สตีเว่น เจอร์ราร์ด : ดราม่าจงบังเกิด

สตีเว่น เจอร์ราร์ด : ดราม่าจงบังเกิด

สตีเว่น เจอร์ราร์ด : ดราม่าจงบังเกิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากเพิ่งปล่อยดราม่าให้แฟนบอลน้ำตารื้นรับปีใหม่ ด้วยการประกาศว่าจะอำลาลิเวอร์พูลไปหลังหมดสัญญาเมื่อจบฤดูกาลนี้ ปิดฉากชีวิต 26 ปี ในถิ่นแอนฟิลด์ลง

สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็บิ๊วท์เหล่าเดอะค็อปต่อทันที ด้วยการซัด 2 จุดโทษ ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่เสมอเลสเตอร์ 2-2 แบบถูกจิ้งจอกมาเบรกอารมณ์ไปหน่อย



แต่กัปตันทีมหงส์แดงก็ได้เป็นฮีโร่แบบไม่โดนขัดจังหวะในนัดล่าสุด เมื่อเหมาอีก 2 ประตู ในเกมเอฟเอคัพที่บุกไปเฉือนทีมรองบ่อนอย่างเอเอฟซี วิมเบิลดัน 2-1

ถ้าเป็นหนังซักเรื่องก็เรียกว่าบทส่งสุดๆ ปูทางให้พระเอกได้โชว์ความหล่อความเก่งกันเต็มที่ เหลืออย่างเดียว แค่ต้องลุ้นว่าหนังดราม่าเรื่องนี้จะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งหรือไม่

เพราะเมื่อปีที่แล้วลิเวอร์พูลก็เคยหวังว่าจะทำให้การรอคอยที่ยาวนาน 24 ปี ของสโมสรและแฟนๆ สิ้นสุดลง ด้วยการกลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดให้ได้อีกครั้ง



แต่ก็เกิดดราม่าขึ้นจนทำให้ทุกอย่างพลิกผันไป และถ้วยพรีเมียร์ลีกที่เกือบจะอยู่ในมือของหงส์แดงอยู่แล้ว ก็หลุดลอยไปเป็นของแมนเชสเตอร์ ซิตี้แทน พร้อมๆ กับการลื่นล้มของเจอร์ราร์ดในเกมที่แพ้เชลซีคาบ้านในช่วงท้ายฤดูกาล

และนั่นทำให้โอกาสที่ตำนานคนปัจจุบันของหงส์แดงอย่างเจอร์ราร์ด ที่จะเขียนบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของเขากับสโมสรให้สมบูรณ์แบบ ด้วยการคว้าแชมป์ลีกได้เป็นรายการสุดท้าย ลดน้อยลงไปอีก หลังจากเคยคว้าแชมป์กับทีมมาหมดแล้ว ทั้งแชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูฟ่า คัพ, เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ

เมื่อหงส์แดงโชว์ฟอร์มได้ไม่เหมือนเคยจนไม่มีแววจะลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในฤดูกาลนี้ และการตัดสินใจไม่ต่อสัญญาใหม่ของกัปตันทีมวัย 34 ปี ก็หมายคามว่าเขาจะต้องอำลาสโมสรที่อยู่ด้วยมาตั้งแต่ 8 ขวบ ไปแบบไม่เคยได้สัมผัสกับแชมป์ลีกเลยแม้แต่ครั้งเดียวใน 17 ปี ที่เล่นให้กับทีมชุดใหญ่

ส่วนถ้วยสำคัญในยุโรปอย่างแชมเปี้ยนส์ลีกก็ไม่มีโอกาสลุ้นแล้วในปีนี้ หลังได้เพียงอันดับ 3 ในรอบแบ่งกลุ่มและต้องไปเตะยูโรป้าลีกแทน

แชมป์ที่เจอร์ราร์ดมีโอกาสลุ้นมากที่สุดในตอนนี้คือลีกคัพ ซึ่งลิเวอร์พูลทะลุเข้ารอบตัดเชือกไปแล้ว และต้องไปชิงดำกับเชลซีว่าใครจะได้เข้าไปแย่งถ้วยกับผู้ชนะระหว่างสเปอร์สกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

อีกหนึ่งแชมป์สำคัญที่เหลือให้ลุ้นก็คือเอฟเอคัพที่ทีมเพิ่งลงเตะเกมแรกไปหมาดๆ โดยมีเจอร์ราร์ดเป็นฮีโร่ และทุกอย่างคงจะเพอร์เฟ็กต์ถ้ากัปตันทีมหงส์แดงสามารถพาทีมฝ่าฟันไปจนถึงเวมบลีย์ได้

เพราะนัดชิงชนะเลิศปีนี้จะเตะในวันที่ 30 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่เจอร์ราร์ดจะอายุครบ 35 ปี พอดีเป๊ะ และจะเป็นเกมสุดท้ายที่เขาจะลงเล่นในสีเสื้อของหงส์แดงด้วย



ความประจวบเหมาะครั้งนี้ช่างเหมือนกับบทที่ถูกเขียนมาให้เจอร์ราร์ดได้ปิดฉากและอำลาไปอย่างยิ่งใหญ่จริงๆ

แต่อย่าลืมว่าเมื่อปีที่แล้ว เขาก็เคยไม่สมหวังกับฉากจบที่ตั้งใจไว้ในพรีเมียร์ลีกมาแล้ว แม้จะมีหลายคนเอาใจช่วย เพราะอยากเห็นยอดนักเตะผู้ภักดีกับสโมสรเดียวในดวงใจ ได้รับเกียรติยศที่คู่ควรก่อนจะอำลาอาชีพค้าแข้งไป

ปีนี้หลายคนที่แม้จะไม่ได้เป็นเดอะค็อป ก็คงอยากเอาใจช่วยให้เจอร์ราร์ดได้ปิดฉากกับลิเวอร์พูลไปด้วยความทรงจำที่น่าประทับใจ ยิ่งถ้าเพิ่มเติมความดราม่าเข้าไปด้วยแล้วล่ะก็ ไม่อยากจะคิดว่าจะเรียกน้ำตาได้ขนาดไหน

แต่คงต้องลุ้นก่อนว่าเจอร์ราร์ดและแฟนหงส์แดงจะไม่ต้องเสียน้ำตา เพราะอกหักไปไม่ถึงฝั่งฝันในวันที่รอคอยไปซะก่อน



เรื่องโดย : Babybear

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook