อยากให้ เซ็กซ์ มีความสุข ต้องไม่ลืมเช็กลิสต์ 7 เรื่องนี้ก่อนขึ้นเตียง

เซ็กซ์ เป็นความสุขตามธรรมชาติอย่างหนึ่งของคนเรา แต่ถ้าอยากให้ เซ็กซ์ มีความสุข อย่างแท้จริง ต้องไม่ลืมดูแลร่างกายตัวเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นการคุมกำเนิดหรือการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ร่างกายของเรา เราต้องดูแล และนี่คือเช็กลิสต์ 7 ประการที่ทั้งสาวและหนุ่มต้องช่วยกันเตือนใจก่อนจะจูงกันขึ้นเตียง

1. ถุงยางอนามัย พร้อมไหม

ถุงยางอนามัย นอกจากจะช่วยคุมกำเนิดแล้วยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย การสวมถุงยางอนามัยคุณผู้ชายต้องตรวจสอบให้ดีว่าใช้ถุงยางอนามัยถูกไซส์หรือเปล่า ถุงยางอนามัยในประเทศไทยมี 3 ขนาดคือ 49 52 และ 56 มิลลิเมตร จำเป็นมากที่ต้องใส่ถุงยางอนามัยให้ถูกไซส์ เพราะถ้าถุงยางหลวมเกินไป หรือคับเกินไป อาจทำให้ถุงยางฉีกขาดหรือถุงยางหลุดขณะมีเพศสัมพันธ์ การหาขนาดที่เหมาะสมนั้นทำได้โดยให้คุณผู้ชายวัดขนาดอวัยวะเพศตอนที่แข็งตัวเต็มที่ วิธีคำนวณคือวัดเส้นรอบวงว่าได้กี่มิลลิเมตร และเอามาหาร 2 จึงจะได้เป็นขนาดถุงยางอนามัยที่เหมาะสม สิ่งที่ควรระวังคือชายไทยหลายคนชอบวัดความยาว ไม่ได้วัดเส้นรอบวง ซึ่งนั่นจะทำให้ได้ขนาดที่ผิดพลาดได้ ถุงยางอนามัยสำคัญมาก หากต้องการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไม่มีโรคและช่วยป้องกันการตั้งครรภ์

2. ยาคุมกำเนิด กินอยู่หรือเปล่า

ยาคุมกำเนิดไม่ได้ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ช่วยป้องกันไม่ให้ตั้งครรภ์ สาวๆ ที่ต้องการมีเซ็กซ์เพื่อเซ็กซ์ ไม่ได้เพื่อมีลูก ก็ต้องใส่ใจเรื่องยาคุมกำเนิดไว้เสมอ ข้อควรระวังคือเรื่องยาคุมฉุกเฉิน สาวๆ ต้องไม่ใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นประจำ เพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกาย ยาคุมฉุกเฉินมี 2 เม็ด ในแต่ละเม็ดมีฮอร์โมนคือ ลีโวนอร์เจสเตรล (levonorgestrel) เม็ดละ 750 ไมโครกรัม ซึ่งเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ มีคุณสมบัติป้องกันภาวะตกไข่ หรือทำให้ของเหลวในช่องคลอดเหนียวขึ้นเพื่อป้อนกันไม่ให้อสุจิเข้ามาผสมกับไข่ การกินยาคุมฉุกเฉินอาจมีผลข้างเคียง ดังนั้นจึงควรใช้ยาคุมฉุกเฉินในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น และควรอยู่ในการดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร

3. ออรัลเซ็กซ์ ต้องไม่ลืมป้องกัน

บางคนคิดว่าแค่ออรัลเซ็กซ์คงไม่เป็นไร เพราะไม่ได้สอดใส่ จึงไม่เสี่ยงที่จะติดโรคทางเพศสัมพันธ์ แต่ความจริงแล้วการออรัลเซ็กซ์ก็เสี่ยงติดโรคได้หากไม่ใช้ถุงยางอนามัย เนื่องจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเอดส์ จะติดต่อทางเลือด หากคู่รักมีแผลในปาก ก็เสี่ยงที่จะติดโรคเอดส์ การทำออรัลเซ็กซ์ให้ฝ่ายชายจึงควรให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัย จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ หรืออาจใช้ Dental Dam หรือแผ่นยางอนามัย ที่ออกแบบมาสำหรับใช้กับกิจกรรมนี้โดยเฉพาะก็ได้

4. วันหมดอายุถุงยางอนามัย อย่าลืม

เหนือกว่าถุงยางรั่วคือถุงยางหมดอายุ ก่อนมีเพศสัมพันธ์จำเป็นมากที่จะต้องดูวันหมดอายุข้างกล่องถุงยางอนามัยด้วย เพราะว่าถ้าถุงยางอนามัยหมดอายุ ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดก็ลดลง แถมยังเสี่ยงถุงยางรั่ว จนทำให้ตั้งครรภ์ หรือติดต่อโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้น ต้องดูให้ดีๆ ถึงแม้จะอุ่นใจว่ามีถุงยางอนามัย แต่ต้องดูด้วยว่าหมดอายุแล้วหรือยัง

5. ล้างมือให้สะอาด

เวลาทำกิจกรรมร่วมกันก็คงหนีไม่พ้นการใช้มือ หรือถ้าใครจะมาแนวโซ่ แซ่ กุญแจมือ ถูกล็อกไว้กับเตียงก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะร่วมรักกันอย่างไร ก็ต้องไม่ลืมที่จะล้างมือก่อนทุกครั้ง เพราะในหนึ่งวันไม่รู้ว่ามือของเราไปสัมผัสกับอะไรมาบ้าง และยิ่งถ้าไม่ล้างมือก่อนมีเพศสัมพันธ์ แล้วมือไปสัมผัสกับจุดบอบบางต่างๆ เช่น ในช่องปาก อวัยวะเพศ ในช่องคลอด ก็เหมือนเป็นการพาเชื้อโรคไปส่งถึงที่ เพียงแค่ล้างมือให้สะอาดก็ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ ได้แล้ว

6. แปรงฟันก่อนดีไหม

หลังจากมีเพศสัมพันธ์กับแฟน หลายคนได้ของแถมเป็นอาการคันที่อวัยวะเพศ ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากเรื่องเล็กๆ อย่างการไม่ได้แปรงฟันก่อนมีเพศสัมพันธ์ การแปรงฟันก่อนมีอะไรกับแฟนจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ เพราะในช่องปากของคนเรามีแบคทีเรียมากกว่า 500 ชนิด หากทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงออรัลเซ็กส์ให้กันโดยที่ไม่ได้แปรงฟัน แบคทีเรียและเชื้อโรคที่อยู่ในช่องปากจะทำให้เกิดโรคตามมา เช่น คันอวัยวะเพศเนื่องจากติดเชื้อในช่องคลอด หรือเป็นโรคเริมที่อวัยวะเพศชาย

7. ใส่ใจกับของเล่นเซ็กซ์

ของเล่นผู้ใหญ่ จะไม่สนุกแน่ถ้าทำให้เราสุขภาพแย่ลง การใช้ของเล่น เช่น ดิลโด้ เวลามีเซ็กซ์ คู่รักต้องระวังเรื่องความสะอาด เพราะเชื่อว่าเวลาเราเก็บของเล่นเหล่านี้เราจะเก็บไว้ในที่มิดชิด อับชื้น ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรค ดังนั้น จงอย่าวางใจว่าของเล่นที่เก็บไว้ในกล่องอย่างดีจะสะอาด ก่อนนำมาใช้ควรทำความสะอาดก่อนทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่อาจรวมถึงโรคทั่วๆ ไปอย่าง ไข้หวัด ติดเชื้อแบคทีเรีย คู่รักต้องระวังให้ดี ของเล่นที่ไม่สะอาดอาจทำให้เกิดโรคได้ Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด