:: เล่าประสบการณ์การทำคีเลชั่น (Chelation therapy) ::

:: เล่าประสบการณ์การทำคีเลชั่น (Chelation therapy) ::

:: เล่าประสบการณ์การทำคีเลชั่น (Chelation therapy) ::
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพราะร่างกาย รับสารพิษมาสะสมอยู่ตลอดเวลา
Chelation therapy (คีเลชั่น เทอราพี) สวยจากภายในสู่ภายนอก

 ทำไมถึงต้องทำ Chelation therapy

ปัจจุบันสภาวะแวดล้อมมีสารมลพิษอยู่มากมาย ทั้งใน อากาศ อาหาร น้ำ ดิน สารพิษเหล่านี้ เป็นตัวที่ก่อให้เกิดการอักเสบในบริเวณที่สารพิษเหล่านั้นสะสมอยู่ และเป็นตัวการที่ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระขึ้นในร่างกาย การดูดซึมสารพิษหลักๆ จากสาเหตุในข้างต้น มาจาก 3 ทางคือ ทางปาก หรือระบบทางเดินอาหาร ทางจมูก หรือระบบทางเดินหายใจ และทางผิวหนัง

นพ.สืบพงษ์ เอ่งฉ้วน ศัลยแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์ ผู้ก่อตั้ง Eternity Clinic (อีเทอร์นิตี คลินิก) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวสารพิษที่สะสมในร่างกาย ของคนเรา สามารถแยกออกมาได้หลายประเภทด้วยกัน ได้แก่

1. สารพิษจากยา / สารเคมี ได้แก่ สารพิษจากยา (แผนปัจจุบัน) สารปรุงแต่งในอาหาร (สี กลิ่น รส) ผงชูรส เครื่องสำอาง เช่น ลิปสติก ยาทาเล็บ แชมพู ยาย้อมผม ที่สามารถเข้าทางปาก ทางเล็บ ทางศีรษะที่ผ่านเข้าทางเส้นเลือดฝอย วิ่งตรงเข้าสู่ตับ เป็นต้น สารพิษเมื่อเข้าไปสะสมที่ตับจะทำให้ปวดเมื่อยร่างกาย ง่วงนอนบ่อย อ่อนเพลียง่าย ไม่มีแรง ขอบตาดำคล้ำ ผมร่วง เล็บเปราะเป็นต้น

2. สารพิษจากโลหะหนัก ได้แก่ สารพิษจากสารตะกั่ว โลหะหนัก ยาฆ่าแมลง (ดีดีที) ควันรถ ควันพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมน้ำประปาต้มโดยไม่ผ่านการกรอง เป็นต้น สารพิษประเภทนี้จะไปสะสมที่ตับเช่นกัน อาการที่แสดงให้เห็นจะมีอาการทางสมองร่วมด้วย เช่น สมองมึนงง เฉื่อยชา เป็นต้น

3. สารพิษจากฟอร์มาลีน ได้แก่ น้ำแข็ง อาหารทะเลแช่แข็ง ผักผลไม้ที่สดและกรอบเกินไป น้ำจากขวดพลาสติกที่ใช้ซ้ำๆ ภาชนะถ้วยชามพลาสติก/เมลามีน ถุงร้อนใส่กับข้าว มาใส่อาหารร้อนๆ จะก่อให้เกิดสารพิษประเภทฟอร์มาลีนสะสมซึมลึกในร่างกาย สารพิษประเภทนี้ จะทำให้เกิดอาการเวียนหัว หน้ามืดตาลาย ปวดท้องจี๊ดๆ มีเนื้องอกเปะปะ โดยเฉพาะในลำไส้ใหญ่ เกิดกรดไหลย้อน และเป็นอีกต้นเหตุหนึ่งของโรคมะเร็ง เป็นต้น

นพ.สืบพงษ์ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแพทย์แผนปัจจุบันล่าสุด ที่เป็นวิธีการล้างพิษ ในร่างกายของเราที่เรียกว่า “Chelation therapy (คีเลชั่น เทอราพี)” ซึ่งเป็นวิธีการขจัดของเสีย ออกจากร่างกายโดยเฉพาะโลหะหนัก ซึ่งใช้สารเคมีที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกายโดยผ่านกระบวนการต่างๆ ที่แพทย์แนะนำให้ใช้ตามความเหมาะสม

เช่น ผ่านการกิน (DMSA) ผ่านการเหน็บทางทวารหนัก และการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ สารประกอบทางเคมีที่ให้เป็นประเภทกรดอะมิโนที่เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ ซึ่ง EDTA ทำหน้าที่สำคัญในการจับสารโลหะหนักเช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู หรือแม้แต่แคลเซียมส่วนเกินซึ่งสะสมตกค้างในเนื้อเยื่อและพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือด ของเราแล้วขจัดสารโลหะหนักเหล่านี้ออกผ่านระบบปัสสาวะ ระยะเวลาในการให้น้ำเกลือ แต่ละครั้งประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง ระหว่างที่ให้น้ำเกลือสามารถพักผ่อน ดูโทรทัศ อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงได้ปกติ ภายหลังเสร็จการรักษาสามารถประกอบกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ได้เหมือนเดิม

โลกที่เต็มไปด้วยมลพิษ ทั้ง น้ำ และอากาศ ดิน อาหาร ทุกอย่างล้วนมี โอกาสที่จะปนเปื้อนสารพิษ โลหะหนักได้ สารพิษโลหะหนักพบได้ในวัสดุก่อสร้าง เครื่องสำอาง ยารักษาโรค อาหารที่ผ่านกระบวนการ ต่าง ๆ แหล่งเชื้อเพลิงผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสุขภาพ สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมถึงมนุษย์ ก่อให้เกิดความผิดปกติ ในการแบ่งตัวของเซลล์ทำให้ความสามารถในการ นำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายน้อยลง ส่งผลให้เกิดความเสื่อมสภาพ ของอวัยวะในร่างกายอย่างต่อเนื่อง

ผลลัพท์ของการทำ Chelation therapy

เป็นการลดสาเหตุที่ก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ ทั้งชายเเละหญิง ช่วยให้ร่างกายเเข็งเเรง สดชื่น ลดความเสี่ยง โรคร้าย มะเร็ง หลอดเลือดอุดตัน อีกทั้งยังช่วยในการล้างสารพิษโลหะหนัก ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ลดอาการ อักเสบของผิวหนัง ลดปริมาณการเกิดอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของการชราก่อนวัยอันควร ขจัดสารพิษตกข้างในร่างกายและระบบหลอดเลือด ที่สำคัญช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง รวมถึงการทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ลดอัตราเสี่ยงของหลอดเลือดแข็งอุดตันและตีบแคบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด และป้องกันโรคความเสื่อมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากระบบหมุนเวียนที่ไม่ดี

Chelation therapy เหมาะกับใคร ?

เหมาะแก่ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด เช่น อุดฟันด้วยโลหะ อมัลกัม มีไขมันในเส้นเลือดสูง มี oxidative stress (ระดับอนุมูลอิสระสูง) ที่ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ชราก่อนวัยอันควร เช่น ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ผู้ที่มีปัญหาพิษโลหะสะสม และปัญหาสารพิษอื่นๆ สะสมในร่างกาย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ การไหลเวียนเลือดบกพร่อง มีอาการเวียนหัวง่าย รวมทั้งผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น แม้กระทั่งผู้ที่แข็งแรงดี แต่ต้องการป้องกันตนเอง จากโรคมะเร็งและโรคเส้นเลือด ตีบตัน รวมทั้งต้องการกำจัดสารพิษและโลหะหนักออกจากตัว และ ต้องการรักษาสภาพ ของเส้นเลือดทั่วตัว ไม่ให้เกิดการอุดตันในอนาคต

- - - - - - - - - - - - - - - - - - -

คลิปเล่าประสบการณ์การทำคีเลชั่น
(https://www.youtube.com/watch?v=bp60GahhIyQ)

- - - - - - - - - - - - - - - - - - -

แม้จะเป็นการแพทย์แผนปัจจุบัน เป็นเทคนิคฟื้นฟูหลอดเลือด ช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ทำหน้าที่กำจัดสารพิษในร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยลดอัตราเสี่ยงของหลอดเลือด แข็งอุดตันและตีบทั้งในสมองและหัวใจ ลดระดับไขมันในเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยแก้ไขและบรรเทาอาการความดันโลหิตสูง เบาหวาน เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามหนุ่มๆสาวๆ ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้โดยเฉพาะ และรู้จริงเกี่ยวกับการนำเทคนิคมาใช้ในการรักษา เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ความสวยที่มั่นใจ และปลอดภัย อีกทั้งยังผ่านการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเป็นที่เรียบร้อย จึงนับเป็นการเปลี่ยนแปลงในวงการชะลอวัยอีกครั้ง ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

มีอะไรสอบถาม พูดคุย เพิ่มเติม ได้ที่ Fanpage นะคะ
เผื่อวาไม่ได้ย้อนมาเช็ค comment ครบทุกหน้าค่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook