โลกต่อจากนี้ไม่ง่ายสำหรับคนทำงานในธุรกิจท่องเที่ยวและการให้บริการอีกต่อไป

โลกต่อจากนี้ไม่ง่ายสำหรับคนทำงานในธุรกิจท่องเที่ยวและการให้บริการอีกต่อไป

โลกต่อจากนี้ไม่ง่ายสำหรับคนทำงานในธุรกิจท่องเที่ยวและการให้บริการอีกต่อไป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สงครามโรคจากไวรัสโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบอย่างหนักในรอบเกือบสองปีที่ผ่านมา ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในเมืองไทยเห็นจะหนีไม่พ้น ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่ากว่าจะฟื้นตัวได้ก็อีกประมาณหนึ่งปี

ขณะเดียวกันคนที่ทำงานอยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ต่างก็ได้รับผลกระทบมากบ้างน้อยบ้างตามขนาดขององค์กร แต่ด้วยความที่ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการเป็นหนึ่งในธุรกิจไม่กี่ประเภทที่ต้องใช้ความชำนาญและทักษะเฉพาะด้านเกี่ยวกับการงานบริการ งานครัว อาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงทักษะการบริหารที่ต้องอาศัยประสบการณ์ และคอนเนคชั่น คนที่เคยอยู่ในธุรกิจด้านนี้ยังคงกลับมาได้ เพียงแต่โลกหลังสงครามโรคอันเกิดจากโควิด-19 นั้นเปลี่ยนไปมาก และคนที่จะก้าวต่อไปได้ในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการต้องเพิ่มทักษะสำคัญให้กับตนเองเช่นกัน

ทักษะการเป็นผู้นำที่ดี

ทุกวันนี้ตำแหน่งบริหารในโรงแรม ไม่ใช่การนั่งทำงานในออฟฟิศแล้วสั่งการให้ระดับปฏิบัติการให้ทำงานอีกต่อไปแล้ว แต่การเป็นผู้บริหารโรงแรมในภาวะที่โลกยังคงต้องอยู่กับโรคระบาดต่อไปแม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางแล้วก็ตาม

คนเป็นผู้บริหารต้องทำหน้าที่ได้หลายอย่าง และหมายถึงลงมาทำงานกับฝ่ายปฏิบัติการได้เลย ไม่ว่าจะคอยดูแลแขกที่เข้ามาพัก ดูแลพนักงานให้ทำงานกันเป็นทีมด้วยความมุ่งมั่น คอยสอน คอยแนะนำพนักงานที่ยังไม่ชำนาญ ผู้บริหารหรือผู้นำที่ดีในช่วงเวลาแบบนี้ จำเป็นที่จะต้องทำงานด้วยความกระตือรือร้น และลงมือทำงานลูกน้องเห็น วางแผนระยะยาวได้ พัฒนาและแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ขณะเดียวกันต้องรู้จักรับผิดชอบต่อสังคม รวมไปถึงสื่อสารด้วยความเป็นธรรมกับพนักงาน ผู้ถือหุ้น และลูกค้า

ความรู้และทักษะที่ใช้ในการทำงาน (Soft skills)

การเป็นผู้บริหารธุรกิจท่องเที่ยวและบริการในโลกต่อจากนี้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องมี Soft Skills อันหมายถึงลักษณะอุปนิสัยที่ดีรวมไปถึงการทำงานและสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่ง Soft Skills ที่สำคัญต่อผู้นำ หรือผู้บริหารในธุรกิจบริการนั้นประกอบไปด้วย การคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุและผล นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงาน แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ มีความยืดหยุ่นและสามารถดัดแปลงสิ่งรอบด้านให้เกิดประโยชน์มากที่สุด สื่อสารได้อย่างชัดเจน มีความฉลาดทางอารมณ์ รู้จักตนเองและรู้ว่าจะต้องบริหารอย่างไร รวมไปถึงการเจรจาต่อรองและการพูดคุยกับทีมบริหารทั้งหมด

รู้จักการใช้โซเชียลมีเดีย ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจมากที่สุด

ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นโซเชียลมีเดีย กลายเป็นช่องทางเดียวในการทำธุรกิจ กลายเป็นช่องทางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่าการทำให้ธุรกิจบริการของคุณ เกิดการบอกต่อกันในโซเชียลมีเดีย หรือได้รับความสนใจจากโซเชียลมีเดีย นั่นย่อมหมายถึงการสร้างแฟนประจำของธุรกิจบริการที่หลายคนต้องการคำแนะนำหรือ โปรโมชั่นที่น่าสนใจ รวมไปถึงการอ่านรีวิวเพื่อใช้ในการตัดสินใจ

ดังนั้น โซเชียลมีเดียจึงสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจบริการ ไม่ใช่แค่เป็นเครื่องมือทางการตลาดเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นช่องทางที่จะทำให้ธุรกิจบริการ ได้รับข้อมูลสำคัญจากลูกค้าทั้งข้อความจากการรีวิว การเก็บข้อมูลความพึงพอใจในการเข้าพัก เพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้กลายเป็นแขกประจำของคุณ

ใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี และ AI เข้ามาช่วย

การใช้ดิจิทัลเทคโนโลยี และ AI เข้ามาช่วยในธุรกิจบริการ จะทำช่วยแก้ปัญหาเรื่องคุณภาพของพนักงานและค่าบำรุงรักษาได้เป็นอย่างดี เพราะดิจิทัลเทคโนโลยี นั้นทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความทันสมัยของธุรกิจคุณ ขณะเดียวกันยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของ Man Power ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเช็กอินในระบบดิจิทัล คีย์การ์ดที่เป็นระบบดิจิทัล หรือเมนูในระบบดิจิทัล ที่ไม่ต้องสัมผัสกับเมนูที่ผ่านมือคนมานับไม่ถ้วน

การใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีในห้องสัมมนาหรือห้องจัดงานเลี้ยง และทั้งหมดนี้ยังทำให้คุณได้ Big Data สามารถใช้ AI เข้ามาวิเคราะห์ได้ว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของคุณมีอายุเท่าไร ชอบใช้บริการอะไรมากที่สุด และแต่ละครั้งที่เข้าพักมักจะทำกิจกรรมอะไร ซึ่ง Big Data เหล่านี้สามารถนำไปใช้และนำเสนอโปรโมชั่นที่น่าสนใจให้กับลูกค้าของคุณได้

ยกระดับการทำความสะอาด

ถึงเวลานี้ แม่บ้านและพนักงานทำความสะอาดจะกลายเป็นคนทำงานแถวหน้าของธุรกิจบริการ เพราะนี่คือกลุ่มที่จะต้องเผชิญกับสิ่งตกค้างในห้องของแขก และเป็นคนสำคัญที่สุดในการปกป้องชีวิตพนักงานและแขกที่เข้าพัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคหลังโควิด-19 แขกที่เข้าพักย่อมต้องการความปลอดภัยมากที่สุด

ดังนั้น ต้องมีการยกระดับการทำความสะอาดของแม่บ้านให้มีความสะอาดมากยิ่งขึ้น อาทิ การพ่นยาฆ่าเชื้อโรคในห้องพัก หรือมีระบุให้ว่าการทำความสะอาดนั้นปฏิบัติตามมาตรฐานที่รัฐกำหนดไว้ หรือแม้กระทั่งมีการให้บริการพิเศษ เพิ่มเติม อาทิ ฉีดฆ่าเชื้อภายในห้อง เตรียมเจลแอลกอฮอล์ให้กับผู้เข้าใช้บริการ หรือแม้แต่แยกเครื่องใช้ใส่ห่อพลาสติกเพื่อให้รู้สึกถึงความสะอาดของสถานที่ เหล่านี้เป็นการยกระดับการทำความสะอาดที่เหล่าผู้บริหารโรงแรมต้องคำนึงถึงให้มากที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook