เห็นกันจะจะกลางแม่น้ำโขง..บั้งไฟพญานาค 46

กระแสเสียงถกเถียงเรื่องราวที่ยังคงเป็นปริศนา เกี่ยวกับลูกไฟสีแดงพุ่งทะยานขึ้นมาจากกลางแม่น้ำโขง ในคืนวันออกพรรษา ในเขต จ.หนองคาย ยังคงกึกก้องหนาหูเป็นประจำอยู่ทุกปี แม้ที่ผ่านมาจะมีคนหลายกลุ่มพยายามพิสูจน์ปริศนาเรื่องนี้ให้คลี่คลายหายสงสัย แต่ก็ดูเหมือนไม่มีใครกล้าสรุปอย่างเต็มปากเต็มคำ

วันนี้สบายดอทคอม ในฐานะสื่อที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการนำเสนอข้อมูลท่องเที่ยว ขอมีส่วนร่วมในการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ต้องขอออกตัวก่อนครับว่า การที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาผมไม่มีเจตนาสรุปว่า ลูกไฟสีแดงที่พุ่งขึ้นมา หรือที่เรียกกันว่า บั้งไฟพญานาค นี้นั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ผมเพียงแต่ต้องการรายงานภาพบรรยากาศ ที่มีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมารอคอยปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์ในคืนวันออกพรรษา ที่ริมแม่น้ำโขง จ.หนองคาย

10 ตุลาคม 2546 จ.หนองคาย เมืองที่ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่ต่างมารอคอยชมปรากฏการณ์อัศจรรย์ ผมขอชมเชยครับว่า ในปีนี้ทางจังหวัดได้มีการวางแผน และการจัดการ เพื่อรองรับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากนักท่องเที่ยวได้อย่างดีเยี่ยม การจราจรที่ประสบปัญหาเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้ได้มีการจัดการที่ดีขึ้น มีการระดมกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาช่วยในเรื่องการจราจร มีการายงานสภาพการจราจรผ่านสถานีวิทยุท้องถิ่น ด้านที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ถึงแม้ทุกโรงแรม และรีสอร์ททุกแห่งจะเต็มหมด ก็ยังมีวัด และโรงเรียน คอยรองรับอย่างสะดวกสบาย อาหารการกินก็มีให้เลือกมากมายตลอดเส้นทางในราคาประหยัด

ในที่สุดก็เห็นในสิ่งที่อยากจะเห็น บ้านน้ำเป อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ดูเหมือนจะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวเลือกมาปักหลักรอคอยปรากฏการณ์ กันมากที่สุด ด้วยเหตุที่ว่าในทุกๆ ปี ณ บ้านน้ำเป แห่งนี้จะมีลูกไฟพุ่งขึ้นมาเป็นจำนวนมากกว่าจุดอื่น ในวันนั้นบ้านของชาวน้ำเปเกือบทุกหลังคาเรือน จะกลับกลายเป็นร้านค้าย่อมๆ กันหมด

เกือบ 19.00 น. ถึงเวลาพลบค่ำ นักท่องเที่ยวต่างใจระทึกจดจ้องไปที่จุดเดียวกันคือในสายแม่น้ำโขง ขณะที่ผมกำลังหาทำเลเพื่อตั้งกล้องถ่ายภาพอยู่นั้น ก็มีเสียงเฮลั่น จากผู้คนดังสนั่น เป็นเสียงที่แสดงถึงความดีอกดีใจ ที่ได้เห็นลูกไฟดวงแรกพุ่งทะยานขึ้นมา ในตอนนี้นั้นหลายคนเริ่มโจทย์กันถึงที่มาของลูกไฟประหลาด

การเฝ้ารอปรากฏการณ์ ลูกไฟมหัศจรรย์ เริ่มสนุกและเข้มข้น ผู้คนเริ่มหลั่งไหลกันมามากขึ้น เขื่อนซีเมนต์ที่สร้างไว้เพื่อกันดินริมตลิ่งพังทลาย และอีกประโยชน์หนึ่งเพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้เป็นที่นั่งคอยชมปรากฏการณ์ เต็มแน่นขนัดในเวลาอันรวดเร็ว อากาศในยามค่ำแทนที่จะเยือกเย็น กลับร้อนระอุไปทั่วบริเวณ ผมเองต้องย้ายทำเลไปอยู่ด้านตะวันออกสุด ซึ่งมีผู้คนน้อยกว่า

ผมรู้สึกว่าการถ่ายภาพปรากฏการณ์ประหลาดนี้นั้น เป็นการถ่ายภาพที่ยากอย่างยิ่ง ผมเคยถ่ายภาพพลุ หรือดอกไม้ไฟมาบ้าง ผมว่าง่ายกว่าการถ่ายภาพในครั้งนี้ เพราะไม่มีใครสามารถเดาได้เลยว่าลูกไฟประหลาดจะพุ่งขึ้นมาจากจุดไหน การตั้งกล้องวีดีโอไว้าจจะพลาดเป้าหมายได้ สุดท้ายผมต้องถือกล้องวีดีโออยู่ตลอดเวลา เพื่อจะได้แพลนกล้องตามเป้าหมายได้ทัน

ผมเชื่อว่าลูกไฟประหลาด พุ่งขึ้นมาจากในแม่น้ำโขงจริง ไม่ใช้คนที่ฝั่งลาวจุดดอกไม้ไฟ (เป็นความเห็นส่วนตัว) มีอยู่ลูกหนึ่งที่ผมมีโอกาสได้เห็น ในตอนนั้นแสงจากดวงจันทร์สว่างพอให้เก็นน้ำกระเพื่อมเป็นคลื่นเพราะลูกไฟได้พุ่งทะยานขึ้นมา ในขณะที่พ้นผิวน้ำลูกไฟยังคงไม่มีแสง แต่เมื่อลอยขึ้นไปได้สักประมาณ 10 เมตร จะเกิดเป็นแสงสีแดง พุ่งสูงขึ้นไป ลูกไฟลูกนี้ผมและคนอื่นๆ ที่อยู่รอบข้างต่างลงความเห็นเดียวกันว่า พุ่งขึ้นมาจากในน้ำแน่นอน

เสียดายที่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผมลงเรือไปด้วย เพราะเกรงปัญหาเรื่องความปลอดภัย ด้วยเรือของเจ้าหน้าที่ลำเล็กมาก และเป็นเวลากลางคืน ไม่มีใครรับรองความปลอดภัยให้ได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

สำหรับผมแล้ว ผมไม่รู้ว่าลูกไฟประหลาดนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และทำไมต้องมาเกิดขึ้นมากหลายลูกในวันออกพรรษา 99 % ตอนนี้ผมมั่นใจว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติแน่นอน อีกมุมหนึ่งในด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ผมคิดว่าเป็นเรื่องดี และก็อยากให้เรื่องนี้ยังเป็นความลับต่อไป เพื่อที่ให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปชมความมหัศจรรย์นี้ต่อไป

นุ บางบ่อ

ขอขอบคุณ ศรีสุวรรณธุรกิจ จ.หนองคาย เอื้อเฟื้อ สถานที่พัก