ลาก่อน "พ่อมดน้อย"

ลาก่อน "พ่อมดน้อย"

ลาก่อน "พ่อมดน้อย"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมพยายามนั่งนึกอยู่นาน แต่นึกไม่ออกว่าจะมีนักฟุตบอลอาร์เจนไตน์กี่คนที่สามารถทำให้ ดีเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า และ ลิโอเนล เมสซี่ สองเทพเจ้าลูกหนังต่างยุคของวงการฟุตบอลอาร์เจนไตน์ กล่าวชื่นชมได้อย่างเต็มหัวใจ

เพราะการได้รับคำชื่นชมจากทั้งสองคนนี้ ย่อมถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดแล้วสำหรับนักเตะสายเลือดอาร์เจนไตน์ และนั่นหมายถึงนักฟุตบอลคนนั้นต้องเป็นอัจฉริยะในระดับที่เทียบเท่ากันเท่านั้น

"พาโบล ไอมาร์" พ่อมดลูกหนังตัวน้อยจากริโอ คูอาร์โด้ คือหนึ่งเดียวคนนั้นครับ

คนที่มาราโดน่า บอกว่าเป็น “นักฟุตบอลเพียงคนเดียวที่เขายินดีจะจ่ายเงินเพื่อเข้ามาชมผลงานในสนาม”

และเป็นคนที่ เมสซี่ ยกย่องว่าเป็น “ไอดอล” ในชีวิตจริง

มนต์สะกดที่ปลายเท้าของราชาลูกหนังในวันนี้ ล้วนลอกเลียนแบบมาจาก “El Payasito” (ตัวตลก - สื่อถึงความพยายามสร้างความสุขอย่างไม่ย่อท้อของไอมาร์) คนนี้ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดีใช่เพียง มาราโดน่า หรือเมสซี่ เท่านั้นที่รักไอมาร์ เขาเป็นนักฟุตบอลที่ไม่ว่าจะไปเล่นให้กับสโมสรใดก็เป็นที่รักของคนที่นั่นเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ริเวอร์เพลท สโมสรแรกและสโมสรสุดท้ายในชีวิต, บาเลนเซีย, เรอัล ซาราโกซ่า หรือเบนฟิก้า

ข่าวการประกาศอำลาวงการของ ไอมาร์ นำความเสียใจมาสู่คนจำนวนไม่น้อยครับ

เช่นกันกับความรู้สึกเสียดายพรสวรรค์ของนักฟุตบอลที่สามารถเนรมิตอะไรให้เกิดขึ้นก็ได้ในสนาม นักฟุตบอลที่เคยได้รับการยกย่องว่าเหมาะสมที่สุดที่จะเป็น “ทายาทมาราโดน่า” มากกว่า อาเรียล ออร์เตก้า, คาร์ลอส เตเบซ หรืออันเดรส ดาเลสซานโดร


นักฟุตบอลฉบับหมายเลข 10 สไตล์อาร์เจนไตน์แท้ๆ

ไอมาร์ แจ้งเกิดกับริเวอร์เพลท ตั้งแต่ปี 1997 และกลายเป็นหนึ่งในสตาร์ที่น่าจับตามองมากที่สุดของอาร์เจนติน่า เป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกประทับตราว่าเป็นมาราโดน่าคนใหม่

เมื่อฝีเท้าสุกงอม พ่อมดน้อยคนนี้ตัดสินใจเดินทางจากอาร์เจนติน่าเพื่อมาเล่นที่ยุโรปในปี 2001 แต่ไม่ได้เลือกที่จะย้ายไปเล่นให้กับสโมสรใหญ่เหมือนคนอื่นๆ ในทางตรงกันข้าม ไอมาร์ เลือกจะย้ายมาเล่นให้กับ บาเลนเซีย สโมสรระดับกลางแต่กำลังมาแรงในลา ลีกา สเปน

การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เมื่อ ไอมาร์ ได้โค้ชที่เข้าใจตัวเขาเป็นอย่างดีอย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ ที่มองออกว่าเขาควรสานต่อทีมบาเลนเซีย ที่แข็งแกร่งอยู่แล้วจากการลงเสาเข็มของเอคตอร์ คูเปร์ ให้เป็นทีมชั้นยอดของยุโรปได้ด้วยการสร้างทีมที่มีพ่อมดน้อยอาร์เจนไตน์เป็นศูนย์กลาง

นั่นเป็นที่มาของระบบการเล่น 4-5-1 สมัยใหม่ มี ไอมาร์ เป็นศูนย์กลางของทีมในเกมรุก ขนาบข้างด้วยปีกชั้นยอดอย่าง คิลี่ กอนซาเลซ, มิเกล อังเคล อังกูโล่, รูเฟเต้ และมีกองหน้าตัวเป้าที่หนักแน่นอย่าง ยอห์น คาริว และมิสต้า ค้ำยันอยู่ด้านหน้า และมี ดาวิด อัลเบด้า กับ รูเบน บาราฆา คอยปกป้องเขาจากข้างหลัง

ระบบนี้นำ บาเลนเซีย เป็นแชมป์ลา ลีกา ได้ถึง 2 สมัยในฤดูกาล 2001-02 (ฤดูกาลแรกของเขาและราฟา) และ 2003-04 ซึ่งในฤดูกาลนี้ยังได้แชมป์ยูฟ่า คัพ ด้วยอีกรายการ

นั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับ ไอมาร์ และอาจกล่าวได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับ ราฟา ด้วยเช่นกัน

หนึ่งในภาพความทรงจำที่หลายคนจดจำไอมาร์ได้ คือเกมพบกับลิเวอร์พูลในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่นักเตะหงส์แดงกลายเป็นตัวตลกที่ต้องคอยวิ่งไล่ตามพ่อมดน้อยจอมซนที่ร่ายมนต์ไปทั่วสนาม และทำประตูที่มาจากการเล่นทีมเวิร์คที่งดงามที่สุดลูกหนึ่ง

อย่างไรก็ดีเมื่อยอดกุนซือชาวสเปนตัดสินใจแยกทางกับบาเลนเซีย ด้วยความไม่พอใจฝ่ายบริหาร ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไอมาร์ ไม่ได้ตามราฟาไปด้วย

และนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมในมนต์ขลัง

ไอมาร์ ไม่ใช่นักเตะที่เคลาดิโอ รานิเอรี่ โปรดปรานนัก และถูกตัดออกจากทีม ก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เขาตัดสินใจย้ายออกจาก “โลส เช” เพื่อไปเริ่มต้นใหม่กับ เรอัล ซาราโกซ่า เพื่อผนึกกำลังกับ อันเดรส ดาเลสซานโดร และดีเอโก้ มิลิโต้ ซึ่งทำผลงานได้น่าตื่นตาตื่นใจอยู่เพียงฤดูกาลเดียว ก่อนจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนจนไม่สามารถช่วยทีมให้รอดพ้นจากการตกชั้น

ลิสบอน คือเป้าหมายต่อไป ไอมาร์ ในสภาพทรุดโทรมพยายามเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับเบนฟิก้า ซึ่งแม้จะเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก แต่ในที่สุดไอมาร์ ที่มีนักเตะดีๆรอบกายอย่าง ออสการ์ คาร์โดโซ่, ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า และอังเคล ดิ มาเรีย สามารถพา เบนฟิก้า กลับมาเป็นแชมป์โปรตุเกสสมัยแรกได้ในรอบ 5 ปี

แต่วันเวลาผ่านไป ร่างกายพ่อมดน้อยยิ่งทรุดโทรม เขาอำลาเบนฟิก้า เพื่อกลับไปมาเลเซีย ประเทศแรกที่ได้เห็นมนต์แข้งของเขาในศึกฟุตบอลเยาวชนโลกเมื่อปี 1997 กับทีมยะโฮร์ แต่อาการบาดเจ็บได้พรากทุกอย่างไปจากเขาแล้ว

สิ่งสุดท้ายที่ไอมาร์ทำได้คือการกลับไปยังริเวอร์เพลท สโมสรแรกอันเป็นที่รักของเขา

เป็นการกลับมาเพื่อบอกรักและบอกลาตลอดกาล

ลูกแม่กิ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook