รวมข้อมูลที่ควรรู้ เกี่ยวกับการเล่นเกม PS4 บน PlayStation 5

PlayStation 5 ได้มีระบบ Backwards Compatibility ที่ทำให้สามารถนำเกมจาก PlayStation 4 กลับมาเล่นบนเครื่องเกมคอนโซลตัวใหม่ได้ จึงเป็นที่น่าสนใจสำหรับใครหลายคนว่านอกจากเกมใหม่ๆ แล้ว จะสามารถนำเกมที่เคยซื้อไว้หรือเกมที่พลาดไปกลับมาเล่นได้มากน้อยขนาดไหน และนี่คือข้อมูลเบื้องต้นทั้งหมดที่คุณควรรู้เกี่ยวกับการนำเกม PS4 มาเล่นบน PS5

การเล่นเกมจาก PS4 บน PS5

1. PS5 สามารถเล่นเกมส่วนใหญ่จาก PS4 ได้มากกว่า 4,000 เกม
2. บางเกมจาก PS4 จะสามารถใช้ระบบ Game Boost ของ PS5 เพื่อแสดงเฟรมเรทที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้
3. ฟังก์ชันบางอย่างของเกม PS4 อาจไม่สามารถใช้งานได้บน PS5 รวมถึงบางเกมอาจมีการแสดงผลผิดพลาดได้
4. ก่อนที่จะทำการซื้อ add-ons เพื่อเล่นเกมของ PS4 บน PS5 ผู้ใช้ควรลองเล่นเกมดูก่อนว่าสามารถเล่นได้อย่างไม่มีปัญหาหรือไม่
5. การเล่นเกม PS VR บน PS5 จำเป็นต้องใช้ PlayStation VR headset, PS camera, และ PS camera adaptor
6. ควรอัพเดท PS5 เป็น system software เวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ

เกมที่เล่นได้เฉพาะบน PS4

1. มี 10 ที่ได้รับการยืนยันว่าไม่สามารถเล่นบน PS5 ได้ ได้แก่เกม
   - DWVR
   - Afro Samurai 2 Revenge of Kuma Volume One
   - TT Isle of Man - Ride on the Edge 2
   - Just Deal With It!
   - Shadow Complex Remastered
   - Robinson: The Journey
   - We Sing
   - Hitman Go: Definitive Edition
   - Shadwen
   - Joe's Diner
   
   (รายชื่อดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลง และยังไม่นับรวม demo, media, และ applications)

การเล่นแผ่นเกม PS4 บน PS5 ด้วย disc drive

1. สามารถใส่แผ่นเกมจาก PS4 เล่นได้บน PS5 โดนจำเป็นต้องอัพเดทเครื่องเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อน
2. เลือก game hub จากเมนู Games home เพื่อเข้าเกม
3. จำเป็นต้องใส่แผ่นเกมไว้ตลอดทุกครั้งระหว่างการเล่น
   
   (ไม่สามารถเล่นแผ่นเกม PS4 ได้บนเครื่อง PS5 รุ่น Digital Edition)

การถ่ายโอนเกมจาก PS4 ไปบน PS5

1. ผู้เล่นสามารถถ่ายโอนเกมในรูปแบบ Digital และ Saved Data จาก PS4 ไปบน PS5 ด้วยการใช้ WiFi
2. สามารถเข้าถึงเกม PS4 บน PS5 ได้จาก Extended Storage Drive

การติดตั้งเกม Digital ของ PS4 บน PS5

1. เลือก game library จากหน้าเมนู Games home
2. เลือกเกมที่ต้องการ
3. หากยังไม่ได้ดาวน์โหลดเกม ให้กดเลือก Download
4. เกมจะทำการติดตั้งโดยอัตโนมัติ และสามารถเข้าเล่นได้ทันที

การอัพเกรดเกม PS4 ที่สามารถอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น PS5 ได้

1. เกมบางเกมนั้นสามารถอัพเกรดจากเวอร์ชั่น PS4 เป็น PS5 ได้ โดยสามารถดูวิธีการอัพเกรดได้จากลิงค์ดังกล่าว
   https://support.playstation.com/s/article/upgrade-ps4-games?language=en_US

การใช้อุปกรณ์เสริมและจอย Controllers บน PS5

1. DualSense, DUALSHOCK 4, และจอย Controllers จากค่าย third-party ที่ได้รับการอนุญาตจาก PlayStation จะสามารถนำมาใช้บน PS5 และเกม PS4 ที่รองรับได้
2. อุปกรณ์เสริมอย่าง racing wheels, arcade sticks, และ flight sticks จะสามารถใช้งานได้ในเกม PS5 และเกม PS4 ที่รองรับ
3. PS Move Motion Controller และ PlayStation VR Aim Controller จะสามารถใช้งานในเกม PS VR ที่รองรับบน PS5
4. เกมของ PS5 ไม่สามารถใช้งานร่วมกับ DUALSHOCK 4 ได้
5. หากต้องการตั้งค่าการสั่นของจอย Controllers บน PS5 สามารถเลือกได้ที่เมนู Settings > Accessories > Controllers > Vibration Intensity
6. หูฟัง Platinum และ Gold Wireless Headsets กับหูฟังจากค่าย third-party ที่เชื่อมต่อด้วย USB port หรือ audio jack สามารถใช้งานบน PS5 ได้
   
   (หูฟังที่เชื่อมต่อแบบ Headset Companion App บน PS4 ไม่สามารถใช้บน PS5 ได้)

ข้อจำกัดในการใช้งานระบบ Backwards Compatibility ของ PS5

1. ไม่มีการแสดงเมนู SHARE ขึ้นมาระหว่างการเล่นเกม PS4 บน PS5 โดยผู้ใช้สามารถจับภาพหน้าจอหรือบันทึกวีดีโอ ได้ด้วยการเปิด Create Menu ขึ้นมา ผ่านทางปุ่ม create button ของจอย DualSense หรือปุ่ม SHARE button ของจอย DUALSHOCK 4 
2. กล้อง HD Camera ไม่สามารถใช้งานร่วมกับเกมของ PS4 ได้ และผู้ใช้จำเป็นต้องเชื่อมต่อ PlayStation Camera ผ่าน PlayStation Camera adaptor
3. โหมดการแสดงภาพแบบ HDR จะเปิดขึ้นมาสำหรับเกม PS5 โดยอัตโนมัติ หากต้องการปิดโหมดดังกล่าว ให้ไปตั้งค่าที่ Settings > Screen and Video > Video Output > HDR and select SDR
4. ระบบ PS4 Tournaments ไม่รองรับการใช้งานบน PS5
5. ระบบ In-Game Live from PlayStation ไม่รองรับการใช้งานบน PS5
6. PS5 ไม่รองรับการใช้งาน Second Screen app และ companion apps ของ PS4

PlayStation 5 มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 12 พฤศจิกายน ในสหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, แคนาดา, เม็กซิโก, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, เกาหลีใต้ และจะวางจำหน่ายทั่วโลกวันที่ 19 พฤศจิกายน ในราคา $499 (ประมาณ 15,500 บาท) สำหรับเครื่องรุ่น Standard และ $399 (ประมาณ 12,500 บาท) สำหรับเครื่องรุ่น Digital Edition