5 สิ่งที่คนเรียนเก่งเคยบอก

5 สิ่งที่คนเรียนเก่งเคยบอก

5 สิ่งที่คนเรียนเก่งเคยบอก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คงไม่มีใครนะครับที่ไม่อยากเรียนเก่ง แต่สำหรับคนที่เรียนไม่เก่งแล้ว ก็คงคิดว่าการที่จะทำให้เรียนเก่งนั้น อาจเป็นเรื่องยาก ลำบาก คนที่เรียนเก่งๆคงต้องอึด ถึก อดทน เรียนกระจุยกระจาย แต่สิ่งที่คิดเหล่านี้ อาจเป็นสิ่งที่เราคิดไปเองก็ได้นะครับ ไม่เชื่อลองอ่านบทความนี้ดูครับ



1. เขาไม่ได้อ่านหนังสืออย่างบ้าระห่ำ

เมื่อเห็นคนที่เรียนเก่ง น้องๆอาจจะคิดว่าคนเหล่านั้นจะต้องอ่านหนังสืออย่างบ้าระห่ำชนิดที่เรียกว่าหายใจเข้าเป็นหนังสือ หายใจออกเป็นหนังสือกันเลยทีเดียว ทำให้รู้สึกว่าเราคงเก่งไม่ได้เหมือนเขาเพราะเราไม่สามารถอ่านหนังสือได้ขนาดนั้น หรือบางคนอาจจะลองอ่านหนังสือเยอะมากๆแล้วก็พบว่าเราก็ไม่เก่งขนาดคนเหล่านั้นอยู่ดี

นั่นก็เพราะว่าคนเก่งเหล่านั้นเขาไม่ได้อ่านหนังสือแบบบ้าระห่ำอย่างที่น้องๆคิดกันไปเองไงครับ แต่คนเก่งนั้นรู้ว่าควรอ่านอะไร รู้ว่าเนื้อส่วนไหนที่สำคัญ ควรจะต้องจำได้ ก็ให้เวลากับการอ่านเนื้อหาส่วนนั้นมากหน่อย เนื้อหาส่วนไหนไม่สำคัญหรือสามารถประยุกต์จากความรู้พื้นฐานได้ ก็อ่านผ่านๆก็เพียงพอแล้ว ทำให้ปริมาณเนื้อหาที่ต้องอ่านนั้นอาจจะไม่มากอย่างที่ทุกๆคนคิด แต่มีประสิทธิภาพไงละครับ

2. เขาไม่ได้พึ่งพาการเรียนพิเศษเพียงอย่างเดียว

หลายๆคนอาจคิดว่าการที่จะเรียนเก่งได้ คงจะต้องเรียนพิเศษปริมาณมหาศาล ตั้งแต่เช้าถึงค่ำทุกๆวัน ไม่มีเวลาได้พักผ่อน จนพลอยคิดว่าเราทำไม่ได้ขนาดนั้นก็คงไม่เก่งขนาดเขาแน่นอน แต่นั่นก็เป็นความเชื่อที่ผิดเช่นกันครับ คนที่เก่งนั้นหลายๆคนอาจต้องเรียนพิเศษก็จริง

แต่สิ่งที่เขาทำร่วมด้วยเสมอคือการมีเวลาสำหรับการทบทวนเพื่อให้จำเนื้อหาได้ และรีบหาคำตอบสำหรับเนื้อหาส่วนที่ยังไม่เข้าใจ ซึ่งนั่นสำคัญกว่าการที่เอาแต่เรียนพิเศษจนไม่มีเวลาได้ทบทวน ไม่มีเวลาได้ทำความเข้าใจเนื้อหาส่วนที่ยังไม่เข้าใจแน่นอนครับ

3. เขาไม่ได้ทำโจทย์เยอะมากมายเป็นหลายพันข้อ

นักเรียนหลายๆคนเลือกที่จะทำโจทย์ให้เยอะๆ ทำโจทย์เป็นหลายๆพันข้อ จากหนังสือหลายๆเล่มในช่วงก่อนสอบ เพราะหวังว่าจะทำให้เก่งขึ้น แต่รู้ไหมครับว่า คนที่เรียนเก่งนั้น เขาไม่ได้มุ่งมั่นในการทำโจทย์ให้ได้ปริมาณเยอะที่สุดหรอกครับ แต่เขาจะเน้นที่พื้นฐานกระบวนการแก้ปัญหาโจทย์มากกว่า

เพราะถ้าหากเข้าใจพื้นฐานการแก้ปัญหาของโจทย์สักข้อนึงก็สามารถแก้โจทย์ข้ออื่นๆที่เป็นแนวเดียวกันได้หมดแล้วครับ ไม่ต้องเสียเวลาทำโจทย์แนวเดิมๆซ้ำๆกันหลายข้อหรอก แล้วจึงนำเวลาที่เหลือนั้นไปทำโจทย์แนวอื่นๆเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะได้เจอรูปแบบโจทย์ที่หลากหลายไงละครับ

4. เขาไม่ได้หักโหมอ่านหนังสือในช่วงใกล้สอบ

การเรียนรู้ภายในคืนเดียวไม่มีทางที่จะทำให้น้องเป็นคนเก่งได้อย่างแน่นอนครับ แม้ว่าอาจจะทำให้น้องๆทำข้อสอบได้คะแนนดี แต่เชื่อเถอะครับว่าไม่นานความรู้เหล่านั้นก็จะลืมเลือนไปจากสมอง เมื่อเรียนเรื่องอื่นๆที่ต้องใช้พื้นฐานความรู้จากเรื่องเดิมก็จะไม่สามารถจำได้

ดังนั้นคนที่เรียนเก่งนั้นเขาจะทยอยอ่านหนังสือ และไม่สะสมความไม่เข้าใจครับ เพราะความรู้เหล่านั้นจะติดตัวเขาไปนาน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในหัวข้อเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย

5. เขาไม่ได้มองคนที่อ่อนกว่า

อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันระหว่างคนที่เรียนเก่ง และเรียนไม่เก่งคือมุมมองครับ คนที่เรียนไม่เก่งนั้นอาจจะมองว่ายังมีคนที่เรียนอ่อนกว่า เราก็ไม่ได้แย่ที่สุด หรืออะไรลักษณะนี้ ซึ่งมุมมองดังกล่าวนั้นไม่มีทางที่จะส่งผลให้คนเหล่านั้นจะพัฒนาตัวเองอย่างแน่นอน เพราะยังไงเสียเราก็ไม่ได้แย่ที่สุด

ถ้าอยากเรียนเก่งต้องปรับมุมมองครับ ต้องมองคนที่เรียนเก่งกว่า สังเกตวิธีการที่เขาเรียนแล้วนำมาประยุกต์ ฝึกฝนให้มากขึ้นเพื่อให้เก่งกว่าเขา พัฒนาตนเองให้เก่งขึ้น แล้วเราก็จะเรียนเก่งขึ้นครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.top-atutor.com
ขอบคุณภาพจาก http://pushgenius.com/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook