:: 3 วัน 2 คืน สดชื่นรับฝน ที่ภูแก้วรีสอร์ท เขาค้อ ::

:: 3 วัน 2 คืน สดชื่นรับฝน ที่ภูแก้วรีสอร์ท เขาค้อ ::

:: 3 วัน 2 คืน สดชื่นรับฝน ที่ภูแก้วรีสอร์ท เขาค้อ ::
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สวัสดีค่ะทุกท่าน Blog นี้วาจะพาไปเที่ยวเขาค้อกัน ที่เขาค้อเย็นสบายตลอดปี
ถ้าหน้าฝนก็มีหมอก หน้าหนาวก็หนาวเว่อร์ วามีโอกาสได้ไปเยือนแบบเต็มรูปแบบ
ชม ชิม ช๊อป ครบเว่อร์ เลยจะเอามาเล่าสู่กันฟังนะคะ
ออกเดินทางจากกรุงเทพเช้าตรู่ ไปถึงแถวๆ อำเภอศรีเทพ เราก็แวะไปเที่ยวที่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
 

เป็นโบราณสถานสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบูรณ์ อุทยานมีพื้นที่ครอบคลุมโบราณสถาน
ในเมืองเก่าศรีเทพ  ศรีเทพเป็นเมืองโบราณที่อยู่ในท้องที่อำเภอศรีเทพ เดิมมีชื่อว่า "เมืองอภัยสาลี"
ถูกค้นพบเมื่อ 
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จไปตรวจราชการมณฑลเพชรบูรณ์
และได้ทรงเรียกเมืองนี้

เสียใหม่ว่า  "เมืองศรีเทพ"

เมื่อปี พ.ศ. 2447-2448 เมืองโบราณศรีเทพนี้มีลักษณะเป็นเมืองซ้อน เมืองขนาดใหญ่
เพิ่งเคยมาครั้งแรกเลยค่ะ ด้านในจะมีเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว จ่ายค่าบริการคนไทย 20 บาท
ต่างชาติ 100 บาท มีเจ้าหน้าที่บอกเล่าความเป็นมาต่างๆให้เราฟังคร่าวๆ มีแผนที่ รูปภาพ สิ่งของ
โบราณที่ขุดพบให้เราดู และมีขึ้นรถนำเที่ยว เข้าไปดูสิ่งก่อสร้างที่ถูกค้นพบภายใน
อุทยานประวัติศาสตร์ ศรีเทพ แห่งนี้
ออกเดินทางต่อ ถึง อำเภอวิเชียรบุรี ที่ขึ้นชื่อเรื่องไก่ย่าง ก็แวะจอดทานข้าวเที่ยงพอดี
ร้านที่เราแวะ ชื่อร้าน ไก่ย่างบัวตอง
มีอาหารให้เลือกมากมายทั้งส้มตำ ลาบ น้ำตก กินกับไก่ย่างอร่อยลื๊ม
อาหารวันนี้ที่สั่งกันมาก็คือ ไ่ก่ย่าง ไม่ได้กินเหมือนมาไม่ถึง โดยน้ำจิ้มสูตรเด็ดของที่นี่
จะเหมือนน้ำจิ้มแจ่ว แต่จะรสออกหวานๆหน่อย วาไม่ชอบอ่ะ กินไก่เปล่าๆก็อร่อยดี แล้วก็มีลาบ
มีส้มตำ ส้มตำทอด ต้มเครื่องใน
โดยรวมแล้ว อาหารร้านนี้รสชาตโอเค ถูกปาก กินได้ แต่ก็ไม่ได้อร่อยมากมาย
จนไม่ต้องไปลองร้านอื่น คือ ไก่ย่างวิเชียรบุรีเนี่ย เป็นไก่ย่าง สูตรคล้ายๆกันที่ขายทั้งหมด
ถ้าร้านดังๆคนเยอะๆไม่มี ก็กินร้านอื่นได้เหมือนกัน
ในรูปจะเห็น ข้าวเหนียวเค้าห่อมาซะสวยเลยนะ มี 2 สีอีกต่างหาก เก๋กู๊ดดดดด
อิ่มแล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ เข้าตัวอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ แล้วก็ขึ้นเขาค้อกัน พอรถขึ้นเขา
เหมือนอากาศจะเริ่มเย็นๆขึ้น มีหมอกบางๆ ปกคลุมไปทั่ว สวยงาม เลยได้ไปแวะดูวิวกัน
ที่ วัดพระธาตุผาแก้ว เคยได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยมา
อากาศดีมากกกกกกกกกกกกก รู้เลยว่าหายใจเต็มปอดแล้วสดชื่นสุดๆ
ลงรถมาก็ต้องอึ้ง และทึ่ง กับ สถาปัตยกรรมของวัดนี้มาก เรียกว่าไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนแน่ๆ
เราจะเห็น เจดีย์พระธาตุผาแก้วเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดดเด่นเป็นสง่า ด้วยสีสรรสวยงาม
และข้างๆกันจะเป็น มหาวิหาร พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ที่ยังสร้างไม่เสร็จ (ตอนนี้สร้างเสร็จแล้วนะคะ)
วันนี้ฝนปรอยเล็กน้อยด้วย เลยเดินเข้าไปทางเจดีย์พระธาตุผาแก้วค่ะ
เดินเข้าไปจะเห็นถึงสีสรร แปลกตา ถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นว่า สีสรรทั้งหมดนั้นเกิดจาก กระเบื้องหลากสี
ลูกแก้วมากมาย รวมไปถึง จานชาม หม้อไห ของมีค่าราคาแพง ที่เคยเห็นอยู่ในตู้กระจกสวยงาม
แต่ที่นี่ เอามาตกแต่ง ทุกๆจุด ทั้ง ผนัง เสา รวมไปถึงพื้น และทุกจุดไม่ได้ตกแต่งกันแบบลวกๆ
มีการโยงเรื่อง มีเรื่องราว กับทุกๆจุดที่มีการตกแต่ง ไม่ว่าจะเป็น ลายเส้น หรือ วงกลม สวยงามสุดๆ
เป็นงาน " พุทธศิลป์ " ที่น่าทึ่งมากๆ
ด้านบนเราสามารถเดินขึ้นไปชมวิวได้ มองออกมาจะเห็นวิว "ผาซ่อนแก้ว" สวยงามเต็มตา
อากาศดีมาก มีเมฆหมอก ลอยไปมา ตัดกับต้นไม้สีเขียวสด สวย สดชื่นมากๆ
ใครมาเขาค้อไม่ควรพลาดที่นี่เด็ดขาด
ก่อนขึ้นรถ เจอดอกไม้สวยๆเลยแอบมาโครเบาๆ
ออกเดินทางเข้าสู่ที่พักของเราในทริปนี้ นั่นก็คือ ภูแก้วรีสอร์ท นั่นเองค่ัะ กว่าจะเข้ารีสอร์ทก็ใกล้มืดละ
วันนี้เลยไม่มีกิจกรรมใดใด มีแต่เข้าห้องพัก อาบน้ำ แล้วก็เตรียมตัวไปทานอาหารเย็นค่ะ
ห้องอาหารจะอยู่ตรงล๊อบบี้ น่าจะเป็นศูนย์กลางของที่พักนี้เลย เวลาจะไปไหนมาไหน จะมีรถสองแถวคอยรับส่ง
โดยการโทรไปบอกที่ front หรือเดินมาบอกยามแถวๆห้องพักล่วงหน้า วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ทานข้าวกันค่ะ
วันนี้หลักๆ เป็นผัดยอดฟักม๊ง (ที่นี่เค้าไม่เรียกแม๊วนะคะ มันดูไม่สุภาพ เหมือนเรียกคนจีนว่า คนเจ๊ก)
อร่อยมากกกกกกกกกกกก ผักสดกรอบสุดๆ ที่นี่เค้ามีแปลงผักปลูกเองเลยจ้า ส่วนไก่ทอด นี่กรอบมาก
อร่อยลื๊มมมมม จริงๆมีกับข้าวอีก 2-3 อย่าง แต่ไปกันหลายคน ไม่ได้สะดวกถ่ายรูปมากนักเลยเกรงใจ
เอาเท่าที่ได้มา ปกติจะจัดมุม หันหาแสงมากกว่านี้
อิ่มแล้วก็กลับที่พักค่ะ นอน คร่อกกกกกก พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปทานอาหาร แล้วก็ไปตลุยเครื่องเล่นกัน
วาก็รับคำสั่งมาแค่นั้น รู้แค่ว่าที่นี่ มี Adventure park อยู่ในรีสอร์ทเลย เดี๋ยวไปดูกันว่าเป็นยังไง
ตื่นแต่เช้า วันนี้วาเลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆ จากห้องพักไป ทานอาหารเช้า น่าจะเกิน 500 เมตรนะ
แบบว่าไกลมาก เราเรียกรถได้ แต่วิวมันสวยจริงๆ เลยยอมเดิน แล้วก็ไม่ผิดหวัง
กว่าจะเดินไปถึงใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
เพราะแวะถ่ายรูปตลอดทาง เล่นเอาเหนื่อย แต่คุ้มมากๆ
เดินมาถึงห้องพัก วันนั้นเป็นเช้าวันอาทิตย์ค่ะ คนเข้าพักเกือบเต็ม คือมีแขกเกิน 30 คน
จะมีเป็นไลน์ Buffet ให้ทาน อาหารไม่เยอะค่ะ แต่คุณภาพโอเค มีไข่ดาว(เท่านั้น) ไส้กรอกทั่วไป
แล้วก็มีข้าวเปล่า ผัดกระเพรา ผัดไทย ต้มจืด ข้าวต้ม ผลไม้ กาแฟ โอวันติน
มื้อนี้ขอเท่านี้พอ เดี๋ยวเที่ยง จะกินไม่ลง
ที่รีสอร์ทมีดอกไม้เยอะมากกก อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปดอกไม้สวยๆตลอดเวลา
ได้เวลานัด 9.30 อิ่มแล้วก็เดินทางไป Adventure park ค่ะ นั่งสองแถวไป อยู่ในรีสอร์ทเนี่ยแหล่ะ
ซึ่งการนั่งรถผ่านบ้านสวยๆหลายหลัง ทำให้เราได้รู้ว่า ที่ภูแก้ว รีสอร์ทนี้ เค้าทำบ้านขายเป็นหลังๆด้วย
คือสามารถซื้อขาดได้เลย เอาไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ แล้วฝากให้ทางรีสอร์ท
ปล่อยเช่าได้ด้วยอีกต่างหาก
นั่งรถไม่นานนัก ประมาณ 5 นาที เราก็มาถึงค่ะ ภูแก้ว Adventure park
ที่นี่จะมีเครื่องเล่นหลากหลายมากๆ ซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้ที่ Link นี้เลยค่ะ
มีรายละเอียด และราคา เหมาะกับผู้เล่นอายุเท่าไหร่ มีบอกครบเลย
ซึ่งราคาก็จะมีแตกต่างกันไปอีกด้วย
ซึ่งการมาเล่นที่นี่ จะมีเจ้าหน้าที่ดูแล มีเครื่องดื่มขาย มีลอคเกอร์ให้ฝากของ
คือ ไม่ต้องไปไหน วนมันอยู่ที่นี่ที่เดียว ก็หมดวันแล้วล่ะค่ะ เพลินๆ
ซึ่งวันนี้ เค้าให้วาได้ลอง ชิลล์กับ High Flying “เหินเวหาข้ามนํ้า” ระยะทางกว่า 150 เมตร
โดยเราจะใส่อุปกรณ์ แล้วเดินไปขึ้นหอคอยด้านโน้นนนน แล้วก็โรยตัวลงมา ด้วยความตื่นเต้น
ตอนแรกวาก็กลัว เพราะไม่อยากได้รับความรู้สึก เหมือนกระโดดตึกตายเท่าไหร่
แต่ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า มันจะลงไปแบบแนวราบ ไม่มีเหวี่ยงอะไรทั้งนั้น พอลงมาก็ชิลล์ค่ะ
ไม่น่ากลัวเลย มันเหนื่อยแค่ตอนเดินขึ้นหอคอยแค่นั้นแหล่ะ
หลังจากลงจากเจ้า High Flying เค้าก็บอกเราว่ายังไม่ต้องถอดอุปกรณ์ออก
ให้เดินไปที่เครื่องเล่นอีกอันนึงเลย ซึ่งเล็งๆแล้วก็คือ เอ๊ะ เหมือนเราดูมาจากในเว็บ
มันเป็นชิงช้าสูงๆ ตอนเราเดินไปถึง เห็นน้องตัวเล็กๆ
เค้ากำลังเล่นอยู่ กำลังจะลงและ อยู่ในช่วงชิลล์ ก็ไม่ทันได้คิดอะไร
แค่นี้สบายๆ พอเดินขึ้นไปตามที่เค้าบอก
ก็เริ่มมาตรึกตรองดูว่า เอ๊ะ ถ้ายืนบนนั้น แล้วลงไปแบบนั้น มันก็ต้องดิ่งตัวลงไปสินะ
ก็คิดๆไปก็คุยกันเดินไป พอไปถึง เค้าบอกให้เรามายืนคล้องอุปกรณ์ กับสายสลิง
ก็รู้สึกกลัวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขึ้นมา
เพราะใช่เลย มันคือเครื่องเล่นชื่อ Giant Swing  
“โล้ชิงช้าท้าวัดใจ” 
จากระดับความสูง 20 ฟุต ทิ้งดิ่งลงสู่เบื้องล่าง    แล้วแกว่งไกวไปมา สนุกสนานไม่รู้จบ
เห่ยยยยยยยยยยย น่ากลัวอ่ะ ไม่อยากเล่นอันนี้ ตั้งใจมาว่าจะไม่เล่นอันนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
นังนู๋วากล่าว แต่ตอนนั้น ยืนอยู่บนนั้นละไง อุปกรณ์พร้อม อยากมีกล้องติดกับตัวมาก แล้วจะลงยังไง
ใครจะถีบตูลงไปหรอ ไวเท่าความคิด อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองตกตึก วื๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!!
Smiley
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ถ้าใครตาม IG วาช่วงนั้น จะเห็นคลิป กรี๊ดสนั่นโลกเลย 555555
กรี๊ดไปราวๆ 3 รอบเหวี่ยง มันก็หายตกใจ คือมันก็เสียววื๊ด ตอนตัวเองหล่นลงมาในจังหวะแรก
หลังจากนั้นมันก็จะชินไปเองว่างั้น แต่คนที่ขี้กลัวมาก ควรพิจราณาก่อนเล่นเจ้าตัวนี้อย่างแรง
วาตั้งใจเลยว่า วาจะไม่เล่น ไม่ชอบอันนี้ ไม่อยากเล่น แต่เดินขึ้นมา แบบ งงๆ คือมันไม่ใช่เครื่องเล่น
ที่จะเดินผ่านมาแล้วเล่นก็ได้ฟระ มันต้องใจสู้พอสมควรนะ วันนั้น บ่องตงว่า เกลียดเจ้าหน้าที่มาก
ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา Smiley
คือวาเคยเล่นอีลูกเหวี่ยงๆ ที่ซานโตรินี่มาแล้ว มันน่ากลัวกว่านี้ แปดแสนเท่าตัว (มากไปมั๊ยเธอ!)
แต่มันเป็นความสมัครใจที่จะเล่นไง อันนี้ไม่ได้สมัครใจ เลยไม่ชอบอันนี้ไปโดยปริยาย แต่คนอื่นก็
เห็นเล่นกันสนุกสนานดีนะ แอบถ่ายรูปมาตอนเค้าเล่นกัน
ข้างๆกันมีที่ยิงธนูค่ะ อันนี้ชิลล์มาก เลยไปเล่นกันดู ธนูที่นี่ยิงง่ายมาก คือมันไม่แข็งเหมือนที่เคยเล่นมา
ยิงเข้าเป้าง่ายดี ไม่เจ็บมือ ไม่ปวดแขน ดูเล่นเป็น ดูเท่ห์ขึ้นมาทันที 5555555555555555
เสร็จแล้วก็ไปเล่น Super Slider ค่ะ เป็น Slider ที่นั่งบนพรมแล้วก็เหาะลงไปข้างล่าง
เป็นของเล่นเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็มาเล่นกัน แย่งเด็กเล่น ว่างั้น สนุกดีนะ มีความหวาดเสียวแบบเล็กๆ
เพลินๆ ไม่น่ากลัว
จบจากตรงนี้ ก็ไปหาอะไรชิลล์เล่นดีกว่า ไม่ไหวละ เหนื่อย เหอๆ เลยได้ไปเล่น Air Ball ค่ะ
เป็นลูกบอลที่อยู่บนน้ำ เราเข้าไปในนั้น แล้วก็กลิ้งๆ วิ่งๆ ให้ลูกบอลมันขยับ ภาพที่คิดไว้คือ
วิ่งสวยๆชิลๆ ชมวิวธรรมชาติ แต่ความเป็นจริงแล้วนั้น!
เหนื่อยกว่าทุกอันที่เล่นมารวมกันอีก โห้วววววววว วิ่งเป็นหนูแฮมสเตอร์เลย
ตลกตัวเอง ล้มลุกคลุกคลานเว่อร์ สงสารตัวเอง 5555555555555
สภาพที่เห็นคือ เหนือย เพลียร่างมากกกกกกกกก
เลยหันมาปั่นจักรยานน้ำชิลล์ๆดีกว่า ใส่ชูชีพแล้วก็ลงไปเลย ก็ลองดูให้รู้เนอะ หน้าตาแบบนี้ ขี่ง่ายมาก
ขึ้นไปนั่งก็ง่ายไม่โคลงเคลง เป็นอะไรที่เพลินดี ปั่นวนๆรอบนึง ชมวิว ดูไม่ล้มลุกคลุกคลานสุดละอันนี้
เวลาล่วงเลยมาจนเที่ยงกว่าๆ ได้เวลาเลิกเล่น แล้วไปหาอะไรทานกันค่ะ ก่อนไปทานอาหาร เค้าพาแวะที่
" เรือนสบายภูแก้ว " ซึ่งเป็นสปาของที่นี่นั่นเอง ที่นี่มีหมอนวดมาประจำอยู่ 2 คน ถ้าจะมานวดหลายๆคน
ต้องโทรมาจองก่อน เค้าจะหาหมอนวดมาสแตนบายให้ค่ะ
ที่นั่งนวด นอนนวด ดูสบาย อากาศดี วิวดี
แล้วฝนก็ตกหนักค่ะ วาเรียกรถให้มาส่งที่ห้องอาหาร แล้วก็มาทานอาหารกัน
วันนี้มีให้เลือกทานเป็น อาหารจานเดียว
ซึ่งหลายๆอย่างหน้าตาดี และราคาไม่แพง ผัดมะกะโรนี ผัดไท ราดหน้า ราคาราวๆ 70 - 90 บาท
ถ้าจำไม่ผิด แต่ได้เยอะมากๆ จานใหญ่ และอร่อยมากกกกกกกก ผักสดกรอบ รถชาติถูกปาก
น้ำผลไม้ปั่นก็คุณภาพสุดๆ ประทับใจอาหารของที่นี่อันดับหนึ่งเลยค่ะ
อิ่มแล้ว ฟ้าครึ้มๆ สลับฝนตก เค้ามีแพลนจะพาไปดูห้องแบบต่างๆ ซึ่งเราก็อยากดูอยู่เหมือนกัน ที่นี่มีห้อง
มากมายหลายแบบ หน้าตาไม่เหมือนกันเลย วันที่ไป มีหลายหลังที่กำลังปรับปรุงใหม่
เริ่มจากแบบแรกที่วาได้พักค่ะ เป็นห้อง Hillside Room ห้องพักสไตล์ โคโลเนียล สำหรับ 2-3 ท่าน
ห้องกว้างประมาณนึงเลยนะคะ สามารถใส่เตียงเพิ่มได้อีกเตียงเลย ห้องตกแต่งด้วยสีสบายตา
ห้องที่วาอยู่สีฟ้า แต่ห้องอื่นที่ได้ไปดูเป็น สีเขียวค่ะ ของตกแต่งก็คล้ายๆกัน มีประตูกระจก มุ้งลวด
และระเบียงออกไปชมวิวข้างๆได้
ห้องน้ำที่นี่ไม่สายชำระค่ะ ด้วยเหตุผลที่ว่า ห้องพักมีทำเลอยู่แบบเชิงเขา น้ำจะไหลลงจากที่สูง
และน้ำแรงมากกกก มันเคยมีสายชำระมาก่อน แต่ด้วยความที่ คุมความแรงของน้ำไม่ได้
เลย................. เลยเอาออกซะดีกว่า เพื่อสุขภาพ ของผู้เข้าพักค่ะ Smiley
ห้องนี้เป็นห้องแบบเดียวกับที่วาพัก แต่เป็นสีเขียวค่ะ
ช่วงนั้นอากาศไม่ค่อยเป็นใจ อยู่ดีๆ ฝนก็ตกลงมาแบบหนักมากกกกก
เดินดูห้องพัก ถ่ายรูปนี่ถึงกับมึน อันไหนเป็นอันไหน เพราะรูปหน้าบ้านไม่ได้ถ่ายมา ฝนตก
แต่ก็พอจำได้ลางๆค่ะ ว่าบ้านแบบต่อไป คือ Long Life Home
 
 
บ้านแฝดชั้นครึ่ง สไตล์ยุโรป
บ้านพักสไตล์ยุโรป ที่เน้นความสวยงาม กว้างขวาง มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ สำหรับ
4 ท่าน  พร้อมทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำร้อน และเครื่องปรับอากาศ ชั้นบนมีลักษณะคล้าย
ห้องใต้หลังคา ที่เด็กๆชื่นชอบ ระเบียงหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่นและส่วนเตรียมอาหาร
 

 

 
โถงกลางมีโซฟา ทีวี โต๊ะทานอาหาร อยู่รวมกัน
เป็นบ้านชั้นครึ่ง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำค่ะ มีห้องนอนอยู่ชั้นล่าง 1 ห้อง
ห้องนอนชั้นบน เป็นเหมือนๆห้องใต้หลังคา
บ้านแบบต่อไปเป็น Long Life Home เหมือนกัน แต่มีชั้นเดียว
บ้านแฝดชั้นเดียว สไตล์ยุโรป
บ้านพักสไตล์ยุโรป ที่เน้นความสวยงาม กะทัดรัด มีพื้นที่ใช้สอยครบทุกความต้องการ
1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ สำหรับ 2 ท่าน พร้อมทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำร้อน
และเครื่องปรับอากาศ อีกทั้งยังมีห้องนั่งเล่น ส่วนเตรียมอาหาร และ หน้าต่างบานใหญ่
เปิดกว้างรับลมหนาว
บ้านหลังต่อมาที่ได้เข้าชมค่ะ Paradise Home บ้านสิบสองปันนาประยุกต์
 

(แบบที่ 1)
บ้านพักแบบชาวเหนือสิบสองปันนา ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เน้นความสวยงาม กว้างขวาง มี
1 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เหมาะสำหรับ 2 ท่าน พร้อมทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำร้อน และ
เครื่องปรับอากาศ มีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ใช้เป็นพื้นที่ในการทำกิจกรรมของครอบครัว
และมี ความเป็นส่วนตัวเป็นที่สุด
(แบบที่ 2)
บ้านพักแบบชาวเหนือสิบสองปันนา ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เน้นความสวยงาม กว้างขวาง มี
2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เหมาะสำหรับ 4 ท่าน พร้อมทีวี ตู้เย็น เครื่องทำน้ำร้อน และ
เครื่องปรับอากาศ มีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ใช้เป็นพื้นที่ในการทำกิจกรรมของครอบครัว
และมี ความเป็นส่วนตัวเป็นที่สุด
ทั้ง 2 แบบบ้าน คล้ายๆกันค่ะ ตกแต่งต่างกันเล็กน้อย เพราะอีกหลังจะกว้างกว่า
ถ่ายรูปมาเอง มึนเองค่ะ ขออภัย (T.T)
มาดูที่หลังสุดท้ายที่ได้เข้าชมค่ะ Family Home บ้านครอบครัว
บ้านพักเดี่ยว Style ยุโรป เหมาะสำหรับครอบครัวขนาด 8-9 ท่าน ตั้งท่ามกลางสนามหญ้าเขียวขจี
ที่จัดเตรียมเครื่องเล่นเด็กๆ ไว้ให้เล่นสนุกสนาน ภายในห้องพัก ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ
(ห้องนอน 1 จัดพัก 4 ท่าน มีห้องน้ำในตัว, ห้องนอน 2 จัดพัก 3 ท่าน, ห้องนอน 3 จัดพัก 2 ท่าน
มีห้องน้ำใช้ร่วมกันด้านนอก)
ตอนเข้าไปชม แม่บ้านยังทำความสะอาดชั้นล่างไม่เสร็จ มีของวางเกะกะ
เลยไม่ได้ถ่ายรูป ห้องโถงกลาง ข้างล่างมานะคะ กว้างมากกกกกกกกกกกกก
มีห้องครัวขนาดใหญ่ ทำอาหารแบบอุ่นๆ ธรรมดา ได้ค่ะ ห้ามทำแบบอลังกาล
วิวจากห้องครัว สวยเว่อร์มากกกกกกกกกกกก อันนี้ฝนตกหนัก
ห้องน้ำรวมด้านล่าง
บันไดขึ้นชั้นสอง
ชั้นสองเป็นห้องนอน หลายห้องมากค่ะ วิวสวยสุดๆ
ห้องพักที่ได้เข้าชมก็มีเพียงเท่านี้ค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นพักกันเป็นกลุ่ม
แบบพัก 2 คนก็มี โดยรวมวาว่าห้องพักค่อนข้างกว้างทีเดียว ไม่อึดอัด วิวสวยบรรยากาศดี
มีหลายหลังที่ เค้าซื้อขาด แล้วปล่อยเช่า ที่เราไม่ได้เข้าไปดู ส่วนใหญ่จะพักได้หลายคน
ช่วงเย็นพอฝนเริ่มซา ทางรีสอร์ทก็พาออกไปเที่ยวข้างนอกค่ะ โดยพาเราไปชิมกาแฟ
ที่ร้านสุดเก๋ไก๋ร้านนึง ชื่อว่า Story Cup
นอกจาก จะมีเค้กที่อร่อย กาแฟโอเค (อันนี้ปากใครปากมันนะ หุหุ) และ wifi free
ยังมีแมวพนักงานต้อนรับสุดเชิ่ดประจำร้านด้วยจ้าาา
มาร้านนี้ แบตหมดพอดี ไปจุดชมวิวอีกที่ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย ไม่นานนักก็กลับที่พักค่ะ
กลับมาก็เจอ อาหารเย็นที่เค้าเตรียมไว้ให้แล้ว เป็นสเต็กทั้งหมด 5 จาน 5 อย่าง สำหรับ 5 คน
เราลงความเห็นกันว่า จะแบ่งกันทานให้ครบทุกอย่าง จะได้ทานกันครบๆ ซึ่งฟังดูดี
แต่เอาจริงๆแล้ว หลังจากตัดแบ่งกัน มันไม่ค่อยโอเค ในเรื่องของหน้าตาอาหาร และ รสชาติที่ตีกันยุ่ง
การหั่นแบ่งๆกันไป แบบมั่วสุดๆ เลยมึนงงกับรสชาติมาก จำได้ลางๆว่า ไส้กรอกอร่อย คุณภาพดี
ไก่อร่อย หมูคุโรบุตะ เนื้อเด้งๆดี แต่มันมาอยู่รวมกัน ซอสก็รวมๆจากหลายจาน
เลยมึนไปหมดค่ะ ถ้าเลือกได้จะกินหมูพริกไทยดำ แต่บังเอิญไม่ได้เลือก มื้อนี้เลยเน้นคุยมากกว่ากิน
เช้าวันถัดมา วันจันทร์ เหลือแขกเข้าพักไม่มากเท่าไหร่ (ไม่ถึง 30 คน)
วันนี้เราเลยได้อาหารเช้าเป็น set ซึ่งค่อนข้างเยอะกว่าที่ตักเองเมื่อเช้าวานนี้อีก 555
ไม่ได้ถามว่า ขอเพิ่มได้รึเปล่า เพราะรู้สึกว่า ทานหมดนี่ก็อิ่มพอดี
ในมื้อเช้าของเรา มีสิ่งที่ น่าตกใจอยู่อย่างนึง นั่นก็คือผึ้งค่ะ มาตอมแยมกันสนุกสนาน ราวๆ 4-5 ตัว
เนื่องจากรีสอร์ทนี้ มีดอกไม้เยอะมาก ก็ไม่แปลกอะไรที่จะมีผึ้งละนะ วานั่งโต๊ะริม มีผึ้งมาตอมแบบนี้
แต่โต๊ะด้านในอื่นๆไม่มี สงสัยจะมากันจนชิน คือหยิบถ้วยออกไปวางไกลๆ
ผึ้งยังไม่ยอมขยับตัวเลย ชิลล์เหลือเกิน
ดอกไม้ในรีสอร์ทเยอะมาก และสวยจริงๆ ใครชอบถ่ายดอกไม้ คงปลื้มปริ่มค่ะ
นี่ดอกอะไรก็ไม่รู้ สวยมากๆเลย
ล๊อบบี้ของรีสอร์ทค่ะ มาทีไรคนเยอะตลอด เพราะตรงนี้ wifi แรงที่สุดแล้ว คนเลยเยอะตลอด
ในห้องก็ต่อได้บ้างถ้าคนเยอะๆก็จะอืดๆหน่อย คนน้อยๆก็พอเล่นได้ค่ะ
วันนี้คนน้อย เลยได้ถ่ายรูปล๊อบบี้ว่างๆ เสียที
ด้านหน้าของรีสอร์ท มีเสื้อยืดที่ระลึกขายด้วยค่ะ มีพวกลูกพลับอะไรด้วย
ใครสนใจก็มาเลือกดูได้ตรงนี้เลย ของฝาก ของที่ระลึก ไม่ต้องออกไปหาที่ไหนไกล
บางวันจะมี ชาวม๊ง มาขายเสื้อผ้า ของที่ระลึก ตรงใกล้ๆล๊อบบี้ด้วย แถมไม่แพงอีกต่างหาก
วาได้กางเกงขาใหญ่ๆตัวใหญ่ๆมาตัวนึง 200 บาท แบบที่ซื้อที่ถนนคนเดินเชียงใหม่ราวๆ 300+ แน่นอน
สำหรับ ภูแก้ว รีสอร์ท วาคิดว่า เหมาะกับ ครอบครัว กลุ่มเพื่อนอะไรแบบนี้มาพักกันเยอะๆ
ห้องพักมีให้เลือกหลายแบบ ราคาก็ค่อนข้างสูงพอสมควร แต่ก็มีแพคเกจอะไรขายอยู่
อาหารที่นี่ สดและอร่อยมากๆ โดยเฉพาะผักที่เค้าปลูกเอง รักเลย
สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป ที่นี่มีมุมถ่ายรูปเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
มีอะไรกระจุก กระจิก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสมัยนี้ เที่ยว ถ่ายรูป อวดเพื่อน มุมสวยๆ ตรึม!
การมาเที่ยวที่นี่ ควรมีรถส่วนตัว เพราะมีที่เที่ยวอะไรเยอะแยะมากมายแถวๆที่พัก
เดินทาง 5 ชม. จากกรุงเทพ (ด้วยรถส่วนตัว) หรือจะเดินทางมาด้วยรถทัวร์ก็ยังได้ค่ะ
ขึ้นรถที่หมอชิต ของ พิษณุโลกยานยนต์ คันที่ไป หล่มสัก บอกลงหน้า ภูแก้วรีสอร์ทได้เลย
อันนี้นานหน่อย ราวๆ 8 ชม. เลือกที่สะดวกเลยจ้า
ได้เวลาบอกลา ภูแก้ว รีสอร์ท และเดี๋ยวจะไปแวะเที่ยวอีก 2-3 ที่แล้วก็มุ่งตรงกลับกรุงเทพกันค่ะ
ที่แรกที่ได้แวะก็คือ " ไร่บีเอ็น " เค้าจะมีผลผลิตทางเกษตร มาขายในราคาไม่แพงค่ะ
พวกผัก ผลไม้ หรือพวก ของแปรรูปที่มีชื่อเสียงของแถบๆนี้ด้วย น่าสนใจหลายสิ่งเลย
ผักหน้าตาดี ขนมากันสดๆ ขาย 3 หัว 35 บาท ถูกไปไหน!
ลูก ทิสซ่า รสชาติหวานๆ มัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook