เซเรีย...

เซเรีย...

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กาลนานมาแล้วเมื่อร้อยปี โลกได้ลิขิตชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้ กาลเวลาได้ล่วงเลยเข้ามาจวบจนเธออายุย่างเข้า 17 ปี เซเรีย....นามที่ผู้คนต่างก็พากันรังเกียจ เธออาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ลาเควช ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งย่านแถวชานเมืองโอเกว บ้านเมืองมีแต่บ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า บ้างก็เกิดจากการคดโกง เกิดการเอารัดเอาเปรียบ ชิงดีชิงเด่นกันจำนวนมาก แต่เด็กสาวต้องอยู่อย่างเดียวดายกับบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งที่พ่อและแม่ของเธอทิ้งให้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายก่อนที่พวกท่านจะเสียชีวิตลง อาชีพปัจจุบันของเด็กสาวเธอรับจ้างเก็บพืชผลในไร่ของลุงมาร์ช ซึ่งเป็นลุงข้างบ้านของเธอที่ใจดีคนหนึ่ง และเธอก็คงไม่เหลือใครอีกแล้ว...แต่ใจของเธอกลับคิดว่า...ทำไมชาวบ้านทั้งหลายต้องจงเกลียดจงชังเธอด้วย เธอจึงนั่งนึกย้อนไปถึงอดีต... เด็กน้อยนาม เซเรีย ที่น่าตาน่ารักแต่เปรอะเปื้อนด้วยเศษขี้ผงขี้ดินเนื้อตัวสกปรกมอมแมมเพราะทุกวันๆ เธอจะต้องช่วยพ่อกับแม่ทำไร่อยู่ในสวนเล็กๆ ของครอบครัวเธอ แต่พอไม่นานก็ถูกโกงกินจนไม่เหลืออะไรเลย แม้จะเป็นเด็กสาวที่ยากจนแต่เธอก็มีเพื่อนคนหนึ่งและเป็นคนเดียวที่เขาแอบมาเล่นกับเธอไม่เคยนึกรังเกียจ ตรงกันข้ามเขากลับเป็นลูกชายมหาเศรษฐีที่น่าตาดี ร่ำรวย และอายุก็มากกว่าเธอสัก 2-3 ปี 'ชีตัส' เขาคือเพื่อนคนแรกและเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ เด็กผู้หญิงอื่นๆก็เกิดการหมันไส้และคอยกลั่นแกล้งเซเรียอยู่ตลอด ไม่นานนักก็มีนักบวชท่านหนึ่งเข้ามาใน เมืองลาเควช และได้ทำนายไว้ว่าจะถูกภัยพิบัติอาเพศขึ้นอย่างแรงและก็เป็นจริงตามคำทำนาย ขณะที่เกิดพายุลูกใหญ่มหึมาพัดพาข้าวของพังพินาศ ทันใดนั้นเองที่สาวน้อยเซเรียถูกพรัดตกหน้าผาน้ำตกที่สูงประมาณ 34 ฟุต แต่มือน้อยๆของเธอกลับคว้าปากเหวไว้ทันด้วยพละกำลังที่เหลือน้อยเต็มที เธอพยายามที่จะดึงตัวเธอขึ้นมาให้ได้ขณะที่ชีตัสกำลังวิ่งหาเธออยู่นั้นก็เหลือบเห็นพอดีจึงวิ่งเข้าไปช่วยดึงมือน้อยๆขึ้นมาในเวลานี้ไม่มีใครเลยที่จะเห็นเด็กสาวอยู่ในช่างอันตรายเพราะต่างคนก็ต่างวุ่นวายกับเพศภัยที่โกลาหล ห่าฝนได้ตกลงมาอย่างกระหน่ำไม่มีทีท่าจะหยุดลงเลย ชีตัสช่วยเด็กสาวอย่างยากลำบาก เขาดึงมือเซเรียจนหมดความพยายามก่อนที่จะพลัดตกลงไปที่หน้าผากับเด็กสาว จังหวะนั้นเป็นเวลาที่ท่านมหาเศรษฐีเห็นเข้าพอดี เขาร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่ "ชีตัส ลูกพ่อทำไมต้องเกิดเรื่องอย่างนี้ด้วย" เขากลับนึกไปถึงเด็กสาวเซเรีย ที่ลูกชายของเขาได้ช่วยเอาไว้ ท่านเศรษฐีจึงประกาศให้ชาวบ้านรับรู้ว่าแท้จริงแล้ว เซเรียนั่นเองที่นำภัยพิบัติมาสู่บ้านเมืองเรา ชาวบ้านจึงนึกแค้นพร้อมกับสาปแช่งเธอต่างๆ นานา เวลาได้ผ่านไปสัก2 ชั่วโมง พายุก็ได้สงบลงแต่ผลกลับทำให้บ้านเมืองพังเป็นสิบๆ หลังคาเรือน ไม่มีใครรับรู้เลยว่าเบื้องล่างหน้าผานั้น เซเรียได้ตะเกียกตะกายเข้าฝั่ง เธออ่อนเพลียมากจึงนั่งพิงกับก้อนหินอันใหญ่แล้วจึงสลบไป ชายคนหนึ่งเดินหาของป่าอยู่นั้นก็เห็นเข้าพอดีจึงคิดว่าเด็กคนนี้คงอยู่ในหมู่บ้าน ลาเควช จึงแบกเธอขึ้นหลังพาเดินไปตามเนินเขาก็ถึงหมู่บ้านพอดี แต่ชาวบ้านพวกนี้กับจะเข้ามาทำร้าย ทุบตีเธอ ชายคนนี้จึงไล่พวกชาวบ้านอองซึ่งวิ่งเข้ามารับตัวเด็กน้อยไว้ และลุงมาร์ชก็ตะโกนบอกกับพวกชาวบ้านว่าว่า "พวกเจ้าไม่เห็นหรือ เด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้ได้รับบาดเจ็บอยู่นะ จิตใจพวกเจ้าทำด้วยอะไรกัน" ลุงมาร์ชพูดพร้อมพยายามแหวกทางเพื่อที่จะนำเด็กน้อยในอ้อมแขนตนเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็มีเสียงตะโกนโห่ร้องมาด้วยความไม่ชอบใจยิ่งนัก ปัจจุบัน..ก็ผ่านมาจนเธออายุจะเข้า 17ปีแล้ว เธอก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลย พ่อแม่ก็เสียเพราะภัยพิบัติ แต่เธอไม่เคยนึกโทษโกรธธรรมชาติเลย เพราะคิดว่าสาเหตุอาจจะเกิดจากเธอก็เป็นได้ที่ต้องทำให้เกิดภัยร้ายแรงขนาดนี้ พ่อแม่เธอจะต้องเสียชีวิต ชาวบ้านเดือดร้อน และเพื่อนรักอย่างชีตัส..เธอปราดน้ำตาที่ไหลเอ่อล้นออกมาอย่างยากลำบาก ทันใดนั้นเธอคิดว่าอยู่ที่นี่ก็รังแต่จะทำให้พวกเขาเดือดร้อน เธอจึงคิดที่จะออกจากหมู่บ้านนี้ไปเพื่อไปตามทางของเธอ เธอจึงเขียนจดหมายลาลุงมาร์ชที่แสนใจดี แล้วทิ้งไว้บนโตะเล็กๆ ในบ้าน เวลาเริ่มมืดลงๆ ทุกที เธอจึงรีบสาวเท้าเดินออกจากบ้านหลังนี้ เด็กสาวหันมองแว๊บหนึ่งแล้วก็เดินจากไป ตามทางเดินที่วังเวง เสียงนกฮูกน่ากลัวร้องเป็นระยะๆ เธอหอบกระเป๋าเป้ใบเล็กของเธออย่างแนบแน่น ฝืนข่มความกลัวทั้งที่ใจเธอสั่นแรงมาก เซเรียมองข้างทางไม่ค่อยจะเห็นเท่าไหร่นัก ทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่รู้ ในเมื่อเธอตัดสินใจออกมาจากหมู่บ้านนั้นแล้วเธอก็ไม่อยากหวนรำลึกถึงมันอีกแล้ว เด็กสาวลัดเลาะไปตามชายป่าที่มีทั้งกลิ่นอับชื้น พื้นดินเฉาะแฉะ มีแต่ความอดทนสำหรับสาวเจ้าที่ต้องเผชิญกับมัน และสุดท้ายเรี่ยวแรงเธอก็หมดลงจำต้องพักพิงกับโคนต้นไม้ใหญ่หวังเป็นที่พักชั่วคราว.. รุ่งอรุณมาเยือนแสงอาทิตย์ฉายส่องดวงหน้างามเปราะเปื้อนที่กำลังหลับพริ้มด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่จู่ๆ เธอก็รู้สึกได้ว่ากำลังมีอะไรมาเลียน่าเธออยู่ เด็กสาวสะดุ้งตื่นเบิกตาโผลงและเห็นว่ามันคือหมาป่าขนสีขาวโพลนที่แลดูเชื่องและน่ารัก เซเรียกระโดดโหยงและที่เรียกความตื่นตะลึงที่สุดเห็นจะเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงที่ยืนหัวเราะร่า เซเรียเกิดอาการขวยเขินเล็กน้อย แก้มเธอแดงน่ารักจับใจโดยที่เจ้าตัวไม่ทันรู้'วอลลัส มานี่มา'เสียงแตกหนุ่มของเขาได้ดังขึ้นเรียกไอ้เจ้าหมาขนขาววิ่งไปคลอเคลียกับเจ้าของของมัน จากนั้นเด็กหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางคุ้นๆ แต่ก็จำอะไรได้ไม่มากนัก เขาจึงเอ่ยถามชื่อ เธอจึงตอบเขาไปว่า ชื่อซีเรีย และนามของเด็กหนุ่มคนนี้ก็คือ เชียส เด็กหนุ่มบอกว่าจะพาเธอไปอาศัยที่บ้านเขาหลังชายป่า เพราะรู้ว่าเธอไม่มีที่ไป ระหว่างนั้นพวกเขาก็เดินคุยกันไปตลอดทาง ซีเรียรู้สึกถูกชะตากับผู้ชายคนนี้มากแต่เธอคิดว่ามันก็เป็นแค่ความรู้สึกธรรมดาๆ ของเธอเท่านั้น เมื่อมาถึงบ้านเธอก็พบกับลุงคนหนึ่ง เชียสบอกว่านี่คือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ตอนที่เขาตกหน้าผาเมื่อตอนเขายังเล็ก นอกจากนั้นยังเลี้ยงดูเขามาจนโตขนาดนี้ เชียสบอกว่าลุงโชเป็นนายพรานที่ใจดีมากเชียวล่ะ เซเรียได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง~จะใช่เขาไหมน๊า~เซเรียจึงอาศัยอยู่กับลุงโชและเชียสมาได้ถึง9เดือนเธอรู้สึกอบอุ่นมากและรู้สึกรักผู้ชายคนนี้ เพราะเขาจะคอยดูแลห่วงใยเธออยู่เสมอ วัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คนทั้ง2 ฟัง เชียส ไม่สิ ชีตัสดูจะตกใจกับเรื่องราวทั้งหมดมาก แต่ลุงโชกับนั่งเงียบและบอกว่า"ข้าคิดไว้แล้ว ข้ารู้ฟ้าได้ลิขิตให้พวกเจ้าทั้ง 2 เกิดมาเป็นเนื้อคู่กันแล้ว ก็ไม่แคล้วที่จะต้องได้ประสบพบเจอกันอีก ไม่ว่ากาลเวลาจะพรัดพรากพวกเจ้ายาวนานสักเพียงไหนก็ตาม" ชีตัสมองดวงหน้างามอย่างโหยหาเมื่อความรู้สึกทั้งหมดได้กลับมาหลังจากที่เขาหายความจำเสื่อม มันคือความจริงที่เด็กสาวน่าตาจิ้มลิ้มที่สกปรกมอมแมมเด็กผู้หญิงที่เขาแอบชอบมาตั้งแต่เด็กจะมาอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง ทั้ง 2 ก็เข้าโผกอดกันโดยที่กำแพงหัวใจของทั้งคู่ได้พังทลายลง ลุงโชบอกอีกว่า"ภัยพิบัติอาเพศนั้นไม่ได้เกิดจากเซเรีย แต่เกิดจากพวกชาวบ้านเองนั่นแหละพวกเขามีแต่ความอิจฉาริษยา บ้านเมืองร้อนรุ่มไปด้วยกิเลส ตัณหา พระเจ้าคงอยากจะลงโทษพวกพวกชาวบ้านที่โง่เขลากันน่ะซี่" ชีอัสกอดเซเรียไว้แนบอกอันแข็งแกร่งของเขาพรางคิดว่าพ่อของเขาที่มีบ้านหลังใหญ่ ที่ดินมากมายนั้นล้วนเกิดจากการคดโกงทั้งสิ้นแม้ตอนนั้นเขาจะยังเด็กแต่เขาก็ยังไม่เคยที่จะสนับสนุนกับการประกอบอาชีพที่ทุตจริตนี้เลย เมื่อคิดดังนั้นเขาจังยึดไหล่ตัวเซเรียและพูดกับเธอว่า "เราจะต้องไปอธิบายให้พวกชาวบ้านรับรู้ให้พวกเขากลับตัวกลับใจเสียใหม่" ชีตัสพูดด้วยรอยยิ้มละมุน แต่เด็กสาวผู้เป็นที่รักของเขากลับตัวสั่นเหมือนนกน้อยและส่ายหน้าไปมา ชีตัสมองดูเธออย่างเอะใจ ในขณะที่ลุงโชเดินมาพอดี "เซเรียน่ะ ถูกกระทบกระเทือนจิตใจมาเป็นอย่างมากเกินกว่าที่จะทนไหว" ชีตัสและพรานโชมองสาวน้อยอย่างน่าสงสาร ทั้งหมดจึงเตรียมตัวที่จะเข้าหมู่บ้านลาเควช กันในอีก 2อาทิตย์ เมื่อถึงเวลาทั้งหมดก็เดินทางจนมาหยุดอยู่ที่ประตูหมู่บ้าน ชีตัสและเซเรียต่างก็มองดูสภาพหมู่บ้านอย่างน่าเวทนา บางคนก็เจ็บป่วยออด ๆแอด ๆ บางคนก็พิการตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย นับได้ว่าไม่มีใครที่จะมีความสุขในหมู่บ้านแห่งนี้เลย บ้านเรือนก็ต่างพังเพพินาศ เซเรียยังเอะใจเมื่อตอนเธออยู่สภาพยังดีกว่านี้มาก ชีตัสรีบวิ่งไปหาพ่อ จากบ้านใหญ่โตของเขา ก็ทรุดลงมาจนแทบไม่เหลือเคล้าโครงเดิม พ่อชีตัสเจ็บหนักมากเมื่อเจอหน้าพ่อของเขาทั้ง 2 โผกอดด้วยความคิดถึง พรานโชก็เลยอธิบายให้ชาวบ้านทุกคนฟังเพราะต้นเหตุก็เกิดจากพวกเขาเองทั้งนั้นแหละ และทั้ง 3 ก็ช่วยกันเก็บยาสมุนไพรมาชาวรักษาชาวบ้านที่บาดเจ็บจนพวกเขาหายดี หมู่บ้านลาเควชกลับดูสดใสมากยิ่งขึ้น ชาวบ้านต่างกลับตัวกลับใจเป็นคนดี ภัยพิบัติทั้งหลายหายไปในพริบตา ท้องฟ้าสดใสขึ้นเสียงนกร้องต้อนรับบรรยากาศที่สดใส พวกชาวบ้านต่างขอโทษ เซเรีย และยกย่องเซเรียกับชีตัสให้เป็นผู้ปกป้องรักษาหมู่บ้านแห่งนี้สืบต่อ ตลอดไป....

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook