
กลับมาพบกับรีวิว Gadget จากทีม Sanook Hitech กันอีกครั้ง ก่อนที่คุณจะพบกับรีวิวของ ROG Ally วันนี้มีอีก 1 ตัวที่เปิดตัวก่อนหน้านี้และเข้าถึงได้ง่ายกว่า สำหรับคอคนเล่นเกมมือถือ ที่รอคอยสุดยอดมือถือเล่นเกมอย่าง ROG Phone 7 วันนี้เราได้มาแล้วกับรุ่นเริ่มต้นตัวนี้ มาดูกันว่ามันแตกต่างกันแค่ไหน รับชมได้เลย


สำหรับพัดลม AeroActive 7 นั้นจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดกับ ROG Phone 7 Ultimate เท่านั้นแต่จะมีจำหน่ายแยกหรือไม่ต้องรอดูกันต่อไป แต่ถ้าใครมี AeroActive 6 ใช้แทนได้เลยแค่จะไม่มี Sub-Woofer เท่านั้น
เริ่มต้นกับหน้าตาของ ROG Phone 7 นั้นอยากจะใช้คำว่า “เหล่าเก่า” เพราะหน้าจอยังคงได้ขนาด 6.78 นิ้ว ถือว่าใหญ่กำลังดีมาพร้อมกับการแสดงผลเป็นแบบ AMOLED Display กับการออกแบบจองมีการเว้นส่วนและล่างชัดเจนเพื่อวางลำโพงคู่ที่ด้านหน้า และหน้าจอมีความละเอียด FHD+ และความสว่างสูงสุด 1,200 nits

ส่วนบนของเครื่องจะได้กล้องความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายวิดีโอ Full HD และยังมีลำโพงตัวที่ 2 ที่มีขนาด 12x16 มิลลิเมตร นอกจากไว้สนทนาได้แล้วเวลาเล่นเพลงหรือเปิดเกมเสียงก็จะดัง คมชัดอีกด้วย

ส่วนล่างมีที่อยู่ของลำโพงขนาด 12 x 16 มิลลิเมตร เช่นเดียวกัน พร้อมกับปุ่มกดที่สามารถเปลี่ยนได้ทั้งรูปแบบของการปัด และการกดแบบปกติ

รอบตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมสวยงามและเป็นสีดำ ส่วนสีขาวรอบตัวเครื่องจะเป็นสีขาว ฝังซ้ายมีช่องเสียบ USB-C ไว้สำหรับเสียบอุปกรณ์พัดลม AeroActive Cooler ทั้งรุ่น 6 และ 7 นอกจากนี้สังเกตดีๆ ว่ามีขั้วสำหรับเสียบ พัดลมเพื่อเพิ่มกำลังขับอย่าง Sub-Woofer พร้อมกับด้านล่างเป็นช่องใส่ซิมการ์ดคู่แบบ Nano SIM และตัวปลดซิมออก ไม่ลึกแล้วนะครับ

ฝั่งขวามือจะมีปุ่ม Air Trigger ไว้สำหรับเล่นเกม และปรับคำสั่งได้มากถึง 10 อย่างด้วยกัน พร้อมกับปุ่มเพิ่มลดระดับเสียงและปุ่ม Power


ส่วนบนมีไมโครโฟนเท่านั้น

ส่วนล่างมีช่องเสียบหูฟัง และ USB-C สำหรับชาร์จไฟ และมีไมโครโฟนในตัว

พลิกด้านหลังจะมาพร้อมกับ โลโก้ ROG และมี Dot Matrix พร้อมกับเส้นที่สามารถเปลี่ยนสีไฟได้ด้วย และมีการแบ่งด้านหลังจะเป็นอลูมิเนียม และ แบบใสๆ และยังมีลวดลายเหมือนกับโชว์ความเป็น Mainboard สามารถเปลี่ยนสีได้จัดเต็ม

ความต่างระหว่าง ROG Phone 7 และ ROG Phone 7 Ultimate
ROG Phone 7 Ultimate
และหลายคนจะสงสัยนอกจากของแถมที่อยู่ในกล่องเรื่องของความแตกต่างของความต่างระหว่าง ROG Phone 7 และ ROG Phone 7 Ultimate จะมีทั้งหมด 2 เรื่องได้แก่
น้ำหนัก และ การจับถือ
.jpg?ip/resize/w728/q80/jpg)
ถึงแม้ว่าเครื่องคล้ายกับรุ่นเดิม แต่ว่าด้านหลังมีการเปลี่ยนแปลงด้านหลังที่เยอะมากพอสมควร ทำให้โดดเด่นมากอยู่ เพียงแต่ว่าสิ่งที่ตั้งข้อสังเกตคือ ผิวเรียบอาจจะทำให้เกิดรอยขนแมวได้ง่าย น้ำหนักไม่ได้เยอะ แต่การจับถือลื่นไปหน่อย แนะนำให้ใส่เคสจะดีกว่าครับ
นอกจากนี้ยังเป็น ROG Phone รุ่นแรกที่ออกแบบให้กันน้ำและกันฝุ่นมาตรฐาน IP54 อีกด้วย
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง

การแสดงผลหน้าจอของ ROG Phone 7 จะเน้นเรื่องความไวมากกว่าความละเอียดเพราะหน้าจอ 6.78 นิ้วแต่ยังได้ความละเอียด Full HD+ พร้อม Refresh Rate 165 Hz แค่ค่าการสัมผัสสูงมากถึง 720 Hz เรียกว่าโดดเด่น นอกจากนี้สีสันมากถึง 1 พันล้านสี และยัง มีค่า DCI-P3 และยังรองรับ Dolby Vision เป็นน เรียกว่าครบสูตรเลยครับ


ประกอบกับลำโพงคู่ขนาดใหญ่ทำให้เสียงที่ออกมาครบทุกอารมณ์และยังรองรับ Dolby ATMOS และ DTS Sound System พร้อมกับ Hi-Res และ Dirac ด้วย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มกำลังขับ Sub-Woofer
ประสิทธิภาพ / การเล่นเกม / การเชื่อมต่อ

คะแนน Geekbench 6 = 1,911 คะแนน (Single Core) | 5,577 คะแนน (Multi Core)

AnTuTu = 1,575,074 คะแนน

คะแนนประสิทธิภาพใช้คำว่าไม่ต้องพูดเยอะให้เจ็บคอเพราะมันตอบโจทย์การทำงานได้ดีมากจริง นอกจากความดีงามของ Snapdragon 8 Gen 2 แล้วเบื้องหลัง ROG มีการปรับระดับหลายๆ สิ่งภายใน จน ASUS ให้คำนิยามว่า GameCool 7 ประกอบด้วย

ฟีเจอร์การเล่นเกมก็มีผลต่อประสิทธิภาพ รุ่นนี้มีให้เลือกผ่านทาง Armoury Crate สามารถปรับประสิทธิภาพอย่าง X-Mode / X-Mode+ ที่นอกจากบูสต์พลังแบบแรงเหมือนสายน้ำที่ตกอย่างรวดเร็วแล้ว ยังสามารถเร่งกับเกมในโหมด Gaming Mode, Hardcore Mode ที่ทำให้ดึงศักยภาพของเกมเข้ามาได้แบบเต็มที่ ส่วนคนทั่วไปก็จะมี Dynamic, Ultra Durable และ Advance ในหัวข้อสุดท้ายคือุสามารถปรับค่าได้เองทั้งหมด

ทำให้ส่วนของการควบคุมการเล่นเกมหรือ Game Genie ที่สามารถแสดงผลในระหว่างเล่นเกม โดยการปัดมุมซ้าย หรือขวา ในด้านความสามารถปรับและควบคุมได้แบบครบเครื่องมากเช่น
ยังไม่หมดครับเพราะการเชื่อมต่อของ ROG Phone 7 นอกจากบอกพิกัด GPS ได้ดีมากแล้วยังรองรับ 5G แบบ Dual Standby, Bluetooth 5.3 รองรับ Hi-Res Wireless Audio และ ใหม่ล่าสุด Wi-Fi 7 ตัวแรกของโลกทำให้การเชื่อมต่อความเร็วอินเทอร์เน็ตทำได้ดีมาก เพราะการเล่นเกม นอกจากมือถือดีเน็ตต้องแรง เรียกว่าจัดเต็ม

ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย

ด้านระบบปฏิบัติการของ ROG Phone 7 (รวมถึง ROG Phone 7 Ultimate) มาพร้อมกับ Android 13 และมีการครอบด้วย ROG UI ที่มีความเรียบง่าย มีฟีเจอร์แบ่งหน้าจอทั้งกรอบ Popup, แบ่งเป็น 2 หน้าจอหรือ Multi Window ก็ทำได้ และยังสามารถปรับแต่งได้ทั้ง ROG UI และแบบ Pure Android ก็ทำได้
นอกจากฟีเจอร์ของการเล่นเกมไปแล้วก็ยังมีฟีเจอร์ทั่วไปได้แก่ เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, สมุดจด, เข็มทิศ และสามารถอัดหน้าจอได้
Armoury Crate

ยังคงใช้รูปแบบเดียวกับ ROG Phone 6 เดิมและยังเป็น ตัวปรับประสิทธิภาพเกม หรือ ตัวเลือกออฟชั่นแต่ละเกมที่ทำให้การเล่นเกมของคุณสนุกมากขึ้น โดยสามารถเปิดฟีเจอร์ได้ดังนี้

Motion Sensor

Ultra Sonic Button (Air Trigger)


นอกจากนี้ยังสามารถปรับตั้งค่าปุ่มของพัดลม AeroActive Cooler 6 และ 7 สำหรับรุ่นใหม่จะเพิ่มการตั้งค่า Sub-Woofer ในตัวได้ด้วยช่วยให้เสียงมีมิติขึ้นอีกนิด


และปรับตั้งค่าไฟด้านหลังเครื่องรวมถึงหน้าจอ ROG Vision ในตัว ROG Phone 7 Ultimate
ส่วนระบบความปลอดภัยมีทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ และ ระบบสแกนใบหน้า
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ

ฟีเจอร์ภายในกล้อง
ลูกเล่นของกล้องไม่ได้เซนไพรส์ เพราะ ROG Phone 7 จะคล้ายกับ ROG Phone 6 Series ทั้งหมด แต่เล่าคร่าวๆ คือเมนูการถ่ายภาพและวิดีโอที่ชัดเจน การใช้งานซูมทำได้ง่าย เมนูกดง่ายเพราะมี icon ที่อธิบายครบจนเรียกได้ว่าเอาใจคนขอบถ่ายภาพระดับหนึ่ง แต่รอบนี้มีแบ่งเป็นโหมดอื่นๆ ก็จะมีการเพิ่ม Pro Video, Night Mode และกลางคืน สามารถซูมได้มากสุด 8X
สำหรับวิดีโอ ควบคุมกันสั่นไหวแบบ EIS ได้ 2 ระดับทั้งแบบมาตรฐานและ Hyper Smooth ทำให้ภาพที่ออกมาดูดี แต่ถ้าถ่ายวิดีโอ 4K 60 FPS และ 8K / 30 FPS เลยทีเดียว พร้อมกับลูกเล่นทั้ง Timelaps, Slo-mo ได้ช้าสุดที่ HD 480 FPS และ Motion Tracking จับการเคลื่อนไหววัตถุได้ และ Pro Video ที่ทำได้เหมือนมือถือราคาแพงในระดับเดียวกัน และยังมีฟีเจอร์ตัดเสียงลม, ฟีเจอร์เลือกใช้ไมโครโฟนฯ เป็นต้น และสามารถซูมได้มากที่สุดแค่ 4X เท่านั้น

กล้องหน้าของ ROG Phone 7 เพิ่มความละเอียดเป็น 32 ล้านพิกเซล แต่ว่าวิดีโอกลับทำได้ที่ 1080p 30 FPS น่าเสียดายที่ลดสเปกลงแต่ว่าสิ่งที่ดีคือ ความละเอียดทำได้ดีมากขึ้นกว่าเดิมนะ

ผลงานของกล้อง ROG Phone 7
(กล้องหลัง)












(กล้องหน้า)



แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ

สำหรับแบตเตอรี่ของ ROG Phone 7 ทั้ง 2 รุ่น ยังคงได้ที่ 6000 mAh แต่จากการทดลองใช้งานถ้าอยู่ในลักษณะใช้งานทั่วไปอึดและอยู่ได้นานวันนึงพอดี แต่ถ้าเป็นการเล่นเกมแบบโหมดสุดๆ ทำได้อยู่ที่ 6 ชั่วโมงกว่าเรียกว่าเล่นจนปวดตาไปข้างเลย ส่วน PCMark ใน ROG Phone 7 ปกติทำได้ราวๆ เกือบ 20 ชั่วโมงครับ
ฃ

ส่วนระบบชาร์จไฟของ ROG Phone 7 ทั้ง 2 รุ่น เป็นแบบ USB-C เท่านั้นรองรับกำลังสูงสุด 65W ในแบบ Hyper Charge หรือจะใช้ที่ชาร์จกำลัง 65W ก็ได้

หลังจากที่ทดลอง “ROG Phone 7” ใหม่ล่าสุดนอกจากมีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นเดียวกันทั้ง Ultimate และรุ่น ปกติที่ทดลองใช้งาน พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงทั้งการออกแบบระบายอากาศใหม่ทำให้ขุมพลัง Snapdragon 8 Gen 2 แรงมากขึ้น ทำให้เครื่องไม่ได้ร้อนเกินไป แม้ว่าระหว่างการทดลองพบว่าความร้อนสูงเวลาเล่นเกมนานก็ตาม
แต่ภาพรวมไม่ได้แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้ก็ตาม สิ่งที่น่าลุ้นกว่าคือราคาของ ROG Phone 7 เพราะเปิดตัวทั้งหมด 2 รุ่นได้แก่
โดยโปรโมชั่นมีดังนี้
สำหรับช่องทางผู้ให้บริการจะจับมือกับทาง AIS เท่านั้น เมื่อซื้อแบบติดโปรฯ ROG Phone 7 ราคาเริ่มต้นที่ 29,490 บาท และ ROG Phone 7 Ultimate ราคาเริ่มต้นที่ 37,490 บาท
Early Bird Promotion พิเศษ! เมื่อซื้อ ROG Phone 7 รุ่นใดก็ได้ ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. - 18 ก.ค. 66 รับฟรีชุดหูฟังเกมมิ่งไร้สาย ROG Strix Go 2.4 มูลค่า 3,390 บาท โดยต้องกดยืนยันการซื้อผ่านช่องทางนี้
สุดท้ายนี่เป็นอีกมือถือที่แม้ว่าจะไม่ได้เปลี่ยนสเปกแต่ของเดิมดีอยู่แล้วแค่อัปเกรดบางเรื่องที่รุ่นเดิมอาจจะยังดีไม่พอ ให้ปรับจนเรียกว่า น่าสนใจมากขึ้น จนเรียกได้ว่า ROG Phone 7 ยังคงเป็นมือถือเพื่อคอเกมอย่างแท้จริงของปี 2023

จุดเด่น
ข้อสังเกต
อัลบั้มภาพ 21 ภาพ