ห่างกันสักพัก อาจไม่ได้แย่อย่างที่คิด

“ห่างกันสักพัก” น่าจะเป็นช่วงที่คู่รักหลายคู่เคยประสบมาบ้าง บางคนอาจจะกลัวประโยคนี้ เพราะไม่รู้ว่า ไอ้คำว่า “สักพัก” นี่มันต้องนานแค่ไหน  และระหว่างที่ห่างกันนั้น ต่างคนต่างทำอะไรได้บ้าง

ผมเองก็เคยเจอช่วง “ห่างกันสักพัก” มาในชีวิต แต่ผมรับได้และมองว่าเป็นสิ่งที่คู่รักควรจะต้องเจออย่างน้อย 1 ครั้ง เพราะมันจะมีประโยชน์ในระยะยาว และน่าจะช่วยตอบคำถามหลายๆอย่างให้กับความสัมพันธ์ของคุณได้

การที่คู่รักสักคู่หนึ่ง ตัดสินใจว่าจะห่างกันสักพัก นั่นแสดงว่าจะต้องมีปัญหาเรื้อรังอะไรมาพอสมควร จนนำมาสู่หนทางแก้ปัญหาแบบนี้

จากประสบการณ์ตรงที่เจอมา เมื่อเราได้ลองใช้ชีวิตโดยไม่มีเขา ตัดสินใจทำอะไรโดยไม่มีเขา ไปไหนมาไหนโดยไม่มีเขา เราก็จะได้ศึกษาตัวเองว่าเรารับมันได้ไหม และจะทำให้เราได้คำตอบว่า “จริงๆแล้ว เรายังต้องการเขาในชีวิตอยู่ไหม?”

นอกจากนี้ เมื่อคุณสองคนห่างกันแล้ว ก็อาจได้ไปพบปะผู้คน เจอใครใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิต บางคนอาจจะกลัวว่าคนรักของเราอาจมีใครเข้ามาจีบ เข้ามาทำความรู้จัก

แต่สำหรับผม ผมไม่เคยกลัวเรื่องนั้นเลย ไม่ใช่เพราะความมั่นใจในตัวเอง แต่ผมมองว่ามันเป็นบททดสอบชั้นดี ที่จะได้รู้ว่าเราเหมาะสมกับเขาหรือไม่ เราดีพอหรือไม่  ถ้าเรายังไม่ดีพอ เขาก็คงไปมีคนใหม่ เป็นสิทธิ์ของเขา เราคงไปบังคับกันไม่ได้ เพราะทุกคนย่อมหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเองเสมอ

เช่นเดียวกันกับตัวคุณ ถ้ามีโอกาสเจอใครใหม่ขณะที่ยังอยู่ในช่วง”ห่างกันสักพัก”  คุณก็ควรใช้โอกาสนี้พิจารณาดูดีๆว่า คุณพร้อมจะโยนความรักเก่าทิ้งไปเพื่อเริ่มใหม่หรือเปล่า หรือคุณยังต้องการกลับไปหาคนเดิมของคุณอยู่

ไม่ว่าจะตัดสินใจแบบไหน ก็คงไม่มีถูกไม่มีผิด เพียงแค่คุณต้องยอมรับผลที่ตามมา แค่นั้นเอง

สำหรับผมแล้ว “การห่างกันสักพัก” สำคัญไม่แพ้ตอนที่อยู่ด้วยกันเลยด้วยซ้ำ เพราะผมเชื่อว่า เราจะรู้ว่าอะไรสำคัญหรือไม่สำคัญ เมื่อได้ลองอยู่โดยไม่มีมันสักพัก