่ลงตัว แถมอัปเกรดได้นาน รอบนี้เรามาดูกันว่ามือถือรุ่นนี้มีจุดเด่นอะไรบ้าง
ดีไซน์และหน้าจอ: ตัวเครื่องมีดีไซน์แบบโปร่งใสที่เห็นกลไกภายในที่เป็นเอกลักษณ์ของ Nothing มีดีไซน์แบบรูปเรขาคณิตที่โดดเด่นและใช้วัสดุระดับพรีเมียม หน้าจอเป็นแบบ Flexible AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K และมีขอบจอบางเฉียบเพียง 1.87 มิลลิเมตรที่เท่ากันทุกด้าน ซึ่งบางกว่ารุ่น Phone (2) ถึง 18% หน้าจอมีความสว่างสูงสุด 4,500 นิต (HDR) และรองรับอัตรารีเฟรชแบบปรับได้ที่ 30-120Hz
ประสิทธิภาพและแบตเตอรี่: ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 4 ซึ่งมีประสิทธิภาพการประมวลผล CPU เพิ่มขึ้น 36%, GPU เร็วขึ้น 88% และการประมวลผล AI เพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับ Phone (2) มาพร้อมแบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอนความจุ 5150mAh ที่ใช้งานได้นานเกินหนึ่งวัน รองรับการชาร์จแบบมีสาย 65W และไร้สาย 15W
กล้อง: มีกล้องระดับมืออาชีพพร้อมเซนเซอร์หลักขนาด 1/1.3 นิ้วที่ถ่ายภาพคมชัดแม้ในที่แสงน้อย สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K 60fps จากทุกเลนส์ด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Optical เต็มรูปแบบ
คุณสมบัติเด่นอื่นๆ: Glyph Matrix โฉมใหม่บนด้านหลังตัวเครื่องจะแสดงข้อมูลสำคัญเมื่อจำเป็น ทำให้ลดการใช้เวลาบนหน้าจอ มีฟีเจอร์ Flip to Record ที่ให้ผู้ใช้คว่ำหน้าจอเพื่อเริ่มถอดเสียงและสรุปบทสนทนาอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมาพร้อม Nothing OS 3.5 ที่รันบน Android 15 และจะได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันหลักเป็นเวลา 5 ปี และการอัปเดตความปลอดภัยนาน 7 ปี


อ่านรีวิว : รีวิว Nothing Phone (3) มือถือเรือธงสุดมินิมอล แต่ฟีเจอร์เยอะเกินคาด

ฉีกกฏของการออกแบบหูฟังที่สามารถออกแบบให้ควบคุมดูธรรมชาติ ไม่ต้องเดา และมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์คุณภาพที่เสียงดีรอบนี้เรามาดูจุดเด่นกันว่าเป็นอย่าง
ดีไซน์และระบบควบคุม: เป็นหูฟังแบบครอบหูรุ่นแรกของ Nothing ที่มีดีไซน์โปร่งใสเห็นโครงสร้างภายใน ใช้วัสดุระดับพรีเมียม เช่น อะลูมิเนียมขึ้นรูปและเมมโมรี่โฟมเคลือบ PU เพื่อความสบาย ระบบควบคุมเป็นแบบ Tactile controls ผ่านปุ่มจริงบนตัวเครื่อง เช่น Roller, Paddle หรือ Button ซึ่งช่วยลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นกับระบบสัมผัสทั่วไป
คุณภาพเสียง: Nothing ได้พัฒนาร่วมกับ KEF ซึ่งเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเสียง ทำให้ Headphone (1) มี Dynamic Driver ขนาด 40 มิลลิเมตรที่ให้คุณภาพเสียงคมชัดและสมจริง รองรับ Hi-Res Audio และ LDAC สามารถเปลี่ยนเสียงสเตอริโอให้เป็นประสบการณ์เสียงรอบทิศทาง 360 องศาได้ด้วยฟีเจอร์ Spatialisation และการติดตามการเคลื่อนไหวของศีรษะแบบเรียลไทม์
แบตเตอรี่และคุณสมบัติ: สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 35 ชั่วโมงเมื่อเปิดโหมด ANC รองรับการชาร์จเร่งด่วนที่ชาร์จเพียง 5 นาทีก็สามารถใช้งานต่อได้นาน 2.4 ชั่วโมง มีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ขั้นสูงที่ปรับระดับได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงมีไมโครโฟน ENC 4 ตัวที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อให้เสียงสนทนาคมชัดในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก สามารถเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกันผ่าน Bluetooth 5.3
การปรับแต่ง: ผู้ใช้สามารถตั้งค่าปุ่มอัจฉริยะ Button ผ่านแอปพลิเคชัน Nothing X เพื่อใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งโปรไฟล์เสียงได้อย่างละเอียดด้วย Advanced EQ แบบ 8 แบนด์

อ่านรีวิว : รีวิว Nothing Headphone (1) หูฟังสวมใหม่ สเปกจัดเต็ม!
ผู้ใช้งานจะมีโอกาสเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกของโลกที่ได้ครอบครอง Phone (3) และ Headphone (1) ก่อนใครกับ Limited Drop เปิดขายรอบพิเศษที่ Nothing Store (One Bangkok) และ Carnival (CentralWorld) ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป สำหรับการสั่งซื้อ Phone (3) รับสิทธิ Storage Upgrade ฟรี พร้อมของสมนาคุณสุดพิเศษ Nothing Ear, Nothing Cap และ Nothing Tote Bag และสำหรับการสั่งซื้อ Headphone (1) รับของแถม Nothing Headphone Protective Cover ทั้งนี้ สินค้าทั้งหมดมีจำนวนจำกัด โดยจะให้สิทธิสำหรับผู้ที่ถึงก่อน ตามลำดับคิวการสั่งซื้อ
สำหรับการพรีออเดอร์ สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่าย Nothing ที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์ รายละเอียดดังนี้
ไม่เพียงเท่านี้ Nothing ยกระดับประสบการณ์หลังการขาย ด้วยบริการสายด่วนตลอด 24 ชั่วโมง โทร 1800 018 320 รองรับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมศูนย์บริการ 10 แห่ง และจุดรับส่งสินค้า (Drop-off locations) ใกล้บ้านคุณ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับศูนย์บริการได้ที่ https://th.nothing.tech/pages/service-center ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป