อินไซต์ประสบการณ์ "ภาวะมีบุตรยาก" จากปากคุณแม่ลูกสองที่เคยเครียดเหมือนคนจะตาย

อินไซต์ประสบการณ์ "ภาวะมีบุตรยาก" จากปากคุณแม่ลูกสองที่เคยเครียดเหมือนคนจะตาย

อินไซต์ประสบการณ์ "ภาวะมีบุตรยาก" จากปากคุณแม่ลูกสองที่เคยเครียดเหมือนคนจะตาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ไม่มีใครเข้าใจเลยว่ามันเป็นความรู้สึกเราเหมือนคนจะตาย เหมือนเป็น The End of the World ในทุกครั้งที่ทำลูกแล้วไม่ติด เหมือนคนจะตาย เหมือนคนผิดหวัง เกิดมาแล้วไม่เคยรู้สึกดาวน์ขนาดนั้นเลย"

หนึ่งประโยคจุกอกคนฟัง จากปากคุณมิ้ลค์ กฤติยา คุณแม่ลูก 2 ที่เคยต้องเผชิญกับ "ภาวะมีบุตรยาก" (Infertility) กว่าจะวันนี้สำหรับเธอไม่ง่ายเลย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์เจริญก้าวหน้ามาถึงขั้นนี้

ครอบครัวคุณมิ้ลค์ กฤติยา

อีกหนึ่งมิชชั่นสำคัญของคู่สามีภรรยาหลังงานแต่งงานก็คือการให้กำเนิดลูกน้อย เพื่อเป็นโซ่ทองคล้องใจ แต่ผู้หญิงหลายคนอาจต้องท้อใจกับปัญหาการมีลูกยาก ล่าสุด Sanook! Women มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณมิ้ลค์ที่เคยทนทุกข์ทรมาณกับการมีลูกยากเป็นระยะเวลาปีครึ่ง เสียเงินไปเป็นล้าน แต่ไม่สำเร็จ วันนี้เธอจะมาเปิดเผยเบื้องหลัง ทุกขั้นตอน ทุกความรู้สึก กว่าจะได้ลูกน้อยสมใจ แถมคนที่ 2 ยังมาแบบธรรมชาติด้วย

ทราบได้อย่างไรว่าตัวเองอยู่ในภาวะมีบุตรยาก?

"แต่งงานมาสักพัก แล้วปล่อยมาประมาณปีถึงปีครึ่งค่ะ แต่ก็ยังไม่ท้องสักที ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจว่าเราเองก็สมบูรณ์ทุกอย่าง ตรวจสุขภาพแล้วก็สมบูรณ์ แต่ทำไมไม่ท้องสักที"

คุณมิ้ลค์มีลูกทั้งหมด 2 คน ทั้ง 2 คนมาจากการปรึกษาแพทย์ทุกคนเลยหรือเปล่าคะ?

"คนแรกทำ IVF (เด็กหลอดแก้ว) กับคุณหมอพูลศักดิ์ ไวความดี เป็นการทำ Blastocyst คือการเลี้ยงไข่จนถึงระยะเวลา 5 วัน แล้วจึงใส่ไข่กลับเข้าไป คนที่ 2 มาโดยธรรมชาติ แต่ก็คลอดกับคุณหมอพูลศักดิ์เช่นกัน"

ความรู้สึกหลังจากทราบว่ามีบุตรยาก?

"ตอนแรกไม่รู้เลยว่าเรามีบุตรยาก เพราะคิดว่าที่ไม่ท้อง อาจเพราะสามีอายุเยอะ เพราะอายุห่างกัน 11 ปี เราก็คิดว่ามันต้องเป็นความผิดปกติของสามี สเปิร์มเขาอ่อนแออะไรแบบนี้ เพราะตอนนั้น เราอายุประมาณ 26 -27 ปี เลยคิดว่าตัวเองสมบูรณ์"

วิธีและความพยายามในช่วงแรกที่จะมีบุตร คุณมิ้ลค์ได้ทดลองทำอะไรไปบ้าง?

"มิ้ลค์ก็ไปกินยาจีนสารพัดแล้วก็ไม่ท้องสักที ตอนหลังก็มาลองขั้นตอน IVF นี่แหละค่ะ แต่ก็ยังไม่ติดนะคะ ในช่วงแรกยังไม่ได้ทำกับคุณหมอพูลศักดิ์ ทำไปถึง 4-5 รอบ ก็ไม่ติด เราก็ไม่ทราบสาเหตุคุณหมอก็ไม่ได้แจกแจงว่าสาเหตุมันคืออะไรแค่บอกว่า ลูกค้ายังไม่พร้อม ทำไป 5 รอบไม่ติดก็เลยย้ายที่ มีคนแนะนำว่าไปหาคุณหมอพูลศักดิ์ พอมารอบแรกติดเลย"

"แล้วที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในภาวะมีบุตรยาก ก็เพราะคุณหมอดูวุ้นในไข่มิ้ลค์ เขาเจาะแล้วบอกว่าจริงๆ สเปิร์มของคุณสามีน่ะโอเค แต่ปัญหาคือไข่ของมิ้ลค์เอง เราคิดว่าผู้หญิงเรามีไข่ใบเดียวต้องสมบูรณ์ แต่กลายเป็นว่าเคสของมิ้ลค์ คือ วุ้นในไข่ไม่แข็งแรง ซึ่งคุณหมอให้รายละเอียดดีมาก จนเราเข้าใจว่า อ๋อ...แบบนี่เองเป็นเหตุผลที่เรามีบุตรยาก"

ลูกสาวทั้งสองคนของคุณมิ้ลค์

มีช่วงที่เครียดและท้อกับการพยายามมีลูกบ้างไหม แล้วตอนนั้นมีวิธีคิด หรือทำความเข้าใจอย่างไร?

"โอ้โห! ทุกครั้งเลยค่ะ คือไม่มีใครเข้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกเหมือนคนจะตาย เป็น The End of the World ในทุกครั้งที่ทำลูกแล้วไม่ติดค่ะ มันเหมือนคนจะตาย เหมือนคนผิดหวัง เกิดมาแล้วไม่เคยรู้สึกดาวน์ขนาดนั้น คือรู้สึกว่าเรามีพร้อมทุกอย่าง พูดง่ายๆ คือ เราหารายได้มาเพียงพอที่จะวางแผนครอบครัวมาล่วงหน้าอยู่แล้ว แล้วสิ่งนี้ (ลูก) เป็นสิ่งเดียวที่เราคาดหวังแล้วทำไมมันยากจังเลย คนอื่นดูมีเอามีเอา ยิ่งพอไม่ติดไข่หลุด ก็จะรู้สึกดาวน์ ยิ่งเครียด เป็นภาวะวิตก เครียดมากเป็นระยะเวลาปีครึ่งที่ไม่มีความสุขเลย แต่ช่วงนั้นสามีน่ารักและให้กำลังใจ บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเรามีกันใหม่ แล้วมิ้ลค์ก็ถามทุกคนที่มีลูก ว่าเขาทำอย่างไร คนก็แนะนำให้กินยาจีน มิ้ลค์กินยาจีนหมดเป็นล้านเลยนะ ไหนจะฝังเข็ม หมอแมะอีกไปทุกเดือน กระเพราปลาบำรุง คือทุกอย่างที่เขาบอกว่าดีแต่มิ้ลค์ก็ไม่ท้องสักทีจนเราท้อ สลับอยู่อย่างนี้กับการทำหลอดแก้ว ก็ไม่รู้เหตุผลเลยว่าทำไมไม่ติด"

สามีและคนใกล้ชิดช่วยหรือให้กำลังใจคุณอย่างไรบ้าง?

"สามีมีส่วนให้กำลังใจอย่างใกล้ชิดมาก เขาจะคอยบอกว่าไม่ต้องกดดัน ไม่เป็นไรเราอยู่กันสองคนก็ได้ ซึ่งบางครั้งการให้กำลังใจของเขาก็ทำเรายิ่งเครียด เขาจะบอกว่า ไม่เป็นไรนะ เราอยู่ด้วยกัน เรารักกัน เดี๋ยวพาไปกินข้าวอร่อยๆ แต่จริงๆ เราก็รู้ว่าในใจเขาอยากมีลูก เพราะตอนแต่งงานเขาก็อายุเยอะแล้ว และเป็นช่วงวัยที่เราพร้อมจะมีลูกแล้ว อายุเขาถึงวัยที่ควรจะมี บวกกับลูกๆ เพื่อนเขาก็โตกันหมดแล้ว เราก็ยิ่งเก็บมาเครียดเอง ภาวะกดดันมาตกที่ตัวเราเอง คือเรามีไข่แค่เดือนละใบแต่ผู้ชายมีสเปิร์มเป็นร้อยล้านตัว เพราะฉะนั้นก็รู้สึกมันไม่ใช่ความผิดของผู้ชาย เราก็ยิ่งเครียดๆๆ หลังๆ ก็มีช่วงมานั่งคุยกันว่าจะทำยังไงดี หรือเราไม่มีลูกก็ได้นะ สามีก็จะไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย (การมีลูก) พอเราผิดหวังกันเขาก็จะยิ้มแย้มรับตลอด ช่วยเหลือตลอด หันไปก็จะเจอแต่รอยยิ้ม"

ใช้เวลาอยู่นานไหมกว่าจะเริ่มคิดมีลูกด้วยการปรึกษาแพทย์?

"ตอนแรกที่ปล่อยให้มีน้องเองอยู่ปีครึ่งแต่ยังไม่ท้อง ก็เริ่มคิดข้ามขั้น เพราะมิ้ลค์เป็นคนเชื่อในพวกวิธีการทางวิทยาศาสตร์ วิทยาการสมัยใหม่มากๆ เลย เพราะว่าน้องสาวแท้ๆ ของมิ้ลค์ก็เป็นเด็กหลอดแก้ว มิ้ลค์ก็เลยค่อนข้างเปิดกับเรื่องอะไรแบบนี้ พอปีครึ่งไม่ติด ก็เริ่มปรึกษาคุณหมอแต่ยังไม่ใช่คุณหมอพูลศักดิ์นะคะเป็นอีกที่หนึ่ง"

ก่อนที่จะรู้จัก BDMS Wellness Clinic ได้ลองไปปรึกษาที่อื่นๆ บ้างไหม และเพราะอะไรจึงเลือกที่นี่ให้ดูแลเรื่องการมีลูกของเรา?

"ด้วยความที่ตัดสินใจไว เราไม่ได้ศึกษาอะไรมากมายก็ไปทำเลย พอไม่ติดเราก็ทำอีก ทำอีก เป็นเวลาเกือบสองปีที่มิ้ลค์วนเวียนอยู่กับการทำหลอดแก้วห้าครั้ง แล้วตอนหลังก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่ไปทำกับคุณหมอพูลศักดิ์ แล้วเขาก็มีลูกน่ารักมาก แล้วคลินิกคุณหมอพูลศักดิ์อยู่ใกล้กับคอนโด มิ้ลค์ก็เลยลองไปปรึกษาดู พอไปลองทำกับคุณหมอ ก็ติดในครั้งแรกเลย ทั้งที่เราผิดหวังมา 2 ปี ความรู้สึกเหมือนได้ของขวัญจากพระเจ้าเลย คุณหมอทำให้ดูง่าย เราสบายใจไม่เครียดเหมือนตอนทำกับที่เก่า พอคุณหมอย้ายคลินิก มิ้ลค์ก็ตามคุณหมอไป ประมาณว่าคุณหมอไปไหนก็ไปด้วย และที่ BDMS Wellness Clinic ก็กว้างขวาง สะดวกสบาย จอดรถง่าย"

เมื่อเข้ามารู้จักแล้ว คุณหมอแนะนำอย่างไรบ้าง?

"คุณหมอให้คำแนะนำละเอียดมาก คือตอนแรกเราไม่รู้สาเหตุเลยว่าเราเป็นอะไร คุณหมอก็อธิบายอย่างละเอียดและเป็นกันเอง ซึ่งคุณหมอก็อธิบายว่ามันไม่ใช่ความผิดจากผู้ชาย มันมีความผิดจากผู้หญิงด้วย ยกตัวอย่างเช่น วุ้นในไข่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราหาคำตอบมานานว่ามันเกิดจากอะไร หมอหลายๆ ท่านอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องลึกซึ้งที่เล่าไปคนไข้อาจจะไม่เข้าใจ แต่จริงๆ เราอยากได้คำตอบในด้านนี้ว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร แล้วกระบวนการอะไรที่จะเหมาะสมกับเรา คุณหมอพูลศักดิ์ให้รายละเอียดดีมากและเป็นกันเองด้วย ซึ่งทำให้มิ้ลค์สบายใจเวลาได้คุยกับคุณหมอ ซึ่งโดยทั่วไปคนไข้เวลาคุยกับคุณหมอทางด้านนี้ ส่วนมากจะเครียดค่ะ อย่างเวลาเราเข้าไปตรวจกับคุณหมอสูติฯ เราจะรู้สึกเกร็งและเครียด แต่กับคุณหมอพูลศักดิ์ไม่รู้สึกแบบนั้นค่ะ"

วิธีการของที่นี่ต้องทำอะไรบ้าง ต้องเจ็บตัว และใช้เวลานานไหมกว่าจะเห็นผล?

"ไม่เจ็บตัวเลย แค่นอนหลับแล้วเอาไข่ออก พอหายแล้ว ก็กลับบ้านได้ ตอนใส่ไข่ก็ไม่มีอะไรที่เจ็บเลยสำหรับมิ้ลค์นะ ตอนฉีดยากระตุ้นไข่ก็เบาๆ มีพยาบาลดูแลใกล้ชิด มือเบามาก ไม่เจ็บเลยสบายมาก ส่วนเรื่องเวลาขึ้นอยู่กับตัวเราเลย พอคุณหมอให้คำแนะนำ จากนั้นเริ่มกระบวนการก็ไม่นานค่ะ ประมาณ 15 วัน เรารอเลี้ยงไข่ แล้วพอเดือนหนึ่งก็ใส่ไข่ได้เลย คือ 1 รอบเดือนของผู้หญิงจะสามารถทำหลอดแก้วได้แล้ว 1 รอบ ไม่นาน ไม่ยากและไม่ซับซ้อนอย่างที่คิดค่ะ"

ช่วงที่เริ่มตั้งครรภ์ต้องดูแลเรื่องอะไรเป็นพิเศษอย่างไรบ้างไหมคะ?

"ก็ดูแลตัวเองดีๆ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ออกกำลังกายหนักเหมือนที่เคย ก็ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติค่ะ ทำตัวให้มีความสุข สบายๆ แค่นั้นเอง แล้วก็ทำงานปกติเลย"

หลังคลอดแล้วต้องดูแลตัวเอง หรือลูกๆ ในเรื่องใดเป็นพิเศษบ้างไหมคะ?

"เหมือนคนท้องปกติ ทั้งตัวน้องและตัวเรา น้องก็ออกมาทุกอย่างปกติหมดเลยค่ะ พัฒนาการของน้องดีและสมบูรณ์มาก ทั้งแข็งแรงและน่ารัก เพราะว่าไข่ที่คุณหมอคัดมาจะเป็นไข่ที่สมบูรณ์มากๆ เลยนะคะ แนะนำคนที่อายุเริ่มมาก ไข่จะมีความเสี่ยงเช่นเด็กที่เป็นดาวน์ซินโดรม เป็นโรคทางพันธุกรรมหรือผิดปกติแต่กำเนิด ในส่วนนี้เราสามารถตรวจคัดกรองก่อนได้"

"ส่วนน้องคนที่สองที่มาแบบธรรมชาติก็ต้องยกความดีความชอบให้คุณหมอเช่นกัน เพราะว่าหลังคลอดคุณหมอยังดูแลใกล้ชิดและให้ทานวิตามินเหมือนเดิม เพราะเรามีช่วงให้นมก็ยังต้องทานวิตามิน ทานแคลเซียมที่บำรุงสำหรับคุณแม่เพิ่งคลอด ก็เป็นช่วงที่ร่างกายเราสมบูรณ์ จากที่ท้องคนแรกมิ้ลค์ท้องคนที่สองห่างกันแค่แปดเดือน ท้องทันทีเลย อาจเป็นเพราะคุณหมอปรับให้มดลูกเราสมบูรณ์มาเรียบร้อยแล้วก็เลยท้องคนที่สองได้โดยธรรมชาติ ฟลุ๊คมาก 8 เดือนเรายังให้นมคนแรกอยู่เลย คุณหมอดูแลให้เราสมบูรณ์มากๆ เขาต้องมั่นใจว่าเราสมบูรณ์จริงถึงจะเริ่มกระบวนการเด็กหลอดแก้วนะคะ ซึ่งตรงนี้แต่ละคนก็จะไม่เท่ากัน แต่ตรงนี้เราไม่ต้องคิดอะไร คุณหมอจะคิดให้เราเอง ดูแลเราเอง เราแค่ทำตาม ไม่ต้องเครียด"

หลายคนกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการที่จะมีบุตร โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในภาวะมีบุตรยาก คุณมิ้ลค์มีคำแนะนำในเรื่องนี้อย่างไรบ้างคะ?

"ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงนิดนึง แต่ปัจจุบันถูกกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะว่าสมัยนี้ วิทยาการมันเยอะขึ้น แต่เมื่อเทียบผลลัพธ์กับค่าใช้จ่าย มิ้ลค์คิดว่าผลลัพธ์มันคุ้มค่ากว่าเยอะเหมือนได้ของขวัญจากพระเจ้ามาหนึ่งคน เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายแล้วมันคนละเรื่องเลยค่ะ มัน Affordable อยู่แล้วสำหรับคนที่เตรียมตัวทางด้านการเงินหรือทุกอย่างเพื่อจะมีบุตร และราคาก็ไม่ได้สูงขนาดที่ทุกคนคิด"

มีคำแนะนำสำหรับครอบครัวที่มีลูกยาก อย่างไรบ้างคะ?

"จริงๆ ปัจจุบันมิ้ลค์เองก็เห็นคนรอบข้างหลายคน มีบุตรยาก มาจากสภาวะความเครียด การทำงาน ส่วนมากยิ่งคนที่พร้อม สังเกตว่าจะมีบุตรยากมาก สาเหตุหลักๆ เอาจากตัวมิ้ลค์เองก็เพราะว่าเครียด ซึ่งตัวเองก็ไม่รู้ตัว เขาเรียกว่าเครียดแอบแฝง เราคิดว่าตัวเราสบายๆ แต่จริงๆ ทุกวันในความคิดของเรามันคือความเครียด ตรงนี้แหละที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก แต่ถ้าเราปล่อยวางสบายๆ แต่งงาน ไปเที่ยว ใช้ชีวิตประจำวันโดยที่ไม่คิดหรือไม่โฟกัสกับเรื่องนี้มากจนเกินไป ลูกก็จะมา แต่ถ้าผ่านไป 1-2 ปี แล้วยังไม่มา นั่นแปลว่าเราเข้าสู่สภาวะมีบุตรยากแน่นอน เราก็ต้องพึ่งวิทยาการทางการแพทย์หาสาเหตุว่าต้นตอของการมีบุตรยากของเรามันคืออะไร ซึ่งแน่นอนว่าคุณหมอสามารถช่วยให้คำตอบได้ชัดเจน บวกกับเทคโนโลยีที่มีด้วยค่ะ"

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ อินไซต์ประสบการณ์ "ภาวะมีบุตรยาก" จากปากคุณแม่ลูกสองที่เคยเครียดเหมือนคนจะตาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook