แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ของประเทศไทยในเวลานี้จะค่อนข้างสาหัส โดยข้อมูลล่าสุดวันที่ 29 กรกฎาคม 64 พบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงถึง 17,669 ราย และเสียชีวิต 165 ราย อีกทั้งยังมีพื้นที่ที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอยู่อีก 13 จังหวัด แต่ด้วยภาคการท่องเที่ยวจำเป็นต้องรีบกลับมาเปิดให้เร็วที่สุด เพื่อกู้เศรษฐกิจในประเทศ จึงมีแผนการเปิดประเทศออกเป็น 4 ระยะ บางส่วนเปิดบริการแล้ว บางส่วนเตรียมเปิดบริการ และบางส่วนต้องรอประเมินสถานการณ์ ดังนี้
อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลานี้ มีที่ไหนบ้างที่เปิด (และเตรียมเปิด) รับนักท่องเที่ยวด้วยโมเดลแซนด์บ็อกซ์ตามแผนการเปิดประเทศบ้าง หลังจากที่อยู่ครบกำหนดแล้วสามารถเดินทางไปที่ไหนได้บ้าง รวมถึงมีการกำหนดเงื่อนไขของนักท่องเที่ยวไว้อย่างไร Tonkit360 รวบรวมข้อมูลมาให้ดังนี้
เป็นจังหวัดนำร่องโมเดลเปิดเมืองแบบ Phuket Sandbox (ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์) ซึ่งเป็นนโยบายการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในไทยแบบบินตรงภูเก็ตโดยไม่ต้องกักตัว โดยระหว่างนี้จะเที่ยวที่ไหนก็ได้ แต่ต้องอยู่เฉพาะในภูเก็ตเท่านั้นเป็นเวลา 14 วัน หลังจากนั้นถึงจะเดินทางข้ามจังหวัดได้ โดยโมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เปิดรับนักท่องเที่ยวมาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 64
สำหรับแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติที่สำคัญในจังหวัดภูเก็ตที่ขานรับนโยบายนี้ มีจำนวน 4 แห่ง ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติสิรินาถ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาโต๊ะแซะ และสถานแสดงพันธุ์พืชน้ำภูเก็ต ซึ่งทั้ง 4 แห่งได้รับการรับรองตามมาตรฐาน SHA+ เรียบร้อยแล้ว
ในวันที่ 25 ก.ค. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้รายงานความคืบหน้าตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ระหว่างวันที่ 1-24 ก.ค.64 เป็นเวลา 24 วัน มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภูเก็ตแล้ว 10,849 คน และตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาแต่ละวันก็มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างในวันที่ 24 ก.ค. เพียงวันเดียวมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 640 คน จำนวน 7 เที่ยวบิน
ในส่วนการจองห้องพักโรงแรม Sha+ ยอดจองได้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดยยอดจองระหว่างเดือนก.ค.-ก.ย. 64 อยู่ที่ 267,755 คืน แบ่งเป็นเดือนก.ค. จำนวน 192,415 คืน เดือนส.ค.จำนวน 70,256 คืน และเดือนก.ย.จำนวน 5,084 คืน
เมื่อโมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จ ซึ่งเมื่อนักท่องเที่ยวอยู่ในภูเก็ตครบ 14 วัน พบว่ามีการเดินทางจากภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องอื่น ไปยังจังหวัดต่าง ๆ สูงสุด 5 อันดับแรก คือ จ.สุราษฎร์ธานี จ.พังงา จ.กระบี่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.ชลบุรี ตามลำดับ
หลังจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ก็ต่อด้วย “สมุย พลัส โมเดล” ของจ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเปิดรับนักท่องเที่ยววันแรกเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา สมุย พลัส โมเดลเปิดรับนักท่องเที่ยว 3 เกาะ ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า อย่างไรก็ดี พบว่ายังมีนักท่องเที่ยวมาไม่มาก อาจเพราะมีการเปิดเร็วขึ้นกว่าไทม์ไลน์เดิม ที่จะเปิดในเดือนต.ค.
ในวันที่ 26 ก.ค. มีรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเกาะสมุย พบว่า 12 วันหลังเปิดโครงการ มีนักท่องเที่ยวสะสมเพียง 64 คน มีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการในวันที่ 26 ก.ค. จำนวน 12 คน แต่มีนักท่องเที่ยวที่มาจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (ไปภูเก็ตก่อนแล้วค่อยมาสมุย) สะสมจำนวน 158 คน
2 จังหวัดที่เตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่อจากภูเก็ตและเกาะสมุย คือ จ.กระบี่และจ.พังงา โดยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 ส.ค. ที่จะถึงนี้ นำร่องเปิด 3 แหล่งท่องเที่ยวในกระบี่ ได้แก่ เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เลย์ และ 3 แหล่งท่องเที่ยวในพังงา ได้แก่ เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ในรูปแบบ 7+7 ซึ่งเป็นการเดินทางท่องเที่ยวเส้นทางเดียวกันที่เชื่อมโยงกับจังหวัดภูเก็ตและพื้นที่นำร่องที่เปิดไปแล้ว
โดยจะมีมาตรการผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นเวลา 7 วันสามารถเดินทางท่องเที่ยวและต้องพำนักในพื้นที่อื่นอีกเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วันหลังจากนั้น ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) จ.กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เลย์) และจ.พังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่)
และอีก 1 จังหวัดที่เตรียมเปิดแซนด์บ็อกซ์รับนักท่องเที่ยว คือ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ ภายใต้โครงการ Charming Chiang Mai Sandbox โดยจะดำเนินการในพื้นที่นำร่อง 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง และอ.ดอยเต่า คาดว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 ส.ค. ที่จะถึงนี้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี เชียงใหม่แซนด์บ็อกซ์จะแบ่งระบบการท่องเที่ยวออกเป็น 2 ระบบ คือระบบ Sandbox สำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ และระบบ Sealed Route เพื่อควบคุมนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ท่องเที่ยวได้ตามเส้นทางที่กำหนดเท่านั้น ไม่อนุญาตให้เดินทางอย่างอิสระ และมีระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรการ Standard Operation Procedures (SOP) ร่วมมือกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับมาตรฐาน SHA หรือ SHA+ นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายที่จะเปิดให้ท่องเที่ยวทั้งจังหวัด (25 อำเภอ) ภายใน 15 ต.ค. 64
ณ ขณะนี้พื้นที่กรุงเทพมหานคร และอีก 12 จังหวัด รวม 13 จังหวัด เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม (พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด) ประกอบด้วยกรุงเทพฯ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี นครปฐม นนทบุรี นราธิวาส ปทุมธานี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา ยะลา สงขลา สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ซึ่งมีมาตรการที่เข้มงวดมากในการลดการเดินทางในพื้นที่และงดการเดินทางข้ามจังหวัด เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โดยมีการระงับเที่ยวบินเข้าออก 13 จังหวัดนี้
ทั้งนี้ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ยังมีเส้นทางบินที่เปิดให้บริการตามปกติจากกรุงเทพฯ ไปเกาะสมุย ภายใต้มาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยสูงสุด ได้แก่ เส้นทางกรุงเทพฯ-สมุย (ไป-กลับ) ที่รองรับเฉพาะผู้โดยสารที่ต่อเครื่องมาจากต่างประเทศ ให้บริการวันละ 3 เที่ยวบิน
อีกทั้งภายในพื้นที่สีแดงเข้มยังมีการปิดสถานที่ และงดการดำเนินกิจกรรมที่เสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะฉะนั้น ไม่เพียงแต่เข้ากรุงเทพฯ ไม่ได้ในช่วงเวลานี้ ถึงจะมาได้ก็ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวใดเปิดให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบอยู่ดี ดังนั้น หากจะเข้าพื้นที่กรุงเทพฯ จึงต้องรอเวลาอีกสักระยะ แต่คาดว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทันกำหนดเดิมวันที่ 1 ต.ค. 64 หลังจากนี้ให้ติดตามมาตรการและเงื่อนไขในการเข้าพื้นที่อีกครั้ง
เป็นอีก 1 พื้นที่ที่อยู่ในแผนเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยว หากโมเดลภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สามารถดำเนินไปได้ด้วยดี โดยจะใช้ชื่อโมเดลว่าเกาะล้านแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งแผนเดิมคือในวันที่ 1 ต.ค. 64 แต่ ณ ขณะนี้ จ.ชลบุรีก็เป็น 1 ในพื้นที่สีแดงเข้ม ที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเช่นเดียวกับกรุงเทพฯ หลังจากนี้ให้ติดตามมาตรการและเงื่อนไขในการเข้าพื้นที่อีกครั้ง
หลักเกณฑ์ทั่วไปในการเข้าพื้นที่แซนด์บ็อกซ์
อ้างอิงจากพื้นที่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เงื่อนไขของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าพื้นที่ได้มีอะไรบ้าง
1. เดินทางมาจากประเทศความเสี่ยงต่ำหรือความเสี่ยงปานกลางตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด
2. มีหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry-COE) ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศ
3. ได้รับวัคซีนตามกำหนดครบโดสตามประเภทวัคซีน อย่างน้อย 14 วันแต่ไม่เกิน 1 ปี ก่อนการเดินทาง และมีเอกสารรับรองการได้รับวัคซีน (Vaccine Certificate) จากประเทศต้นทาง โดยวัคซีนที่ฉีดจะต้องขึ้นทะเบียนตามกฎหมายของประเทศไทย หรือเป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรองโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) เรียบร้อยแล้ว กรณีเด็กอายุไม่เกิน 6 ปีเดินทางเข้ามาพร้อมกับผู้ปกครองได้
4. มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ใช่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 (ตรวจเชื้อด้วยวิธีการ RT-PCR หรือเก็บสารคัดหลั่งทางเดินหายใจส่วนบนของผู้สงสัยติดเชื้อไวรัสโควิด-19) ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง เด็กที่อายุระหว่าง 6-18 ปี จะต้องได้รับการตรวจเชื้อเช่นกัน
5. กรณีเคยติดเชื้อต้องได้รับวัคซีนตามกำหนดตามประเภทวัคซีนอย่างน้อย 14 วัน
6. ต้องมีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาล (รวมการรักษาโควิด-19) ในวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
7. จะต้องมีการติดตั้งแอปพลิเคชันแจ้งเตือน
8. จะต้องรายงานตัวและรับการตรวจเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข
9. สามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยวได้ภายใต้มาตรการป้องกันตามมาตรฐาน D-M-H-T-T-A