พูดคุยกับ สิทธิโชค นพชินบุตร กับการพลิกวงการของดีแทคและ Package Go No Limit ใหม่

จากกระแสที่ทีมงาน Sanook! Hitech ได้ดูโฆษณาของผู้ให้บริการรายหนึ่งในประเทศไทยอย่าง dtac ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงวงการใหม่ที่เรียกว่า "แค่พลิก ชีวิตก็ง่าย" กับการแนะนำโปรโมชั่นพลิกวงการอย่าง Go No Limit ที่ได้ทั้งโทรฟรีและ เน็ตเล่นได้ไม่ลดความเร็ว จนเป็นการสร้างกระแสให้ผู้ให้บริการรายอื่นได้ทำตามกัน โดยวันนี้ทีมงาน Sanook! Hitech ได้รับเกียรติ์อย่างยิ่งที่ได้สัมภาษณ์สดกับคุณสิทธิโชค นพชินบุตร CMO ของ dtac ที่เป็นผู้เปลี่ยนแปลงวงการครั้งนี้ได้มาพูดคุยเกี่ยวกับที่มาและการเปลี่ยนแปลงของดีแทคในครั้งนี้

Q: ทำไม dtac ถึงต้องออกมาพลิกวงการของผู้ให้บริการมือถือในประเทศไทย จนเกิดคำว่า "แค่พลิก ชีวิตก็ง่าย"

A: การที่ดีแทคออกมาพลิกวงการแบบนี้เพราะต้องมาดูถึงบริษัทที่ทำเกี่ยวกับเรื่องโทรคมนาคม มาโดยตลอดจะทำให้หลายคนที่เป็นลูกค้าทั่วไป และไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีและศัพท์ต่าง ๆ เหล่านั้น ก็ปรับให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น และการปรับทั้งที ทำให้เป็นการเข้าใจถึงเรื่องการให้ใช้บริการที่ง่ายและได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่เซอร์ไพรส์ และผู้ใช้บริการรู้สึกดีและ Happy ที่สุด จึงเป็นที่มาของคำว่า "แค่พลิก ชีวิตก็ง่าย"

Q: กระแสของ แพ๊ค Go No Limit กับความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ว่า แม้จะเล่นได้ไม่จำกัด แต่ยังล็อคความเร็วยังมีโอกาสที่ดีแทคจะเปิดแพ๊คในลักษณะแบบเดิมที่เล่นได้ไม่จำกัดหรือไม่ และเรื่องที่ไม่ให้ปล่อยสัญญาณ Hot Spot ในแพ็คนี้สรุปแล้วใช้งานได้หรือไม่

A: สำหรับ Package Go No Limit นั้นมีการคิดถึงเรื่องการใช้งานของคนไทยอยู่แล้ว ซึ่งสามารถเลือกได้หลากหลายความเร็ว ตามความเหมาะสมและ โดยที่ความเร็วจะไม่มีการลดตามที่ได้เลือกโปรโมชั่น ซึ่งเข้าใจง่ายและตรงประเด็นมากกว่า แถมยังมีผลดีต่อเรื่องของ Bandwidth ของเครือข่ายที่มีจำกัด ซึ่งถ้าใช้กันเกินความจำเป็นก็อาจจะทำให้เดือดร้อนกันทั้งหมดเช่นกัน

แต่ถ้าคนที่ต้องการแพ๊คฯ ที่มีความเร็วไม่จำกัด ก็ยังคงมี Package เดิมได้แก่ Super Non Stop หรือ Love And Roll เต็มสปีดให้ได้เลือกใช้งานอยู่เหมือนเดิม

ส่วนเรื่องการที่บอกว่าไม่ให้ปล่อยสัญญาณ Hot Spot จากมือถือที่ใช้โปรโมชั่น Go No Limit ทางดีแทคจะจับเรื่องการใช้งานความเร็วต่อเนื่อง มากกว่าจับผิดทันที เพราะบางคนอาจจะปล่อยให้แค่ 1- 2 อุปกรณ์ใช้งานกันแค่ภายบุคคล แต่ถ้าเกิดจับได้ว่าใช้งานเยอะเกินกว่านั้น จะมีการส่งข้อความไปแจ้งเตือน ก่อนที่จะลดความเร็วตามที่ได้มีบอกไว้ในหมายเหตุ

ฉะนั้นเลยเป็นขอสรุปว่า ไม่ได้ห้ามปล่อย Hot Spot แต่ควรจะจำกัดจำนวนการใช้งานจะดีกว่า

Q: นอกจาก Package Go No Limit ของรายเดือนและเติมเงิน เห็นว่าดีแทคมีซิมเล่นเน็ตและโทรใหม่ที่ชื่อว่า Go เพลิน ที่มีความเร็วอินเทอร์เน็ตต่อเนื่อง 64 Kbps มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มความเร็วให้หรือไม่

A: มีแน่นอน แต่ต้องรอดูว่าจะเป็นไปในลักษณะอย่างไร แต่ทุกวันนี้หากไม่เพียงพอก็สามารถ เพิ่มความเร็วด้วยแพ็คเสริม Go No Limit ได้เช่นกัน

Q: การออก Package Go No Limit แบบนี้ กลัวผู้ให้บริการรายอื่นที่ทำออกมาลักษณะเดียวกัน แต่กลับมี Content มากน้อยแค่ไหน

A: ไม่กลัว เพราะไม่ใช่ว่าของเราดีกว่า แต่เพราะการทำเพื่อผู้บริโภคให้ได้ใช้สิ่งที่เหมาะสมและมีราคาดีโดยไม่ต้องไปจ่ายอะไรเพิ่มเติมนั้นจะทำให้คนมองว่า บริษัทไม่ต้องนำเงินไปซื้อ Content อะไรมากมาย เพราะทางดีแทคได้ประเมินเรื่องการมี Content เองนั้นไม่ค่อยจำเป็น แถมจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับผู้บริโภคมากกว่า

Q: การเปลี่ยนรูปแบบของสิทธิพิเศษจาก dtac rewards ผลที่ได้ตอบรับกลับมาดีแค่ไหน

A: จัดว่าดีมากเพราะตอนนี้มีร้านค้าและ Partner เยอะจนเรียกว่าไปที่ไหนลูกค้าดีแทคก็ได้รับสิทธิพิเศษที่ดีและเข้าถึงกับคนทั่วไปได้มากขึ้นอีกด้วย และการเปลี่ยนชื่อของ dtac rewards ให้เป็น Sliver Member, Gold Member และ Blue Member ก็ทำให้เรียกได้ง่ายเข้าใจได้ง่ายเช่นเดียวกัน

 

Q: ฝากอะไรถึงคนอื่น Sanook! Hitech เกี่ยวกับเรื่องอนาคตของดีแทค

A: ดีแทคจะเริ่มเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีที่สุดกับลูกค้า โดยตอนนี้เริ่มจาก แพ๊กเกจ Go No Limit ที่มีการพลิกวงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้งานมือถือแบบรายเดือนของลูกค้าแล้ว และเป็นแรกที่ทำและได้เสียงตอบรับที่ดี รวมไปถึง dtac reward ที่ไปที่ไหนก็ใช้งาน ก้าวต่อไปที่จะทำคือสิ่งที่ลูกค้ายังไม่ Happy ก็จะมาพลิกเปลี่ยนให้เป็นคนแรก เพราะการทำเป็นคนแรกแล้วดี มันจะทำให้คู่แข่งนั้นทำตาม และถ้าเป็นสิ่งที่ก็ทำ

และก็ฝากให้ลองใช้ Package Go No Limit ว่าจะมีการตอบโจทย์และไม่มีใครให้ได้ ณ เวลานี้ ทั้งในรูปแบบของโปรโมชั่นหลักทั้งแบบเติมเงินและรายเดือน

เรียกได้ว่าการพูดคุยครั้งนี้ ได้เห็นภาพที่ชัดเจนของผู้ให้บริการรายดังแม้ว่าจะมีกระแสของอะไรต่าง ๆ เข้ามา แต่การทำเพื่อลูกค้าและทุ่มเทกับการให้บริการที่ดี เชื่อว่าการดีแทคต้องกลับมาเป็นผู้ให้บริการที่แม้ไม่ได้มีผู้ใช้งานมากที่สุด แต่จะเข้าใจผู้ใช้งานมากที่สุดนั่นเองครับ