
หากพูดถึง “หมอนรองกระดูก” แล้ว วัยรุ่นส่วนใหญ่อาจไม่ค่อยให้ความสนใจสักเท่าไร แต่ถ้าเริ่มทำงานไปได้สักพัก คุณจะเริ่มได้ยินคำนี้บ่อยขึ้น หรือบางทีอาจได้ยินเองจากปากของหมอ เมื่อคุณไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลก็เป็นได้
หมอนรองกระดูก คือเนื้อเยื่อที่ลักษณะด้านนอกเป็นเหมือนพังผืดเหนียวๆ ซ้อนกันเป็นวงรอบหลายๆ ชั้น และด้านในนุ่มๆ หยุ่นๆ คล้ายวุ้น พบในบริเวณส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อ ที่วางพาดยาวไปตั้งแต่คอ อก จนถึงเอว
หมอนรองกระดูกทำหน้าที่เป็นข้อต่อในการขยับของกระดูกสันหลัง และรับแรงกระแทกเมื่อทำกิจกรรมต่างๆ เช่น นั่ง ยืน กระโดด เอนหลัง บิดตัว และอื่นๆ เหมือนกับเป็น “โช้คอัพ” ให้กับกระดูกสันหลังของเรา ของนอกจากนี้หมอนรองกระดูกยังคอยปกป้องไม่ให้กระดูกสันหลังเคลื่อนที่อีกด้วย
ที่หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เป็นอาการที่พบได้บ่อยๆ ในหมู่วัยทำงาน อายุระหว่าง 20-50 ปีนั้น เพราะเป็นวัยที่ใช้ร่างหนัก พักผ่อนน้อย และอาจจำเป็นต้องทำงานในสถานที่ และเวลาที่จำกัดอยู่เสมอๆ รวมถึงพฤติกรรมเหล่านี้ที่เสี่ยงต่ออาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
![]()
เมื่อกระดูกสันหลังได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง หรือหมอนรองกระดูกเริ่มเสื่อมสภาพ ของเหลวภายในหมอนรองกระดูกอาจไหลทะลักออกมา แล้วไปกดทับเส้นประสาทรอบๆ จนทำให้เกิดอาการผิดปกติขึ้นได้ สัญญาณของอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท คือ
- ปวดบริเวณเอว คอ อก หรือหลังช่วงล่าง ปวดจิ๊ดๆ เหมือนไฟฟ้าช็อต ปวดๆ หายๆ มากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป
- บางครั้งอาการปวดอาจร้าว หรือเจ็บแปลบไปถึงต้นขา น่อง หรือเท้าได้
- อาจมีอาการชาในบริเวณที่ปวด
- บริเวณเอว หลังช่วงหลัง หรือคอรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ขยับลำบาก
- กล้ามเนื้อบริเวณคอ หลัง เอว อก ต้นขา น่องขา หรือหลังเท้าอ่อนแรง
- หากอาการรุนแรง อาจรู้สึกชาไปถึงรอบอวัยวะเพศ รอบก้น และการขับถ่าย หรือปัสสาวะลำบาก

วิธีรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการที่เป็นอยู่ โดยอาจเริ่มจากการทานยาเพื่อลดความปวด และการอักเสบ จากนั้นจึงทำกายภาพบำบัด และอาจฉีดยาลดการอักเสบที่เส้นประสาท ในกรณีที่มีอาการรุนแรงอาจต้องเข้ารับการผ่าตัด
ในแต่ละท่า ควรทำซ้ำ 3-5 ครั้ง ทุกวัน
หากมีอาการปวดหลังรุนแรง และปวดขาร่วมด้วย อาจเป็นอาการหมองรองกระดูกทับเส้นประสาท ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีโดยเร็วที่สุด