วิเคราะห์ประเด็นก่อนเกม : แมนฯ ยูไนเต็ด พบ ลิเวอร์พูล ศึกบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/sp/0/ud/263/1317553/klopole.jpgวิเคราะห์ประเด็นก่อนเกม : แมนฯ ยูไนเต็ด พบ ลิเวอร์พูล ศึกบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก

    วิเคราะห์ประเด็นก่อนเกม : แมนฯ ยูไนเต็ด พบ ลิเวอร์พูล ศึกบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก

    2021-10-24T12:16:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโปรแกรมสำคัญจะเปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด สังเวียนเหย้ารับมือ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล อริเบอร์ 1 ร่วมลีก ในการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคมนี้ เราลองไปดูประเด็นสำคัญก่อนเกมกันหน่อย

    1. กระแสการทำทีมแนว "โอเล สไตล์"Ole Gunnar SolskjaerOle Gunnar SolskjaerManchester United v Atalanta: Group F - UEFA Champions League / Matthew Ashton - AMA/GettyImages

    ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาลนี้ โอเล กุนนาร์ โซลชา จะใช้แนวทางการเล่นที่ผู้จัดการทีมชื่อดังหลาย ๆ ไม่กล้าหยิบมาใช้ นั่นคือการตีกรอบการเล่นของนักเตะให้น้อยที่สุดและปล่อยให้นักเตะได้โชว์ศักยภาพของตัวเองแบบอิสระ ซึ่งข้อดีของวิธีการนี้คือสามารถรีดความสามารถของนักเตะออกมาได้อย่างเต็มที่หมดจดดังเช่น บรูโน่ เฟอร์นันเดส ที่ถูกระบบดังกล่าวปั้นให้กลายเป็นนักเตะระดับโลกไปแล้ว

    อย่างไรก็ตามข้อเสียที่เห็นได้ชัดคือทำให้แนวทางการเล่นในภาพรวมดูสะเปะสะปะหาทิศทางที่ชัดเจนไม่ค่อยได้ และบ่อยครั้งที่นักเตะตัวเก่งเล่นไม่ออกและการที่ไม่มีระบบที่ดีพอมารองรับทำให้ผลการแข่งขันและรูปเกมออกมาไม่ดีตามที่คาดหวัง นั่นเป็นเพราะแนวทางแบบนี้ความสามารถของนักเตะจะมีผลอย่างมาก ดังนั้นการมีนักเตะอย่าง บรูโน กับในเกมที่ไม่ได้ลงสนาม ทีมจะแทบเปลี่ยนเป็นคนละทีมเลยอย่างที่เห็นกัน จึงไม่แปลกถ้าหลายคนจะเรียกแนวทางแบบ "โอเลสไตล์" นี้ว่าระบบ "นักเตะแบกกันเอง"

    2. ว่ากันว่า โอเล ไว้ใจนักเตะอยู่ไม่กี่คนFBL-ICC-2019-MAN UTD-ACMILANFBL-ICC-2019-MAN UTD-ACMILANFBL-ICC-2019-MAN UTD-ACMILAN / GEOFF CADDICK/GettyImages

    หลายนัดก่อนหน้านี้แม้ทีมจะผลงานย่ำแย่เพียงใดจะสังเกตได้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะมีผู้เล่นตัวหลัก ๆ ที่ลงสนามเป็นตัวจริงหน้าเดิม ๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องผิด เพราะอย่างน้อยก็เห็นได้ว่าผู้จัดการทีมมีนักเตะที่ใช้งานประจำค่อนข้างชัดเจน แต่อีกมุมมันก็ทำให้ทีมที่แทบจะเพิ่งพานักเตะแบบ 100% ในเวลานี้ หาจุดเปลี่ยนที่จะพลิกฟอร์มการเล่นได้ค่อนข้างยาก เพราะอย่างที่ทราบกันดี การทำอะไรเดิม ๆ ก็ย่อมได้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากเดิม ฉะนั้นหากคาดหวังความแตกต่าง บางทีหาก โซลชา เลิกเพลย์เซฟและเปลี่ยนแนวทางเปลี่ยนนักเตะให้โอกาสแข้งรายอื่น ๆ ดูบ้าง

    จริงอยู่ที่นักเตะบนม้านั่งหลาย ๆ อาจชื่อชั้นไม่ดีนักเมื่อกับตัวจริงที่ใช้งานประจำ แต่เชื่อได้เลยว่าหากพวกเขาได้รับโอกาสบ่อย ๆ ทั้ง ฟาน เดอ เบ็ค ดิเอโก้ ดาโลต์ อเล็กซ์ เทลเลส เอริค ไบญี เอดิสัน คาวานี หรือแม้แต่ เจสซี ลินการ์ด นักเตะเหล่านี้มีดีพอจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ทีมได้แน่นอน ขอเพียงเวลาเพื่อเรียกความมั่นใจเท่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่การลงมาช่วงนาทีที่ 80 ชนิดที่ยังแทบไม่ได้แตะบอลเกมก็จบแล้วอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

    3. สามประสาน หงส์แดง เครื่องกำลังร้อนMohamed Salah, Sadio Mane, Roberto FirminoMohamed Salah, Sadio Mane, Roberto FirminoWest Bromwich Albion v Liverpool - Premier League / Laurence Griffiths/GettyImages

    ปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ เลยว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ผลงานดีแตกต่างจากฤดูกาลก่อนนั่นคือการที่ 3 ประสานในแดนหน้าอย่าง โม ซาลาห์ ซาดิโอ มาเน และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ กลับมาทยอยคืนฟอร์มเก่งพร้อม ๆ กัน จากเดิมที่ปล่อยให้ บังโม เป็นแกนหลักที่แบกทีมโชว์ฟอร์มพาทีมรอดติดท็อปโฟร์มาได้อย่างหวุดหวิดในฤดูกาลก่อนส่วนในปีนี้ยังดูจะท็อปฟอร์มยิ่งขึ้นไปอีกด้วย

    ด้าน มาเน แม้จะยังต้องปรับเรื่องการใช้โอกาสค่อนข้างเปลืองแต่เจ้าตัวก็ซัดไปแล้วถึง 6 ประตูให้กับทีมในฤดูกาลนี้ สุดท้ายคือรายของ บ็อบบี้ ฟิร์มิโน ที่เพิ่งจะกลับมาฟิตเต็มร้อยและจัดหนักยิงแฮททริกบวกกับอีก 1 แอสซิสต์ในเกมที่ถล่ม วัตฟอร์ด 0-5 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน แถมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมายังโชว์ฟอร์มดีขยันวิ่งจนเป็นนักเตะที่วิ่งมากที่สุดในสนามมากกว่า 11 กิโลเมตรตลอด 90 นาทีเลยทีเดียว นี่จึงเป็นอีกปัญหาใหญ่ที่เจ้าบ้าน ปีศาจแดง ต้องรับมือให้ได้หากต้องการจะมีแต้มติดมือออกมาในเกมนี้

    4. สถิติที่น่าสนใจต่าง ๆ แบบ "หมัดต่อหมัด" ในฤดูกาลนี้Jurgen Klopp, Ole Gunnar SolskjaerJurgen Klopp, Ole Gunnar SolskjaerManchester United v Liverpool: The Emirates FA Cup Fourth Round / Pool/GettyImages

    อันดับก่อนเกม : แมนฯ ยูไนเต็ด - 6 / ลิเวอร์พูล - 2

    เกมรุก
    จำนวนประตูในฤดูกาลนี้ : แมนฯ ยูไนเต็ด - 16 / ลิเวอร์พูล - 2
    ได้จากจุดโทษ : แมนฯ ยูไนเต็ด - 0 / ลิเวอร์พูล - 1
    ยิงได้จากในกรอบ : แมนฯ ยูไนเต็ด - 14 / ลิเวอร์พูล - 19
    ยิงได้จากนอกกรอบ : แมนฯ ยูไนเต็ด - 2 / ลิเวอร์พูล - 3
    ยิงได้จากลูกโหม่ง : แมนฯ ยูไนเต็ด - 0 / ลิเวอร์พูล - 2
    จำนวนครั้งที่ยิงทั้งหมด : แมนฯ ยูไนเต็ด - 104 / ลิเวอร์พูล - 113
    ยิงตรงกรอบ : แมนฯ ยูไนเต็ด - 48 / ลิเวอร์พูล - 61
    ยิงชนเสา-คาน : แมนฯ ยูไนเต็ด - 2 / ลิเวอร์พูล - 3
    จำนวนครั้งที่จ่ายบอล : แมนฯ ยูไนเต็ด - 4,288 / ลิเวอร์พูล - 4,626
    จำนวนครั้งที่จ่ายบอลสำเร็จ : แมนฯ ยูไนเต็ด - 3,735 / ลิเวอร์พูล - 3,929
    อัตราการจ่ายบอลสำเร็จ : แมนฯ ยูไนเต็ด - 85.1% / ลิเวอร์พูล - 84.9% 

    เกมรับ
    จำนวนประตูที่เสีย : แมนฯ ยูไนเต็ด - 10 / ลิเวอร์พูล - 6
    คลีนชีท : แมนฯ ยูไนเต็ด - 1 / ลิเวอร์พูล - 5
    เสียประตูจากในกรอบ : แมนฯ ยูไนเต็ด - 7 / ลิเวอร์พูล - 5
    เสียประตูจากนอกกรอบ : แมนฯ ยูไนเต็ด - 3 / ลิเวอร์พูล - 1 
    บล็อกลูกยิง : แมนฯ ยูไนเต็ด - 23 / ลิเวอร์พูล - 21
    เข้าสกัด : แมนฯ ยูไนเต็ด - 57 / ลิเวอร์พูล - 69
    ใบเหลือง : แมนฯ ยูไนเต็ด - 15 / ลิเวอร์พูล - 9
    ใบแดง : แมนฯ ยูไนเต็ด - 0 / ลิเวอร์พูล - 0