ทำไม "คนไทย" ถึงเป็น "โรคหัวใจ" กันเยอะ?
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/he/0/ud/6/30621/heart-pain.jpgทำไม "คนไทย" ถึงเป็น "โรคหัวใจ" กันเยอะ?

    ทำไม "คนไทย" ถึงเป็น "โรคหัวใจ" กันเยอะ?

    2022-10-27T15:46:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    “หัวใจ” อวัยวะขนาดเล็กเท่ากำปั้น แต่มีความสำคัญต่อร่างกาย เพราะทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตเพื่อไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ และเนื่องจากเป็นอวัยวะที่มีความซับซ้อน เมื่อมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ผู้ป่วยจึงอาจไม่ทราบในทันที ทำให้โรคหัวใจเป็นโรคยอดฮิตอันดับต้นๆ ที่คร่าชีวิตของผู้คนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย จากสถิติกระทรวงสาธารณสุข (16 กันยายน 2561) พบว่ามีจำนวนคนไทยที่ป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด 432,943 คน มีอัตราการเสียชีวิตถึง 20,855 คน ต่อปี หรือ ชั่วโมงละ 2 คน 

    รศ. นพ. สุพจน์ ศรีมหาโชตะ สาขาวิชาโรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อุปนายกสมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ให้ความรู้และตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคหัวใจ เพื่อให้คุณได้เข้าใจและสามารถดูแลหัวใจดวงน้อยนี้ให้ได้ดียิ่งขึ้น

    ทำไมเป็นโรคหัวใจกันเยอะ?

    ในปัจจุบัน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ นับได้ว่าเป็นโรคหัวใจที่คนไทยเป็นกันมากที่สุด โดยเกิดจากผนังของหลอดเลือดหัวใจ (Coronary) เสื่อมสภาพส่งผลทำให้ไขมันและเนื้อเยื่อต่างๆ ก่อตัวหนาขึ้นและทำให้เกิดการอุดตันภายในหลอดเลือดหัวใจ เป็นเหตุให้หลอดเลือดหัวใจเกิดการตีบและตันส่งผลให้การไหลเวียนเลือดภายในหัวใจมีประสิทธิภาพลดลงและสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ไม่เพียงพอ ท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลให้เกิด “ภาวะหัวใจล้มเหลว” ได้ในที่สุด

    นอกเหนือจากปัจจัยด้านอายุ เพศ ที่ส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบแล้ว ปัจจัยทางพันธุกรรม อย่างการมีพันธุกรรมผิดปกติ การมีฮอร์โมนทางเพศไม่สมดุล หรือพันธุกรรมที่ส่งผลให้เกิดไขมันมากผิดปกติ เป็นต้น และปัจจัยด้านพฤติกรรมและปัญหาสุขภาพ ที่มีความเสี่ยง และส่งผลให้หลอดเลือดหัวใจเสื่อมสภาพอย่าง การสูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย ทานอาหารไม่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยเช่นกัน

    ลดเสี่ยงโรคเบาหวาน-ความดัน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เท่ากับลดเสี่ยงโรคหัวใจ

    สิ่งที่สำคัญในการลดอัตราการเกิดโรคหัวใจคือการควบคุมและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเสี่ยง ดูแลรักษาสุขภาพและลดปัจจัยเสี่ยงของโรคอื่นๆ อย่าง โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคอ้วน ฯลฯ ที่มีปัจจัยเกี่ยวเนื่องและส่งผลให้หลอดเลือดหัวใจเสื่อมสภาพได้ 

    นอกจากนี้ ควรออกกำลังกายให้พอเหมาะไม่หนักเกินไปอย่างสม่ำเสมอทุกวัน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อสุขภาพและการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ เช่น การสูบบุหรี่ ควบคุมอาหารและทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ ไม่ทานอาหารที่มีไขมันสูงจนเกินไป จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง หมั่นตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจหาความเสี่ยงและวางแผนการป้องกัน

    โรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่ภาวะรุนแรงต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อชีวิต อย่าง “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด” และ “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน” ซึ่งเป็นผลมาจากไขมันที่สะสมอยู่ในผนังหลอดเลือดเกิดการแตกตัวออกและเกิดลิ่มเลือดอุดตันแบบเฉียบพลัน เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดข้อบ่งชี้ที่แสดงอาการของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกในขณะออกกำลังกาย มีอาการเหนื่อยผิดปกติ หรืออาจจะมีอาการเป็นลมล้มหมดสติ ซึ่งจะต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ดูอาการและรักษาโดยด่วนเพื่อป้องกันการเกิดภาวะเฉียบพลันและเสียชีวิตนั่นเอง

    ขอขอบคุณ

    ข้อมูล :แอสตร้าเซนเนก้า

    ภาพ :iStock