โอกาสไร้ขีดจำกัดของศิลปิน มาปล่อยของออนไลน์อย่างมีศาสตร์และศิลป์
ด้วยผลกระทบของโควิด-19 ทำให้การแสดงงานของศิลปินและการเข้าถึงผลงานศิลปะของเหล่าผู้เสพงานอาร์ตในวิถีดั้งเดิมที่เคยจำกัดวงอยู่ที่งานอาร์ต เอ็กซิบิชัน หรืออาร์ต แกลเลอรี ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ วงการศิลปะต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบใหม่ หรือ New Normal ที่มีการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาใช้กันมากขึ้น ยูโอบี (ไทย) ได้เปิดโอกาสครั้งสำคัญให้ศิลปินไทยได้ก้าวสู่โลกดิจิทัลกับกิจกรรม “My Art. My World. My Digital Gallery. | เปิดสู่โลกกว้างกับดิจิทัลแกลเลอรีของตัวเอง” เพื่อเตรียมความพร้อมให้ศิลปินไทยสามารถใช้ดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการแสดงผลงานศิลปะของตัวเองบนโลกออนไลน์เพื่อเข้าถึงผู้ชมในวงกว้างมากขึ้นและโอกาสที่ไร้พรมแดน
กิจกรรมในยุค New Normal นี้ ได้ศิลปินยุคใหม่ผู้ที่ประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์ ได้แก่ ยูน - ปัณพัท เตชเมธากุล, โลเล - ทวีศักดิ์ ศรีทองดี, ติ๊กกี้ว้าว - พิเชฐ รุจิวรารัตน์, ลำพู กันเสนาะ, และ แกะ – คุณปกรณ์ กล่อมเกลี้ยง ภัณฑารักษ์ชื่อดัง ร่วมด้วย ณัฐพัชญ์ วงษ์เหรียญทอง ที่ปรึกษาและเทรนเนอร์ด้านการตลาด มาแบ่งปันไอเดียและเคล็ดลับในการ “ปล่อยของ” หรือนำผลงานศิลปะเข้าสู่โลกดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ
ณัฐพัชญ์ วงษ์เหรียญทอง ที่ปรึกษาและเทรนเนอร์ด้านการตลาด ให้ความเห็นไว้ว่า ดิจิทัลเปลี่ยนโลกใบเดิมที่ศิลปินต้องตระเวนแสดงผลงานตามแกลเลอรี เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบศิลปะ หากโอกาสดีบังเอิญผู้ที่มาชมงานมีความชื่นชอบในสไตล์ของศิลปิน ก็จะสามารถขายผลงานมีรายได้ แต่ขณะนี้โลกดิจิทัลเปลี่ยนวิธี matching ระหว่างศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน กับผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ โดยดิจิทัลสร้างโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้เจอกันง่ายขึ้นผ่านแพลตฟอร์มในมือถือ
“เพื่อนศิลปินของผมขายงานศิลปะผ่านโซเซียลมีเดียอย่างเดียว วาดและโพสต์ออนไลน์ มีรายได้ 1 ล้านบาทภายใน 3 เดือน” เรื่องจริงจากคำบอกเล่าของ คุณแกะ –ปกรณ์ กล่อมเกลี้ยง ภัณฑรักษ์ชื่อดัง
ศิลปินจะปล่อยของ (ผลงาน) อย่างไรให้มีศิลปะและสร้างโอกาสไร้ขีดจำกัดบนโลกออนไลน์
เราสรุปฮาวทูจากกิจกรรม “My Art. My World. My Digital Gallery. | เปิดสู่โลกกว้างกับดิจิทัลแกลเลอรีของตัวเอง” มาไว้ให้ศิลปินไทย ดังนี้
- “เปิดใจ” เป็นธรรมดาถ้าหากจะเกิดความรู้สึกกลัวว่า โพสต์ผลงานของเราไปแล้ว อาจจะไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนในโลกออนไลน์ แต่สิ่งแรกที่ศิลปินต้องทำคือ ลองเปิดใจ สร้างสรรค์ และลงมือโพสต์ผลงานไปบนโซเซียลมีเดีย แล้วความชอบจะดึงดูดคนที่ชอบเหมือนกันมาเจอกัน และดิจิทัลยังจะสร้างโอกาสอีกมากมายอย่างไร้ข้อจำกัดอย่างที่อาจจะคาดไม่ถึง
- ค้นหาและเลือก “ช่องทางที่เป็นตัวเอง” สิ่งต่อมาที่แนะนำให้ศิลปินทำคือ ศึกษาเครื่องมือหรือแพลตฟอร์มที่จะใช้ ‘ปล่อยของ’ ซึ่งศิลปินสามารถสร้างเป็น ดิจิทัลแกลเลอรี ของตนเอง โดยจะเป็นการมองจากความชอบและความถนัดของตัวศิลปินเอง จำเป็นต้องเลือกเครื่องมือที่ถูกจริต สบายใจที่จะใช้จึงจะยั่งยืน
อยากให้ใช้เวลาศึกษาตรงนี้ให้ดีอย่างถ่องแท้ก่อน ไม่ต้องรีบ เวลา 2-3 เดือนก็ไม่ได้ช้าไปสำหรับขั้นตอนนี้ ศิลปินมีความเป็นเอกในทางศิลปะ แต่การก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลอาจจะเป็นเรื่องใหม่ ถ้าไม่เคยก็ต้องลอง หรือลองแล้วแต่ยังไม่เก่งก็ต้องศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติม ปัจจุบันมีคนทำ How to มารีวิวขั้นตอนการใช้แพลตฟอร์มต่างๆ ไว้มากมาย เราสามารถฝึกจนคุ้นชินและชำนาญแล้วจึงเริ่มต้นเปิดตัวและใช้เครื่องมือที่เหมาะกับเราแสดงตัวตนและผลงานสู่โลกดิจิทัล
- “หากลุ่มเป้าหมายที่ใช่” เป็นโจทย์สำคัญในการสื่อสารและการปล่อยของ โดยสามารถใช้ประโยชน์จาก แฮชแทค (#) ทั้งนี้ ศิลปินสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายว่า พวกเขากำลังสนใจอะไร และเขามักจะติดแฮชแทคอะไร ผ่านการสืบค้นแฮชแทคในแพลตฟอร์มต่างๆ และยังสามารถใช้เป็นไอเดียว่า เราควรจะติดแฮชแทคแบบไหนจึงจะเหมาะและจะได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย แฮชแทค มีประโยชน์อย่างมากเพราะช่วยให้กลุ่มผู้ชมเข้าถึงผลงานของศิลปินได้ง่าย และยังช่วยให้ศิลปินเก็บสะสมผลงานเป็นหมวดหมู่อีกด้วย
- “การสร้างคอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์” เป็นหัวใจของการใช้สื่อออนไลน์ ศิลปินจำเป็นต้องสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดีมีเอกลักษณ์ โดยกำหนดวัตถุประสงค์ในการสื่อสารทุกครั้ง ซึ่งนอกจากผลงานแล้ว ศิลปินยังสามารถสร้างคอนเทนต์ที่สะท้อนตัวตนจากบันทึกส่วนตัว ความรู้เกี่ยวกับศิลปะ เพลงที่ฟัง และหนังที่ชอบ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักเรามากขึ้น แล้วคอนเทนต์ของเราก็จะมีเอกลักษณ์ด้วย
ขอให้พยายามรักษาสมดุลระหว่างการสร้างคอนเทนต์ที่ดี ความชัดเจนในตัวตน และการรักษาฐานผู้ชม ไม่บิดเบือนตัวตนไปตามกระแสหรือความต้องการเพิ่มยอดผู้ติดตามเยอะๆ จนสูญเสียเอกลักษณ์ของตนเองไปในโลกดิจิทัล
- “เช็คฟีดแบคจากผู้ชม” ศิลปินควรโพสต์ผลงานอย่างสม่ำเสมอ รักษาความถี่ในการสร้างสรรค์และเผยแพร่ผลงาน รวมถึงจำเป็นต้องวิเคราะห์ผลตอบรับหรือฟีดแบค (feedback) จากผู้ชมด้วยเหมือนกันว่า หลังจากโพสต์ไปแล้วมีคนดูหรือไม่ เพื่อนำกลับมาพิจารณาว่า ช่องทางนี้เหมาะกับเราหรือไม่ และสังเกตว่ากลุ่มเป้าหมายของเรามีปฏิสัมพันธ์กับเราผ่านแพลตฟอร์มไหน ควรปรับเปลี่ยน ย้าย หรือขยายช่องทางการสื่อสารหรือไม่ เพื่อให้เราสามารถบริหารการมีตัวตนบนโลกออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- “ทำงานร่วมกัน” โลกดิจิทัลเอื้อให้ศิลปินสามารถทำงานไม่ว่าที่ใดบนโลกใบนี้ และขยายเขตในการทำงานร่วมกับคนอื่น การทำงานร่วมกัน หรือการ ‘Collab – Collaboration’ เกิดขึ้นง่ายกว่าในอดีต ศิลปินสามารถจับมือกับศิลปินที่มาจากต่างสายงาน แต่มีจุดร่วมกันบางอย่าง หรือร่วมงานกับแบรนด์ หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้จากทุกมุมโลก ทำให้เกิดผลงานใหม่ในวงการ มีรายได้ และยังช่วยให้ศิลปินขยายฐานผู้ชมให้กว้างขึ้น อาจจะมาจากลูกค้าของแบรนด์ หรือศิลปินอีกท่านที่ทำงานร่วมกัน
การมีรายได้จากดิจิทัลแกลเลอรีของตนเองอาจต้องใช้เวลา ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว โดยจะต้องแสดงเอกลักษณ์ตัวตนของตัวเองให้เต็มที่ รู้จักสร้างและหาโอกาสให้กับตัวเอง สร้างคอนเนคชันทำงานร่วมกับแบรนด์และศิลปินท่านอื่นๆ รวมทั้งเรียนรู้จากความสำเร็จของคนอื่นได้แต่ควรรักษาตัวตนไว้ด้วย หากเรายอมแพ้ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เป้าหมายก็ยังคงอยู่ไกลเท่าเดิม
เริ่มก้าวแรกสู่โลกดิจิทัลกับการการเรียนรู้ที่จะมีดิจิทัลแกลเลอรีเป็นของตัวเองไปกับศิลปินรุ่นใหม่และผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดได้กับ My Art. My World. My Digital Gallery ติดตามได้ทาง Facebook: UOB Thai
เพราะไม่ช้าก็เร็ว ศิลปินต้องปรับตัว.... ทำไม ไม่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้