17 สัญญาณเตือน อาการคนท้อง 1-2 สัปดาห์แรก สังเกตุอย่างไร ดูแลตัวเองยังไง?

17 สัญญาณเตือน อาการคนท้อง 1-2 สัปดาห์แรก สังเกตุอย่างไร ดูแลตัวเองยังไง?

17 สัญญาณเตือน อาการคนท้อง 1-2 สัปดาห์แรก สังเกตุอย่างไร ดูแลตัวเองยังไง?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รู้หรือไม่ว่า "อาการคนท้อง" ในช่วงเดือนแรกนั้น มีสัญญาณเตือนหลายอย่างที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ ผู้หญิงหลายคนอาจสับสนกับอาการก่อนมีประจำเดือน หรืออาการของโรคอื่นๆ บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัย พาคุณไปรู้จัก 17 สัญญาณเตือน "อาการคนท้อง" 1-2 สัปดาห์แรก หรือ อาการท้องอ่อนๆ พร้อมวิธีสังเกตุและดูแลตัวเองเมื่อมีอาการ

วิธีสังเกต อาการคนท้อง 1-2 สัปดาห์แรก

  • สังเกตุการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น ประจำเดือนขาด คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย เต้านมตึง อารมณ์แปรปรวน
  • จดบันทึกอาการต่างๆ
  • ตรวจสอบด้วยชุดตรวจการตั้งครรภ์
  • ปรึกษาแพทย์เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์

17 สัญญาณอาการคนท้อง ในช่วง 1-2 สัปดาห์

  1. ประจำเดือนขาด โดยปกติผู้หญิงจะมีประจำเดือนมาในระยะ 21-35 วัน และจะมาในเวลาใกล้เคียงกันในทุกๆ เดือน แต่ถ้าหากว่า มีอาการประจำเดือนขาด สำหรับคนที่ประจำเดือนมาปกติถ้าประจำเดือนที่เคยมาเป็นปกติขาดหายไป รอแล้วรอเล่าไม่มาสักที แสดงว่าคุณอาจจะกำลังมีการตั้งครรภ์ เพราะหลังจากการปฏิสนธิแล้ว ประจำเดือนจะขาดหายไป แนะนำให้ไปซื้อเครื่องตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจ

  2. มีตกขาวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากฮอร์โมนจะเริ่มเปลี่ยนแปลงในช่วงตั้งครรภ์ จึงทำให้มีการหลั่งของพวกสารต่างๆ รวมทั้งมีตกขาวในช่องคลอดเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นช่วงที่มีตกขาวเพิ่มมากขึ้น คุณแม่ตั้งครรภ์จะต้องหมั่นดูแลเรื่องความสะอาดให้ดี จะต้องล้างและซับให้แห้งสนิททุกครั้ง แต่ไม่ต้องใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นแต่อย่างใด เพราะอาจไปฆ่าเชื้อดีๆ ที่ช่วยป้องกันเชื้อร้ายออกไปได้ และที่สำคัญห้ามสวนล้างช่องคลอดเด็ดขาด

  3. เหนื่อยง่ายหายใจถี่ เนื่องจากตัวอ่อนที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องของคุณแม่นั้นมีความต้องการออกซิเจนจากคุณแม่ จึงทำให้คุณแม่หายใจถี่และรู้สึกเหนื่อยได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตมากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งมีแรงกดดันต่อปอดและกระบังลมของคุณแม่ไปด้วย

  4. มีอาการเริ่มคัดเต้านม ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่มือใหม่อาจมีอาการคัดเต้านม ซึ่งจะมีความคล้ายกับตอนมีประจำเดือน และสามารถสังเกตเห็นได้ว่าเต้านมจะมีขนาดใหญ่ รู้สึกหนัก รอบหัวนมจะมีสีคล้ำกว่าเดิม และบริเวณผิวหนังของเต้านมจะบางลงจนมองเห็นหลอดเลือดดำได้อย่างเด่นชัดมาก แต่อาการคัดเต้านมอาจลดน้อยลงหลังจากตั้งครรภ์ได้ประมาณ 3 เดือน

  5. รู้สึกเมื่อยล้าได้ง่าย การตั้งครรภ์ในไตรมาสแรกจะทำให้คุณแม่รู้สึกเมื่อยล้าได้ง่าย พร้อมทั้งมีอาการอ่อนล้าและหมดแรง แต่อาการคนท้องลักษณะนี้จะดีขึ้นเมื่ออายุตั้งครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่สอง

  6. เริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือ แพ้ท้อง โดยปกติเมื่ออายุครรภ์เข้าสู่สัปดาห์ที่ 6 คุณแม่ตั้งครรภ์จะเริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งอาการนี้จะดีขึ้นเมื่อการตั้งครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่สอง แต่ในบางรายจะพบกับอาการคนท้องดังกล่าวตั้งแต่รอบเดือนหายไป

  7. ปัสสาวะบ่อย เนื่องจากร่างกายที่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์จะมีการสร้างของเหลวมากขึ้นกว่าเดิม และเลือดเกิดการไหลเวียนมากขึ้น นั่นจึงส่งผลให้คุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการปวดปัสสาวะบ่อย

  8. อาจจะปวดหัวได้เป็นบางเวลา อาการปวดหัวถือเป็นหนึ่งในอาการคนท้องที่ถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์เลยก็ว่าได้ ซึ่งฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง ในส่วนของการใช้ยาคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

  9. เริ่มมีอาการปวดหลัง อาการปวดหลังคืออาการคนท้องที่เกิดขึ้นได้ตลอดการตั้งครรภ์ เพราะน้ำหนักตัวของคุณแม่เพิ่มขึ้น รวมทั้งศูนย์กลางของการทรงตัวของคุณแม่เปลี่ยนไปจากเดิม ส่งผลให้การยืน นั่ง หรือเดินเปลี่ยนแปลงไปด้วย

  10. ปวดเกร็งในช่องท้อง ในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่จะมีอาการปวดเกร็งในช่องท้องคล้ายกับตอนปวดประจำเดือน และหากมีอาการปวดหน่วงๆ เป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากการขยายตัวของมดลูก

  11. เริ่มต้นช่วงแรกจะมีอาการอยากกินอาหารรสเปรี้ยว ความอยากอาหารของคุณแม่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ โดยส่วนใหญ่จะต้องการอาหารรสเปรี้ยว และมักจะมีอาการคลื่นไส้เมื่อได้กลิ่นปลา

  12. มีอาการท้องผูก ฮอร์โมน progesterone จะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ ส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้อาหารย่อยได้ช้าและมีแก๊สอยู่ในกระเพาะอาหารเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้เกิดอาการท้องผูกได้อีกด้วย

  13. อารมณ์เสียง่าย หงุดหงิดได้ง่าย คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงและมักจะอารมณ์เสียง่าย เนื่องจากระดับฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งร่างกายพยายามปรับตัวเข้าสู่สมดุลใหม่

  14. อุณหภูมิในร่างกายสูง ร่างกายของคุณแม่จะมีอุณหภูมิสูง และรู้สึกร้อนได้ง่าย เนื่องจากร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงและใช้พลังงานมากขึ้นนั่นเอง

  15. มีความไวต่อกลิ่นเพิ่มขึ้นกว่าเดิม การตั้งครรภ์จะส่งผลให้คุณแม่มีความไวต่อกลิ่นเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่ากลิ่นนั้นจะมีกลิ่นหอมหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ก็ตาม

  16. เกิดอาการหน้ามืดและวิงเวียนศีรษะได้ง่าย น้ำตาลในเลือดหรือความดันโลหิตจะลดลงในช่วงตั้งครรภ์ นั่นจึงทำให้คุณแม่มีอาการหน้ามืดและวิงเวียนศีรษะได้ง่าย แนะนำให้คุณแม่หมั่นดื่มน้ำให้เพียงพอ จะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้ดี

  17. อาจจะมีเลือดออกกะปริดกะปรอย ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่จะมีเลือดออกกะปริดกะปรอยโดยที่ไม่มีอาการปวดเกร็งท้องเลย คุณแม่ควรสังเกตอาการให้ดี หากมีเลือดออกไม่หยุดควรรีบพบแพทย์ทันที

ตั้งครรภ์แล้วหรือยัง?

วิธีดูแลตัวเองเมื่อมี "อาการแพ้ท้อง"

เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์แล้ว ควรดูแลตัวเองให้แข็งแรง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์และการคลอด โดยควรปฏิบัติดังนี้

  • ทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นทานผักผลไม้ ธัญพืช โปรตีน และไขมันดี
  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ: ดื่มน้ำเปล่าวันละ 8 แก้ว เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: ‍เลือกออกกำลังกายแบบเบาๆ เช่น เดิน ว่ายน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่: การดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ส่งผลต่อทารกในครรภ์
  • ปรึกษาแพทย์: ‍ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับคำแนะนำเพิ่มเติม

สรุป

"อาการคนท้อง" 1-2 สัปดาห์แรก นั้น มีสัญญาณเตือนหลายอย่าง ผู้หญิงควรสังเกตุการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จดบันทึกอาการต่างๆ และตรวจสอบด้วยชุดตรวจการตั้งครรภ์ หากมี อาการเหล่านี้ควรดูแลตัวเองให้แข็งแรง ทานอาหาร ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเปล่า พักผ่อน ออกกำลังกาย และปรึกษาแพทย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook