ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ : ทำไมนักเตะลิเวอร์พูลมักโดนขโมยขึ้นบ้าน?

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ : ทำไมนักเตะลิเวอร์พูลมักโดนขโมยขึ้นบ้าน?

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ : ทำไมนักเตะลิเวอร์พูลมักโดนขโมยขึ้นบ้าน?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แดเนียล สเตอร์ริดจ์ นักเตะชุดแชมป์ยุโรป 2019 ของ ลิเวอร์พูล เดือดเป็นไฟเมื่อเขาเดินทางไปพักร้อนที่ ลอส แองเจลิส และพบว่าบ้านของเขาโดนยกเค้า นอกจากทรัพย์สินแล้ว สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่านั้นที่หายไป และสร้างความปวดใจอย่างมาก คือ สุนัขสุดรักของเขาที่โดนขโมยไปด้วย… 

อันที่จริงมีนักเตะลิเวอร์พูล ที่โดนขโมยขึ้นบ้านมาก่อนหน้าสเตอร์ริดจ์หลายคนหลายครั้ง แต่ไม่ใช่ที่สหรัฐฯ แบบที่สเตอร์ริดจ์เจอ ทว่ามันกลับเกิดขึ้นที่เมืองลิเวอร์พูล บ้านพักอาศัยประจำของเหล่านักเตะจากแอนฟิลด์ ที่แฟนบอลให้ความรักและเคารพเป็นอย่างดีนั่นแหละ… 

ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นขวัญใจชาวเมือง แต่ทำไมจึงมีข่าวคราวถูกยกเค้าบ่อยครั้ง...ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลว่าทำไมบ้านของพวกเขาจึงไม่ปลอดภัย  Main Stand ขออาสาเล่าให้ฟัง 

การปล้นที่ไม่สน...ใดๆ ทั้งสิ้น 

สำนักข่าว "ลิเวอร์พูล เอ็คโค่" ทำการสรุปเอาเฉพาะนักเตะชื่อดังของทีมในเมืองอย่าง ลิเวอร์พูล และ เอฟเวอร์ตัน ที่โดนขโมยขึ้นบ้านตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา และพบว่านักเตะของทั้ง 2 ทีมโดนขโมยขึ้นบ้าน รวมกันมากกว่า 30 ครั้ง มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน

แม้แต่ขาใหญ่ประจำเมืองอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด เองก็ไม่รอด ในช่วงปี 2007 มีแก๊งโจรใส่หน้ากากปิดบังโฉมหน้าเข้ามาปล้นบ้านของ "สตีวี่ จี" ในตอนนั้น เจอร์ราร์ด ติดภารกิจไปแข่งขันเกมเยือนกับ โอลิมปิก มาร์กเซย ที่ประเทศฝรั่งเศส และโชคร้ายที่วันนั้น เขาไม่ได้พาครอบครัวไปด้วย


Photo : Mirror

อเล็กซ์ เคอร์แรน ภรรยาของเขาและลูกๆ ต้องเผชิญหน้ากับแก๊งโจร เธอตัดสินใจมอบทุกอย่างที่โจรอยากได้ทั้งเครื่องเพชรและของมีค่า แต่พวกโจรไม่พอใจ... พวกเขาเริ่มขู่ว่าจะยกไปทั้งตู้เซฟ มิฉะนั้นลูกของเธอจะถูกลักพาตัวไปด้วย... จากนั้นการปล้นก็สำเร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว 

นอกจากนี้ยังมีการปล้นที่แสดงให้เห็นถึงความ "ไม่สนโลก" ของแก๊งโจรในเมอร์ซี่ย์ไซด์ อีกกรณีนั่นคือการโดนปล้นบ้านของ เจอร์ซี่ ดูเด็ค นายทวารที่ช่วยเซฟจุดโทษ และพาทีมเป็นแชมป์ยุโรปในปี 2005 ที่นอกจากจะโดนขโมยรถปอร์เช่แล้ว พวกโจรยังเอาของสะสมที่เกี่ยวกับฟุตบอล ซึ่งมีคุณค่าทางใจและไม่สามารถประเมินค่าได้ อาทิ เสื้อแข่งเกมสำคัญๆ รูปถ่ายต่างๆ และที่สำคัญที่สุด คือ เหรียญชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่หายไปจนทุกวันนี้ก็ยังตามจับกันไม่ได้ 

จะเห็นได้ว่าชื่อเสียงเกียรติยศ และความเป็นฮีโร่ ไม่อาจจะช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับนักเตะลิเวอร์พูลได้เลย ดังนั้นไม่ต้องสืบเลยว่าประชาชนคนทั่วไปจะต้องมีความเสี่ยงมากกว่าแน่นอน เพราะขนาดบ้านที่มีเวรยาม มีกล้องวงจรปิดยังโดนล้วงคองูเห่าอยู่เสมอ

The Complete University Guide เว็บไซต์ที่เผยแพร่ถึงข้อมูลของมหาวิทยาลัยต่างๆ ภายในประเทศอังกฤษได้เปิดเผยสถิติที่เพิ่งทำการสำรวจในปี 2019 ว่า มหาวิทยาลัยของเมืองลิเวอร์พูลต่างตกอยู่ในความเสี่ยงของการที่นักศึกษาตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทั้งสิ้น โดยไล่เรียงจากมากสุดไปน้อยสุดได้แก่ สถาบันศิลปะแห่งเมืองลิเวอร์พูล, มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล จอห์น มัวร์ส, มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล และ มหาวิทยาลัยลิเวอร์พูลโฮป และหากเทียบกับเมืองที่มีมหาวิทยาลัยในเมือง 2 แห่งขึ้นไปทั้งสหราชอาณาจักร ลิเวอร์พูล คือ เมืองที่มีความปลอดภัยจากอาชญากรรมเป็นอันดับที่ 37 จาก 43 แห่ง 


Photo : Liverpool Echo

พูดให้เข้าใจง่ายก็ คือ เมืองลิเวอร์พูลนั้นมีความเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมสูงเหลือเกิน และมันมีเหตุผลที่ว่าทำไมมันจึงเกิดเหตุอาชญากรรมมากขนาดนั้น...

ลิเวอร์พูลปลอดภัยแค่ไหน?

ลิเวอร์พูล เป็นเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศมีประชากรราว 450,000 คน และเป็นหนึ่งในเมืองที่มีเขตพื้นที่เมืองใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ สถานที่แห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และร่ำรวยวัฒนธรรม รวมถึงมีมรดกทางศิลปะและดนตรีมากมาย 

ทว่าในช่วงระยะ 20 ปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างเนื่อง โดยการสำรวจที่ค้นพบในช่วงปี 2001-2011 นั้นพบว่ามีประชากรเพิ่มขึ้นถึง 5.5% ในแง่เศรษฐกิจแล้วการมีประชากรเยอะอาจจะเป็นสิ่งที่ดี แต่อาจจะไม่ใช่กับเมืองลิเวอร์พูล เพราะสถิติที่บอกว่าเมืองนี้มีอัตราการเกิดอาชญากรรมสูงมากๆ ในประเทศแสดงให้เห็นว่าประชากรที่นี่มีคุณภาพที่ยังเป็นรองปริมาณอยู่ สรุปเป็นตัวเลขในช่วงปี 2015-16 ให้เข้าใจง่ายๆ ว่า หากชาวเมืองลิเวอร์พูลมีจำนวน 1,000 คน จะมีคนถึง 266 คนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม


Photo : Liverpool Echo

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะพลเมืองต่างมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ และหลายพื้นที่ในเมืองลิเวอร์พูลมีอัตราความยากจนสูง แม้บ้านเมืองจะดูสงบเงียบทว่าหากเปิดประตูเข้าไปในแต่ละครัวเรือนแล้วจะได้พบกับความลำบากยากจนของชนนั้นแรงงานมากมาย และลิเวอร์พูลยังเป็นเมืองที่มีอัตราว่างงานสูงเป็นอันดับต้นๆของประเทศอังกฤษด้วย 

"เบื้องหลังประตูที่ปิดสนิทนั้นเต็มไปด้วยปัญหา" สตีฟ แม็คคานตี้ ผู้แทนท้องถิ่นของเมืองลิเวอร์พูลเริ่มกล่าวถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรในเมือง "เรากำลังพูดถึงครอบครัวที่มีรายได้ต่ำ ไม่มีประสิทธิภาพในการดูแลเรื่องสุขภาพ ขาดการศึกษา และมันทำให้เกิดอัตราการว่างงานสูงมาก"

ปัญหาดังกล่าวยังถูกยืนยันด้วยการเปิดเผยข้อมูลของโบสถ์ เรฟ แม็คกานิตี้ ที่ดำเนินการช่วยคนในเมืองมากมาย ตั้งแต่การให้คำแนะนำด้านหนี้สิน ไปจนถึงการให้คำปรึกษาภาวะซึมเศร้า พวกเขาเล่าว่าสิ่งที่เห็นชัดถึงความยากลำบากที่สุดคือนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา โครงการธนาคารอาหารเพื่อคนยากไร้ยังมีไม่พอต่อความต้องการของประชากรที่ยากจนในเมืองนี้  มีถึง 6,000 ครอบครัวที่ลงทะเบียนเพื่อขอรับบริจาคอาหาร และในปี 2012 โบสถ์ เรฟ แม็คคานิตี้ ต้องรับอาสาสมัครเข้ามาทำงานเพิ่มเพื่อเลี้ยงดูคนอีก 3,500 คน 


Photo : Liverpool Echo

"มีความต้องการอยู่เสมอสำหรับสิ่งที่เราทำ เพราะความยากจนในพื้นที่มันมีมาอย่างยาวนาน ขณะที่สิ่งต่างๆ เริ่มแย่ลงมาก การเดินเรื่องเพื่อขอรับสิทธิการช่วยเหลือใช้เวลาล่าช้ามาก และมันก่อให้เกิดปัญหาใหญ่" นิคกี้ วิลเลี่ยมส์ เจ้าหน้าที่ของธนาคารอาหารในเมืองลิเวอร์พูลกล่าว 

คุณภาพชีวิตที่ดีของประชากรในเมืองนำมาซึ่งความสุขของผู้คนทั้งเมืองอย่างแท้จริง แต่สำหรับที่ ลิเวอร์พูล เมื่อความยากจน คือ อุปสรรคใหญ่ การไม่มีอาหาร คือ สิ่งที่เลวร้ายที่สุด เพราะเมื่อท้องหิวถึงขีดสุดแล้ว ไม่ว่าอะไรคนเราก็สามารถทำได้ทั้งนั้นเพื่อแลกของสำคัญอย่างปัจจัย 4 ทั้งหลาย แม้แรกเริ่มอาจจะเป็นการแบมือขอ การรอรับความช่วยเหลือจากทั้งภาครัฐและเอกชน ทว่าเมื่อมาถึงจุดหนึ่งที่รอไม่ได้แล้ว มันก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย และนั่นคือเองที่ทำให้ ลิเวอร์พูล เป็นเมืองที่อัตราการก่ออาญชากรรมสูงที่สุดในประเทศอังกฤษ

แล้วทำไมต้องปล้นบ้านนักฟุตบอล? 

สำหรับบ้านของนักฟุตบอลระดับพรีเมียร์ลีกนั้นย่อมมีระบบความปลอดภัยที่รัดกุม ทว่ามันก็ยังไม่วาย ที่ทำให้บ้านของเหล่านักเตะของลิเวอร์พูล และ เอฟเวอร์ตัน สามารถอยู่รอดปลอดภัยจากเหล่าอาชญากรได้ 


Photo : Liverpool Echo

กลุ่มนักเตะที่มีชื่อเสียงและรวมถึงโค้ชนั้นมักจะมีบ้านอยู่ตามย่านที่มีความสะดวกครบครันอย่าง วิคเตอร์เรีย โร้ด ซึ่งถือเป็นย่านคนรวยและมีบ้านแพงๆเป็นจำนวนมาก กุนซืออย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ และ เบรนเเดน ร็อดเจอร์ส ก็อยู่ที่นี่นอกจากนี้ดาวเด่นจากค่ายเอฟเวอร์ตันอย่าง ดันเเคน เฟอร์กูสัน  และ เวย์น รูนี่ย์ ก็อยู่ที่ วิคเตอร์เรีย โร้ด เช่นกัน แน่นอนว่าเมื่อไปอยู่รวมกัน ณ จุดนั้นมันกลายเป็นเป้าหมายของอาชญากรด้วยเช่นกัน เพราะแม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นยาวคนรวย แต่พื้นที่รอบๆ ยังมีคนจนผู้หิวโหยอยู่   

บ้านนักฟุตบอลอาจจะเป็นสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกจับได้โดยง่าย ทว่าการปล้นบ้านนักฟุตบอลนั้น สามารถการันตีได้เลยว่า เมื่อก้าวพ้นประตูไปแล้ว เหล่าอาชญากรจะได้พบกับสิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างแน่นอน เงินทอง, ของมีค่า, เครื่องเพชร และรถยนต์ คือ สิ่งที่นักเตะลิเวอร์พูล โดนขโมยกันจนครบถ้วนแล้ว 

สาเหตุอีกประการคือนักฟุตบอลนั้นมักจะไม่ค่อยอยู่บ้าน...หากเหล่าโจรทำการบ้านมาบ้าง พวกเขาจะรู้ว่านักเตะจะต้องเดินทางไปที่ไหนบ้างสำหรับเกมการแข่งขันในแต่ละนัด และเมื่อบ้านไม่มีคนอยู่ การปล้นก็ทำได้สะดวกขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนจะถูกจับได้ในภายหลังหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าการปล้นจะแนบเนียน และมีการวางแผนที่ดีแค่ไหน ซึ่งสิ่งที่คล้ายๆ กันในการขึ้นบ้านนักเตะของ ลิเวอร์พูล และ เอฟเวอร์ตัน นั้นคือเหล่าโจรจะใช้การใส่หน้ากาก และการปล้นที่ใช้เวลาน้อยมาก ส่วนวิธีการนั้นคือการบุกเข้ามาตรงๆ อย่างเช่นการทุบกระจก และ พังประตูเข้าไปเลย ซึ่งบางกลุ่มโดนจับได้และบางกลุ่มก็รอดตัวด้วยการหายไปในกลีบเมฆ 


Photo : Liverpool Echo

นักเตะที่โดนโจรยกเค้าทั้งรุ่นเก่าอย่าง เจอร์ราร์ด, ดูเด็ค, ลูคัส เลว่า, เดิร์ก เคาท์, ปีเตอร์ เคราช์ หรือแม้ผู้เล่นทีมชุดปัจจุบันอย่าง เดยาน ลอฟเรน และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ต่างก็โดนโจรบุกเข้าบ้านตอนพวกเขาติดภารกิจเกมเยือนหรือไม่ก็ติดภารกิจทีมชาติทั้งสิ้น โดยล่าสุดคือ ซาดิโอ มาเน่ ที่เดินทางไปแข่งเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่เยอรมัน ซึ่งในเกมนั้นเขาเป็นฮีโร่ของทีมด้วย ทว่าเมื่อกลับมาถึงบ้านที่เมืองลิเวอร์พูล เขาพบว่าบ้านโดนยกเค้า นาฬิกา, โทรศัพท์ และรถยนต์ ถูกขโมยไปจนเกลี้ยง 

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าเหตุผลที่บ้านของนักเตะลิเวอร์พูลไม่ปลอดภัย คือ สภาพเศรษฐกิจความยากจนในเมืองที่ทำให้คนที่ไม่มีจริงๆ ไร้ทางเลือกและหันมาเป็นโจร และเมื่อพวกเขาไร้ทางเลือกแล้ว ความผิดและคุกก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ... และเรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่ต่อจะให้วางระบบป้องกันแค่ไหนก็ยากที่จะทำให้คดีอาชญากรรมในเมืองลิเวอร์พูลลดลงไปได้เลย หากคุณภาพชีวิตของประชากรส่วนใหญ่ย่ำแย่แบบนี้  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook