รีวิวเกม God OF War บน PS4 เมื่อเกมฆ่าเทพถึงคราวเปลี่ยนแปลง

รีวิวเกม God OF War บน PS4 เมื่อเกมฆ่าเทพถึงคราวเปลี่ยนแปลง

รีวิวเกม God OF War บน PS4 เมื่อเกมฆ่าเทพถึงคราวเปลี่ยนแปลง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากเรียกเสียงฮือฮา กับภาคใหม่ของซีรีส์ God Of War ที่ออกวางขายบน PS4 และยังกล้าท้าทายผู้เล่นด้วยการเปลี่ยนแนวเกมไปเป็นแอ็คชั่น RPG ที่มีลูกชายของ Kratos เป็นผู้ช่วยทำให้มันเป็นที่จับตามองในทันที และมีคนรอที่จะพิสูจน์ว่ามันจะออกมาดีแค่ไหน

เกริ่นนำ

เกม God Of War บน PS4 เหมือนเป็นการปรับเปลี่ยน และ Re Start ใหม่ของซีรีส์ ทำให้ทาง Sony ไม่ระบุชื่อภาค ทั้งๆที่จริงแล้วมันเป็นภาคต่อที่มีการพูดถึงความเป็นมาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายดังนั้นหากคุณไม่เคยเล่น God Of War มาก่อนก็สามารถมาเริ่มกับภาคนี้ได้เลย โดยตามที่คุณรู้ๆกันว่าภาคนี้ Kratos ได้ย้ายถิ่นที่อยู่มาอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเทพปกรณัมนอร์ส (เทพ โอดิน , ธอร์ และ โลกิ) แต่เรื่องราวอาจจะไม่ได้นำเสนอแบบยิ่งใหญ่แบบมหาสงครามเท่ากับภาคก่อนๆ เรื่องราวเน้นความสัมพันธ์พ่อลูกมากกว่า ซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะเราจะได้เห็น เครโทสในมุมมองที่อ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ โดยการเล่าเรื่องถือว่าทำได้ดีไม่น้ำเน่าและมีอะไรให้ประหลาดใจตลอดการเล่น

กราฟิกและการนำเสนอ

แน่นอนว่าซีรีส์ God Of War กราฟิกและการนำเสนอถือเป็นจุดเด่นมาตลอด และในภาคนี้การที่มันออกบน PS4 ทำให้ทุกอย่างถูกยกระดับขึ้นมาหมด ทั้งฉากที่ดูดีและมีความกว้างขึ้นกว่าภาคก่อน และที่ต้องชมอย่างมากคือกราฟิกของตัวละครที่สมจริงราวกับว่ามันมีชีวิต และยังใส่รายละเอียดทั้งการแสดงอารมณ์ และเป็นกราฟิกของเกมเพลย์ไม่ใช่ CG ถือว่ามันเป็นเกมที่มีกราฟิกดูดีที่สุดเกมหนึ่งบน PS4 ส่วนการเล่าเรื่องด้วยเสียงประกอบเกมยังใส่ใจ เพลงประกอบก็ยังเสริมให้การท่องไปในดินแดนใหม่ที่เต็มไปด้วยความลึกลับดูดีจนไม่มีที่ให้ติ

รูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไป

อย่างที่รู้กันว่าเกมเพลย์ในภาคนี้เปลี่ยนเป็นแอ็คชั่น RPG ทำให้ทุกอย่างในเกมถูกยกเครื่องใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้องที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทุกทิศทาง เกมเพลย์เน้นมุมมองบุคคลที่สามแบบมองข้ามไหล่มากขึ้น ซึ่งมันกลายเป็นข้อดีเพราะเราต้องใช้เทคนิคอย่างมากในการเล่นทั้งใช้อาวุธเพื่อโจมตี การหลบหลีกและใช้โล่เพื่อปัดป้องและสวนกลับ และยังมีท่าไม้ตายพิเศษที่เราต้องค่อยๆสะสมค่าพลัง ส่วนโลกของเกมที่แม้จะกว้างแต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็น Open World เพราะยังมีข้อจำกัดของฉากอยู่ แต่ซับซ้อนพอตัว อย่างไรก็ตามก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทางเพราะเกมมีระบบนำทางที่เรียบง่ายแต่ดูดี

อีกไฮไลท์ของเกมคือลูกชายของ Kratos นาม Atreus ที่มีอาวุธเป็นธนูและมีด ที่ถือเป็นตัวช่วยที่สำคัญมากเพราะ Atreus สามารถช่วยเราโจมตีได้ด้วยการสั่งการด้วยปุ่มเดียว ที่ทั้งง่ายและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งไม่ต้องกังวลเพราะ Atreus ไม่มีการตายเต็มที่ก็เสียจังหวะมาช่วยเราต่อสู้ไม่ได้แค่นั้น ส่วนอาวุธที่เป็นธนูก็มีหลายประเภทแบ่งเป็นธาตุที่มีท่าไม้ตายที่หลากหลาย และนอกจากลูกชายของเราจะมาร่วมสู้ยังมีการร่วมกันแก้ปริศนาในเกมด้วย เพราะลูกเราสามารถใช้ธนูเพื่อเปิดทาง และยังใช้ความที่ตัวเล็กมุดไปยังที่แคบได้ด้วย

ปริศนาในเกม

บอกไว้ก่อนว่าเกมมีการเน้นปริศนามากขึ้น พอๆกับการต่อสู้และรูปแบบของมันคล้ายกับแอ็คชั่น RPG มากขึ้น ไม่มีปริศนาแบบง่ายๆแบบเกม God Of War ในอดีต เราต้องคิดกันหลายตลบมากขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าทำได้ดีพอๆกับเกม Zelda ภาคเก่าๆเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าฉากและการแก้ปริศนาอาจจะไม่เข้มข้นเท่า Zelda แต่หากมองว่ามันคือเกม God Of War มันคือการเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยมและลงตัวมาก โดยผู้เล่นจะได้ย้อนกลับไปเล่นฉากเก่าๆได้เมื่อได้ไอเทมชนิดใหม่ที่สามารถเปิดทางไปต่อได้ ทำให้เราสามารถสนุกกับเกมได้หลายสิบชั่วโมงโดยไม่เบื่อ และมีเควสย่อยรอให้เราค้นหาอยู่เพียบ และมีระดับความยากให้เลือกที่บอกได้เลยว่าแค่เลือกระดับธรรมดาเกมก็มีความท้าทายพอตัวแล้ว

ส่วนการปรับแต่งตัวละครที่บอกตรงๆเลยว่าทำได้ละเอียดขึ้นกว่าเดิมเพราะเราต้องหาชุดเกราะและเครื่องป้องกันใหม่ๆมาให้ตัวเราและลูกชาย ส่วนอาวุธหลักที่เราสามารถอัพเกรดได้ละเอียดมากขึ้นเพราะไม่ใช่แค่เพิ่มความแรง ยังมีการลงรายละเอียดค่าพลังที่แทบไม่ต่างจากเกม RPG ดีๆ แถมยังดูง่ายเพราะเมนูไม่ยุ่งยาก และเมื่อเราอัพเกรดอาวุธแล้วเราจะได้รับสกิลความสามารถใหม่ๆมาให้ปลดล็อคด้วย และทั้งอาวุธและเครื่องป้องกันจะส่งผลกับค่าพลังของตัวละครอย่างละเอียดด้วย

เกมเกือบจะสมบูรณ์แบบ 100% ติเล็กน้อย(เล็กน้อยจริงๆ) คือในช่วงท้ายของเกมมีการใช้ไอเดียที่ดูง่ายๆเข้ามาให้เล่นเช่นการกำจัดศัตรูให้หมดฉากเข้ามาบ่อยเกินไปหน่อย แต่ก็ถือว่าไม่ได้ทำให้เกม God Of War ด้อยคุณค่าลง (และยังคงได้เต็ม 10 ) เพราะมันยังถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าชื่นชมที่ผู้สร้างกล้าที่จะนำรูปแบบการเล่นใหม่ๆเข้าไปให้ซีรีส์แอ็คชั่นลุยแหลกให้มีคุณค่าน่าเล่นมากกว่าเดิม และมันสมควรเป็นอีกหนึ่งในเกมยอดเยี่ยมแห่งปี 2018 แน่นอน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook