วิธีช่วยให้แบตฯมือถือหรือแท็บเล็ตไม่หมดเร็ว

วิธีช่วยให้แบตฯมือถือหรือแท็บเล็ตไม่หมดเร็ว

วิธีช่วยให้แบตฯมือถือหรือแท็บเล็ตไม่หมดเร็ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ขอขอบคุณบทความเรื่อง 15 วิธีประหยัดแบตฯ มือถือ และแท็บเล็ต Android จากกองบรรณาธิการเว็บไซต์ ARiP.co.th ที่ให้เรานำมาทำรายการในตอน “วิธีช่วยให้แบตมือถือหรือ Tablet ระบบ Android ไม่หมดเร็ว” ค่ะ…..

Bluetooth ไม่ใช้ปิดซะ บ่อยครั้งที่ผมสังเกตเห็นผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายรายที่เปิดคุณสมบัติการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ไว้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้หูฟังไร้สาย หรือโอนไฟล์แบบไร้สายกับชาวบ้าน เพราะฉะนั้นการเปิดคุณสมบัตินี้ไว้ตลอดเวลาจึงไม่ใช่เรื่องจำเป็น ดังนั้นหากคุณไม่ได้ใช้หูฟังไร้สาย หรือใช้มือถือในการสื่อสารกับอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ ตลอดจนคอมพิวเตอร์ เพื่อโอนไฟล์ หรือเล่นแอพฯใดๆ ทางที่ดีปิด Bluetooth (off) โดยแตะที่ widget บนหน้าโฮมซะเดี๋ยวนี้ จะช่วยประหยัดแบตฯ ได้นานขึ้นอีกนิด 


ขอบคุณที่มาของภาพประกอบ: news.wjct.org

เลิกใช้ Wireless Network ระบุตำแหน่ง แม้การระบุตำแหน่ง (My Location) ด้วยเครือข่ายไร้สายจะใช้แบตเตอรี่น้อยกว่า GPS (Global Positioning System) แต่ถ้าเปิดทั้งคู่ รับรองได้เลยว่า แบตเตอรี่คุณจะหมดเร็วอย่างที่คุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว หากไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนให้คนได้เห็นกันว่าอยู่ที่ไหนบนโลกนี้ แนะนำให้ปิดคุณสมบัตินี้จะดีกว่าครับ โดยเลือกเมนู Settings/Location/Use wireless networks

android-tip-use-wireless-network-switch-off-for-saving-battery

GPS จอมเขมือบแบตเตอรี่ แม้จะเป็นคุณสมบัติการทำงานที่พูดถึงเป็นอันดับที่ 3 แต่ความจริงแล้ว มันเป็นฟังก์ชันที่กินไฟจากแบตเตอรี่แบบไม่บันยะบันยังเลยทีเดียว โดยเฉพาะเวลาที่ตัวเครื่องสื่อสารสัญญาณกับดาวเทียม ดังนั้นคุณควรจะเลือกเปิดใช้งานเฉพาะในยามจำเป็นเท่านั้น ถ้าให้ดีควรสังเกตบริเวณ notification bar ว่ามีไอคอน GPS โผล่ขึ้นมา หรือไม่?

android-tip-keep-watching-GPS-icon-for-saving-your-battery

เปิด Wi-Fi ไว้ตลอด หรือปิดดีล่ะ? หลังจากผ่านมา 4 ข้อ คุณผู้อ่านบางท่านอาจจะคิดว่า ปิดมันซะทุกอย่างอย่างนี้ ปิดเครื่องเลยดีกว่าไหม? ความจริงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ สำหรับกรณีที่คุณทำงานอยู่ใกล้บริเวณที่มีสัญญาณ WLAN ตลอดเวลา เช่นในบ้าน หรือสำนักงาน การเปิด Wi-Fi ให้ทำงานตลอดเวลาน่าจะเหมาะกว่าการเชื่อมต่อผ่าน 3G เนื่องจากการใช้คลื่นวิทยุ Wi-Fi จะกินไฟจากแบตเตอรี่น้อยกว่าการติดต่อเครือข่าย 3G มาก และเมื่อเปิด Wi-Fi ก็ควรจะปิด 3G ซะ สำหรับการตั้งค่าให้ Wi-Fi เปิดทำงานตลอดเวลา (always) แตะที่ Settings/Wireless networks/Wi-Fi Settings จากนั้นแตะที่ปุ่ม Menu ตามด้วย Advanced แตะที่ Wi-Fi Sleep policy แล้วเลือกออปชั่น Never และในกรณีที่คุณไม่ได้อยู่ใกล้บริเวณที่มีสัญญาณ Wi-Fi ก็ปิดมันซะ (widget ที่ homescreen) จะได้เหลือแบตฯไว้ใช้นานๆ

ยกเลิก Always-On Mobile Data ปกติที่ดีฟอลท์ตัวเลือก Always-On Mobile Data ของ Android Phone จะถูกตั้งให้เปิด (On) การทำงานไว้ ซึ่งตัวเลือกนี้จะเปิดโอกาสให้มือถือของคุณเชื่อมต่อข้อมูลได้ตลอดเวลา แต่มันจำเป็นขนาดนั้นเลยหรือ? เพราะความจริงแม้ผู้ใช้จะยกเลิกการทำงานนี้ไปแล้ว คุณก็ยังสามารถพุช Gmail ได้ตลอดจน app หลายๆ ตัวก็ยังคงสามารถอัพเดตได้โดยอัตโนมัติ (ยกเว้น app บางตัวที่ต้องเชื่อมต่อเน็ตตลอดเวลา) การยกเลิกการทำงานของตัวเลือกนี้จึงเป็นไอเดียประหยัดแบตฯที่ไม่เลย แต่อย่างไรก็ตาม หากคุณมีแอพฯหลายตัวที่ต้องเชื่อมต่อเน็ตตามปกติ การยกเลิกตัวเลือก Always-On Mobile Data ก็อาจจะไม่ใช่ไอเดียที่ดีนัก เนื่องจากการเปิด/ปิดการเชื่อมต่อข้อมูลบ่อยๆ จะใช้ไฟจากแบตฯมากกว่าการเปิดตลอดเสียอีก สำหรับการยกเลิกตัวเลือก Always-On Mobile Data สามารถทำได้โดยแตะที่ Settings/Wireless & Networks/Mobile networks/Enable always-on mobile data

android-tip-disable-always-on-mobile-data-for-saving-battery

ตั้งค่าเวลาดับหน้าจอ (Screen Timeout) ให้เร็วขึ้น วิธีง่ายๆ ในการยืดอายุแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ Android ให้ใช้งานได้นานขึ้นที่นำมาฝากกันนี้ ก็คือ การลดระยะเวลาดับหน้าจอให้สั้นขึ้น ซึ่งมันจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้พอสมควรทีเดียว เพราะการเปิดหน้าจอทิ้งไว้ไม่ทำอะไรเป็นเวลา 1 นาที เพื่อให้มันปิดเอง เป็นการเสียพลังงานไปเปล่าประโยชน์โดยแท้ ครั้นจะตั้งค่าเป็น 15 วินาที ก็อาจจะเร็วไปหน่อย ซึ่งปกติมันจะอยู่ที่ประมาณ 1 นาที แต่ในที่นี้จะแนะนำให้คุณตั้งเป็น 30 วินาที น่าจะลงตัว โดยขั้นตอนการตั้งเวลาปิดหน้าจอให้แตะ Settings เลือก Screen & display และ Screen timeout กำหนดเป็น 30 วินาที ก็เป็นอันเรียบร้อย

ลดความสว่างของหน้าจอ (Screen Brightness) ต่อเนื่องจากวิธีที่แล้ว เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า หน้าจอแสดงผลของมือถือเป็นผู้บริโภคพลังแบตเตอรี่ตัวพ่อเหมือนกัน ดังนั้นการปรับแสงสว่างของหน้าจอ ด้วยการเลือกเป็น Automatic Brightness โดยแตะที่ Settings/Screen & display/Brightness แต่ถ้ามือถือ Android ของคุณไม่มีออปชั่นนี้ แนะนำให้ตั้งค่าความสว่างประมาณ 30% แล้วดูว่า คุณรับได้ไหม? แล้วค่อยๆ ปรับอีกที

android-tip-how-to-save-your-mobile-battery-decrease-screen-brighness

เลิกใช้วอลล์เปเปอร์ดิ้นได้ (Live Wallpaper) Android ใช้ลูกเล่นของการแสดงผลวอลล์เปเปอร์ด้วยภาพเคลื่อนไหวในการสร้างความตื่นตาตื่่นใจให้กับผู้บริโภค จะเรียกว่า gimmick ก็ได้ แต่ในความเป็นจริงก็คือ มันใช้พลังงานจากแบตเตอรี่มากกว่าแบคกราวด์ที่เป็นภาพนิ่ง เพราะฉะนั้นหากไม่มีความจำเป็นแล้วล่ะก็ แนะนำให้เลือกใช้วอลเปเปอร์เป็นภาพนิ่ง หรือสีเรียบๆ ดีกว่าครับ นอกจากจะประหยัดแบตฯแล้ว ยังทำให้มองเห็นได้ง่ายสบายตาอีกด้วย 

ถ้าเป็นจอ AMOLED เลือกใช้วอลล์เปเปอร์สีดำ สำหรับคุณผู้อ่านที่เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S ที่มาพร้อมกับจอ AMOLED การเลือกใช้แบคดราวด์มึดๆ หรือสีดำจะช่วยประหยัดพลังงานได้ เนื่องจากแต่ละพิกเซลของหน้าจอ AMOLED จะใช้การเปล่งแสงด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องใช้แสงแบคไลท์ และเมื่อพิกเซลของจอแสดงผลชนิดนี้ปิดตัวลงก็จะให้สีดำทีมึดสนิท ดังนั้นการเลือกแบคกราวด์เป็นสีดำ หรือมึดๆ ก็จะช่วยลดการใช้พลังงานให้กับแต่ละพิกเซลของจอแสดงผล AMOLED ได้นั่นเอง

ใช้ Power Widget เปิด/ปิดฟังก์ชันที่”กินไฟ” จากที่ได้แนะนำวิธีประหยัดแบตฯในตอนแรก และตอนนี้ เพื่อให้คุณผู้อ่านสามารถเปิดปิดฟีเจอร์หลักๆ ที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ค่อนข้างมากได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว แนะนำให้ติดตั้ง Power Widget ไว้บนหน้าจอใดหน้าจอหนึ่ง ซึ่งข้้นตอนในการติดตั้งให้แตะ Widget แล้วเลือก Power Control เพื่อเพิ่มเข้าไปใหน้าจอของคุณ เพียงแค่นี้ เวลาที่คุณต้องการเปิด/ปิดการใช้งานอย่างเช่น GPS, Wireless, Bluetooth หรือความสว่างของหน้าจอ (Screen Brightness) ก็เพียงแค่แตะที่ Widget ตัวนี้ คุณก็จะเห็นสวิทช์เปิดปิดฟังก์ชันเหล่านีขึ้นมาเสนอหน้าทันที ซึ่งจะเร็ว และสะดวกกว่าการคลิกเข้าไปทีละหน้าจอกว่าจะถึงข้อกำหนด (Settings) นั้นๆ

android-tip-how-to-save-your-mobile-battery-use-power-control-widget

แอพฯสตรีมมิ่งตัวสวาปามแบตเตอรี่ แอพพลิเคชันประเภทที่ต้องมีการสตรีม หรือดาวน์โหลดข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น แอพฯที่สตรีมเพลง หรือวิดีโอจากเน็ต ซึ่งทำให้มือถือ Android ของคุณจะต้องเชื่อมต่อเน็ตไร้สาย (Wi-Fi, หรือ 3G) ตลอดเวลา เพื่อโหลดข้อมูลทั้ง audio และ video ในกรณีที่มีแบตเตอรี่เหลืออยู่ไม่มาก และจำเป็นต้องใช้งาน แนะนำอย่างรัน app เหล่านี้ คอนเฟิร์มว่า กินไฟแบตฯค่อนข้างหนักทุกตัว

การทำงานของมือถือส่วนไหนกินแบตฯ มากน้อยเท่าไร…รู้ได้ โดยผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้จากคุณสมบัติการทำงานที่มาพร้อมกับ Android ซึ่งมันสามารถบอกคุณได้อย่างค่อนข้างแม่นยำว่า ชิ้นส่วนการทำงานหลักๆ ของมือถือแต่ละส่วนใช้พลังงานแบตเท่าไร? ตลอดจนแอพฯที่ใช้งานขณะนั้น คุณสมารถเข้าไปดูรายละเอียดดังกล่าวได้ที่ Settings/About phone/Battery/Battery use รายละเอียดของรายงานทีได้จะทำให้คุณสามารถพบสาเหตุที่ทำให้แบตฯมือถือของคุณหมดเร็ว เพื่อหาทางแก้ไข หรือเปลียนพฤติกรรมการใช้งาน ตลอดจน uninstall แอพฯต้นเหตุออกไป ส่วนใหญ่มักเกิดจากพฤติกรรมการเปิดใช้ฟังก์ชันทุกอย่าง ตลอดจนการรันแอพฯที่กินแบต แล้วไม่ได้ปิด เป็นต้น

android-battery-saving-tip-who-eat-your-battery

ยกเลิก Widget ที่ไม่ค่อยใช้งานออกจากหน้าโฮม หลายคนชื่นชอบการใส่ Widget บนหน้า homecreen ของมือถือ Android โดยหารู้ไหมว่า Widget เหล่านี้มักจะมีการดึงข้อมูลจากเว็บ ซึ่งนั่นหมายความว่า มือถือของคุณจะต้องมีการดึงข้อมูลเข้ามาแสดงผลในส่วนของการทำงานด้านหลัง (background) ตลอดเวลา คล้ายๆ กับแอพฯพวกสตรีมมิ่ง แต่อาจจะกินไฟน้อยกว่า แต่ถ้าเกิดคุณติด Widget บนหน้าโฮมไว้หลายๆ ตัวล่ะ แน่นอนว่า แบตเตอรี่ของคุณจะถูกผลาญโดย Widget เหล่านี้ ข้อแนะนำคือ Widget ใดไม่ค่อยได้ใช้ ก็เอาออกไปดีกว่า เปลืองแบตฯเปล่าๆ

ใช้ Task Manager สอดส่องว่า แอพฯ หรือโพรเซสอะไรที่ทำงานแทบตลอดเวลา สำหรับทิปในตอนสุดท้ายนี้จะมุ่งเน้นที่การตามล่าหาต้นตอตัวสวาปามแบตฯ เพื่อกำจัด หรือจัดการมันซะ การติดตั้งแอพฯอย่างเช่น Advanced Task Cleaner น่าจะเป็นผู้ช่วยที่ดี เพราะนอกจากจะให้คุณได้ตรวจสอบ แล้วมันยังปิดบริการที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในขณะนั้นออกไปได้อีกด้วย โดยเฉพาะบริการที่มีการโหลดซ้ำหลายครั้ง และทำงานอยู่ในแบคกราวด์ ซึ่งคุณสามารถตั้งให้ auto-kill แอพฯที่คุณไม่ได้ใช้บ่อย โดยอาจจะตั้งให้มันกำจัดแอพฯเหล่านี้หลังปิดหน้าจอ เป็นต้น นอกจากนี้คุณยังสามารถคอนฟิกให้ Task Manager แสดงการใช้ CPU ของแต่ละ app ซึ่งมันมีประโยชน์กว่าการรู้ว่า แอพฯตัวไหนใช่หน่วยความจำมากน้อยเท่าไรเสียอีก เนื่องจากมีผลกระทบต่อแบตเตอรี่โดยตรงมากกว่า

android-battery-saving-tip-task-manager

ความร้อนทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น ไม่น่าเชื่อว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว นั่นก็คือ การวางมือถือแอนดรอยด์ของคุณไว้ภายใต้แสงอาทิตย์ทีมีความร้อน ดังนั้นทางที่ดีควรการเก็บมือถือไว้ในที่ไม่ร้อนจะดีที่สุด และไม่ควรให้มันทิ้งมันไว้กลางแจ้งแสงแดดจัด เพราะจะยิ่งเร่งให้แบตเตอรี่ของคุณหมดเร็วยิ่งขึ้น เราเตือนท่านแล้ว

บทความจาก : กองบรรณาธิการเว็บไซต์ ARiP.co.thwww.it24hrs.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook