บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S พร้อมประกาศการแข่งขัน

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S พร้อมประกาศการแข่งขัน

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู  R nineT Urban G/S พร้อมประกาศการแข่งขัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย เผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S มอเตอร์ไซค์โรดสเตอร์ที่ผสมผสานดีไซน์ของมอเตอร์ไซค์สุดคลาสสิคเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัยและความเชี่ยวชาญอันซับซ้อน ในงานเปิดตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ณ The House on Sathorn โรงแรม W กรุงเทพฯ พร้อมประกาศการแข่งขันรอบคัดเลือก GS Trophy Southeast Asia Qualifier 2017 ใน การเฟ้นหาสุดยอดนักบิดเอ็นดูโร่จากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมชิงชัยในการแข่งขัน International GS Trophy 2018 ที่ประเทศมองโกเลีย

     มร. มาร์คุส เกลเซอร์ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S เป็นโมเดลที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์แต่ยังคงคาแรคเตอร์ที่เราคุ้นเคย นับเป็นส่วนผสมระหว่างเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและลุคสุดคลาสสิคที่สมบูรณ์แบบ จึงสืบทอดเจตนารมณ์ของมอเตอร์ไซค์ GS รุ่นก่อนหน้า โดยยังสามารถรักษาจิตวิญญาณออฟโรดจากอดีต และให้ความสำคัญอย่างไม่แพ้กันต่อปัจจุบันด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยไว้ในตัว”

     “บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยังมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการประกาศการแข่งขัน GS Trophy Southeast Asia Qualifier 2017 โดยการแข่งขันรอบคัดเลือกนี้จะค้นหาสุดยอดนักบิดจากไทยเพียงหนึ่งเดียว เพื่อเข้าร่วมทีมตัวแทนจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปแข่งขันในรายการ International GS Trophy 2018 ที่ประเทศมองโกเลีย ซึ่งนอกจากจะเป็นการประชันความเร็วแล้ว การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ระดับสูงนี้ยังเป็นบททดสอบในด้านทักษะการขับขี่ ทีมเวิร์ค และความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจอีกด้วย”

     International GS Trophy เป็นการแข่งขันมอเตอร์ไซค์เอ็นดูโร่ระดับโลกซึงจัดขึ้น 2 ปีครั้ง โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องเอาชนะบททดสอบที่หลากหลายด้วยมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู GS ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในสภาพพื้นผิวอันท้าทายหรือทักษะการทำงานเป็นทีม โดยการแข่งขันรอบคัดเลือกระดับภูมิภาคตลอดทั้งปี 2017 จะนำทางไปสู่การแข่งขันระดับนานาชาติใน International GS Trophy 2018 สำหรับในประเทศไทยนั้น การแข่งขัน GS Trophy Qualifier 2017 รอบคัดเลือก จะจัดขึ้นในวันที่ 1-2 กันยายน พ.ศ. 2560 ณ คีรีมายา รีสอร์ท เขาใหญ่ โดยรับสมัครสิงห์นักบิด GS เพียง 100 คน เพื่อคัดเลือกตัวแทนจากประเทศไทยเพียง 1 คน ไปเข้าร่วมทีมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการแข่งขัน International GS Trophy 2018 ที่ประเทศมองโกเลีย พร้อมเตรียมสัมผัสภูมิประเทศตระการตาและหลากหลายบททดสอบเอ็นดูโร่แสนท้าทาย ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ที่ www.bmw-motorrad.co.th/gstrophy2017 หรือผ่านทาง Line ที่ @gstrophysea2017 หรือที่เบอร์โทร 097-202-7239 วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

     บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S: โรดสเตอร์สุดประณีตที่มาพร้อมกับบุคลิกเฉพาะตัว สร้างการขับขี่แบบบ๊อกเซอร์ ภายใต้รูปลักษณ์เอ็นดูโร่คลาสสิค

     บีเอ็มดับเบิลยู R nineT ที่เปิดตัวโดยบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ไปในปี 2013 เป็นมากกว่าโรดสเตอร์ที่ออกแบบตามมอเตอร์ไซค์รุ่นคลาสสิค โดยบีเอ็มดับเบิลยู R nineT ได้ผสมผสานดีไซน์สุดคลาสสิคของมอเตอร์ไซค์เข้าไว้กับเทคโนโลยีอันทันสมัย ที่รังสรรค์ผ่านความเชี่ยวชาญอันซับซ้อนมาตั้งแต่เริ่มแรก

      บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S โดดเด่นด้วยสไตล์ที่แตกต่าง แต่ยังคงเอกลักษณ์สุดคลาสสิคได้อย่างทัดเทียม ด้วยระยะเวลามากกว่า 35 ปี ที่อักษรย่อ GS กับชื่อบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สื่อความหมายเทียบ เท่ากับความรู้สึกของอิสรภาพ และความหลงใหลในการผจญภัยด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บน ท้องถนนหรือการขับขี่ออฟโรด ยิ่งไปกว่านั้น บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S ยังได้ดึงเอารหัสพันธุกรรมของบีเอ็มดับเบิลยู R 80 G/S รุ่นแรกในตำนานจากยุค 80 พร้อมปรับแต่งให้เข้ากับยุคสมัยด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ภายใต้รูปลักษณ์เอ็นดูโร่สุดคลาสสิคของมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูที่มาคู่กับเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์
บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S มาพร้อมกับเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน ขนาดเครื่องยนต์ความจุ 1,170 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 81 กิโลวัตต์หรือ 110 แรงม้า สั่งงานด้วยเกียร์ 6 สปีด โดยถูกออกแบบให้ลดอัตราการปล่อยมลภาวะตามเกณฑ์ EU4 pollutant class ระบบไอเสียสแตนเลสมาพร้อมกับท่อไอเสียที่วางตำแหน่งไว้ด้านซ้าย สะท้อนสไตล์คลาสสิคอันคุ้นตา

     รังสรรค์มาเพื่อความสนุกในการขับขี่

     บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S มาพร้อมกับล้อแบบซี่ลวด ล้อหน้าขนาดใหญ่กว่า 19 นิ้ว และยางออฟโร้ด 120/70 ZR 19 ตอบโจทย์ลุคสไตล์เอ็นดูโร่ที่เป็นที่รู้จักกันดีของมอเตอร์ไซค์รุ่นคลาสสิค เข้าคู่อย่างสมบูรณ์แบบกับล้อหลัง 17 นิ้ว พร้อมยาง 170/60 ZR 17 มอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูบ๊อกเซอร์รุ่นนี้ ยังมาพร้อมกับออปชั่นยางออฟโรดดอกลึก (รุ่นมาตรฐาน: ยางถนน) รวมไปถึงล้อซี่ลวด (filigree wired-spoke wheels) ที่ช่วยยกระดับสไตล์อันคลาสสิคให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
ด้วยคาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ สายเบรกหุ้มโลหะ และดิสเบรกที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 320 มิลลิเมตร จึงทำให้ระบบเบรก ABS ประสิทธิภาพสูงทำการลดความเร็วได้อย่างดีเยี่ยมและมั่นคง
สามเหลี่ยมแห่งสรีรศาสตร์จาก Urban G/S ช่วยให้ผู้ขี่รู้สึกคล่องตัว เสริมความมั่นใจบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็น แฮนด์ที่ยกสูงขึ้นเล็กน้อย พื้นผิวที่นั่งที่ยาวและลึกขึ้น ที่พักเท้าหลังที่มีขนาดกว้างขึ้น ล้วนส่งผลให้เกิด ประสบการณ์การขับขี่ที่ผ่อนคลายและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจยิ่งกว่า ด้านความสูงมาตรฐานของที่นั่ง ประจำซีรีส์นี้อยู่ที่ 850 มม.

     R nineT Urban G/S: สีสันและสไตล์ดั้งเดิมตามแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยู R 80 G/S รุ่นแรก


     R nineT Urban G/S มีรูปลักษณ์ที่ถอดแบบมาจากมอเตอร์ไซค์รุ่นพี่ ทั้งยังคงคอนเซ็ปต์โทนสีเอาไว้โดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด เช่นเดียวกับเมื่อ 35 ปีที่แล้ว ถังน้ำมันและบังโคลนด้านหน้ายังมาใน สีขาว Lightwhite non-metallic อันโดดเด่น เข้าคู่กับหน้ากากไฟหน้า ที่ออกแบบมาตามสไตล์มอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู GS ของ ยุคนั้น R nineT Urban G/S ยังมาพร้อมกับการตกแต่งแบบดั้งเดิม ด้วยสองโทนสีน้ำเงินบนถังน้ำมัน และที่นั่งสำหรับสองคนสีแดงสว่าง ซึ่งเป็นการตีความคู่สีที่สื่อถึงบีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์สปอร์ตในปีก่อนๆ นอกจากนั้นเฟรมสีดำยังสะท้อนภาพในอดีตได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
แผงหน้าปัดถูกออกแบบให้เข้ากับหน้ากากไฟหน้าอย่างกลมกลืน ประกอบด้วยมาตรวัดความเร็วทรงกลมแบบอนาล็อก ไฟสัญลักษณ์ และหน้าจอ LCD สองแถว รายละเอียดหรูหรายังเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ R nineT Urban G/S ที่รวมไปถึงอะไหล่อลูมิเนียมต่างๆ เช่น fork bridge แคลมป์จับแฮนด์อลูมิเนียม และอื่นๆ อีกมากมาย

     ความเฉพาะตัวที่แทบไร้ขีดจำกัด


     ไม่ว่าคุณจะต้องการลุคแบบออฟโรดหรือความรู้สึกแบบย้อนยุค R nineT Urban G/S สามารถนำเสนอความเป็นไปได้อย่างแทบไม่มีที่สิ้นสุด โดยสามารถนำอานหลังออกเพื่อปรับแต่งให้เหลือเพียงที่นั่งเดียว ทั้งยังมีชุดแต่งออริจินัลจากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ที่คัดสรรมาให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นแครชบาร์ กันล้มป้องกันเครื่องยนต์ และกระจังครอบไฟหน้า
BMW R nineT Urban G/S พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคา 975,000 บาท ณ ผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดทั่วประเทศ

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 14 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก

ในปีพ.ศ. 2559 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์ 2.367 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 145,000 คันทั่วโลก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 122,244 คนทั่วโลก

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 โดยประกอบไปด้วยสามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล

ในปี 2559 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องด้วยยอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ จำนวน 7,923 คัน และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดได้สร้างสถิติใหม่ด้วยยอดขาย 1,819 คัน

ในปี 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เริ่มต้นศักราชใหม่ด้วยยอดขายในเดือนมกราคมซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ด้วยยอดรวมจากบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ 745 คัน ซึ่งเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 22% ในขณะที่ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด
ประเทศไทย มียอดขายเติบโตขึ้น 22% ในเดือนมกราคม 2560 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สร้างสถิติประสบความสำเร็จในฐานะตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดเป็นอันดับที่สามของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทั่วโลก

ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียน ที่ผ่านมา มีการลงทุนทั้งสิ้นกว่า 4.6 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก

ณ ปี พ.ศ. 2559 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 19 รุ่น ได้แก่
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 1, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Turismo, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7, บีเอ็มดับเบิลยู X1, บีเอ็มดับเบิลยู X3, บีเอ็มดับเบิลยู X4, บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ มินิ คันทรีแมน สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R, บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS, บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS, บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS, บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure, บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GT, บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 2 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e และบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sport

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 เป็นต้นมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังพัฒนาศักยภาพในการประกอบรถยนต์เพื่อรองรับการส่งออกรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ บีเอ็มดับเบิลยู X3 สู่ตลาดในประเทศจีนอีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1-800-269-269
www.bmw.co.th
www.mini.co.th
www.bmw-motorrad.co.th




[Advertorial]

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook