เก็บทรงไม่อยู่ : ทำไมเวลาผู้รักษาประตูทำพลาดมักแก้เขินด้วยการดื่มน้ำ?

เก็บทรงไม่อยู่ : ทำไมเวลาผู้รักษาประตูทำพลาดมักแก้เขินด้วยการดื่มน้ำ?

เก็บทรงไม่อยู่ : ทำไมเวลาผู้รักษาประตูทำพลาดมักแก้เขินด้วยการดื่มน้ำ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มานูเอล นอยเออร์, ดาบิด เด เคอา, หรือนายทวารระดับแชมป์โลกทีมล่าสุดอย่าง อูโก้ โยริส ล้วนก็เคยสร้างความผิดพลาดแบบน่าเขกกะโหลกด้วยกันทั้งนั้น

แต่หลังจากที่พวกเขาทำพลาดและปล่อยบอลเข้าประตูไป คุณสังเกตเห็นอะไร ผ่านกิริยาของพวกเขาหรือเปล่า ? 

ถ้าคุณสังเกตให้ดี ๆ จะพบว่าพวกเขาเหล่านี้มักจะมีปฏิกิริยาคล้าย ๆ กัน นั่นคือการเดินไปที่ก้นตาข่าย หยิบขวดน้ำที่เตรียมไว้ จากนั้นก็จัดการดื่มมันซะ

พวกเขาทำไปเพราะอะไร ? แก้เขิน, เก็บทรงไม่ค่อยอยู่ หรือคอแห้ง ...  Main Stand มีคำตอบ

หน้าที่สุดยิ่งใหญ่...ที่ห้ามพลาด  

ผู้รักษาประตูอาจจะเป็นตำแหน่งนักฟุตบอลที่มีค่าจ้างน้อยที่สุดหากเทียบกับตำแหน่งอื่น ๆ ทว่าหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเขานั้นช่างมากมายเหลือเกิน


Photo : Goal 

กรอบ 6 หลากับ 18 หลาคือหน้าที่ของพวกเขา และนอกจากหน้าที่ที่คอยปัดป้องไม่ให้ฟุตบอลเขาประตูไปแล้ว เนื้องานของผู้รักษาประตูนั้นมีอะไรที่ลึกซึ่งกว่านั้นเยอะ เพราะพวกเขาถือเป็นตำแหน่งที่พลาดไม่ได้ และยังเป็นคนที่ต้องสามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมตลอดเวลา รวมถึงมีคาแร็คเตอร์ที่แข็งแกร่ง กล้าหาญ เพื่อให้เพื่อน ๆ ไว้เนื้อเชื่อใจ 

แม้จะบอกว่าฟุตบอลคือกีฬาที่เล่นเป็นทีม แต่ผู้รักษาประตูมักจะเป็นคนโดดเด่นที่สุด เหมาะกับการโดนโฟกัสโดยแท้จริง เริ่มตั้งแต่การสวมเสื้อ พวกเขาก็ใส่เสื้อไม่เหมือนใครในทีม แต่น่าแปลกที่เวลาพวกเขาโชว์ลีลาเซฟดี ๆ สวย ๆ พวกเขามักจะไม่ได้รับความดีความชอบหรือคำชมที่ชัดเจนเหมือนกับตำแหน่งอื่น ๆ โดยเฉพาะกองหน้า ทว่าวันใดที่ผู้รักษาประตูพลาดขึ้นมา แม้แค่ครั้งเดียว เมื่อนั้นแหละพวกเขาจะยิ่งเด่นชัดที่สุดในสนาม สายตาทุกคู่จะจับจ้อง และจดจ่อกับทุกอิริยาบถของพวกเขาเพื่อรอดูว่าหมอนี่จะพลาดอีกเมื่อไหร่

 

ตำแหน่งการเล่นที่มักจะมีการเปรียบเทียบเสมอ ตลอดจนเสียงวิจารณ์เวลาเกิดความผิดพลาด และโควตาในสนามที่มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งจะได้ลงไปยืนเฝ้าเสา ผู้รักษาประตูถึงแม้ไม่ใคร่จะมีการเปลี่ยนแปลงกันบ่อย ๆ เพื่อความต่อเนื่องของทีม แต่เวลามีการเปลี่ยนตัวจริงแต่ละที คุณ ๆ คงคาดเดาได้ว่ามันเกิดขึ้นจากความผิดพลาดร้ายแรง และผู้ที่เสียตำแหน่งดังกล่าว แทบจะหมดอนาคตกับทีมนั้น ๆ ไปเลย


Photo : Zimbio

โลกฟุตบอลที่เปลี่ยนแปลงไป เดิมพันของการแข่งขันที่นับวันยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ และมีการถ่ายทอดสดแทบทุกแมตช์ ทุกอิริยาบถของผู้เล่นทุกคนในสนามจึงได้รับการจับตามองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ... ซึ่งนั่นรวมถึงความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น จนนำมาซึ่งการเสียบประจานด้วยน้ำมือของแฟนบอลและสื่ออีกด้วย เรียกได้ว่านี่คือ 1 ในงานที่กดดันที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียวเลยทีเดียว 
 

เป็นเหมือนกันหมด 

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ฟุตบอลเล่นเป็นทีม แต่ผู้รักษาประตูมักเป็นคนที่ต้องยืดอกรับผิดชอบเสมอเมื่อมีการเสียประตูเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่ความจริงพวกเขาอาจจะไม่ได้ผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดจากความผิดพลาดส่วนบุคคลโดยผู้รักษาประตูเกิดขึ้น และถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว ยิ่งกว่าเสียงวิจารณ์จากคนอื่น คือความกดดันภายในจิตใจของตัวเอง และถ้าเขาคนนั้นเป็นคนที่ไม่แข็งแกร่งพอ เขาอาจจะเสียอาชีพนั้นไปเลยก็เป็นได้

 

"เมื่อนักกีฬาเกิดความผิดพลาด การตอบสนองของร่างกายจะช้าลง และความเกร็งจะเพิ่มมากขึ้น ผมอธิบายอาการง่าย ๆ เหมือนกับคนโดนแทง พอเจอมีด ก็จะกลัว แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ง้างมาแทงคุณด้วยซ้ำ" ดร.เบญจพล เบญจพลากร อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายเรื่องความผิดพลาดในตำแหน่งของผู้รักษาประตู ให้ Main Stand เข้าใจ


Photo : Transfermarkt 

ถ้าคุณดูฟุตบอลมามากพอจะเข้าใจสิ่งที่ ดร.เบญจพล อธิบายได้อย่างทันทีเลยทีเดียว เพราะมีกรณีของผู้รักษาประตูที่พลาดแล้วเสียหลักยาว ๆ เป็นปีให้เห็นมากมาย ... ลอริส คาริอุส นายทวารที่ทำพลาดในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศปี 2018 คือตัวอย่างที่ชัดเจนแจ่มแจ้งที่สุด และอาจจะรวมถึงกรณีของ ดาบิด เด เคอา นายทวารของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ในช่วงเวลาหนึ่งเขาถูกเรียกว่าเป็นนายประตูระดับท็อปของโลก แทบไม่เคยแสดงความผิดพลาดส่วนตัวออกมาให้เห็นเลย กระทั่งการเริ่มพลาดง่ายเพียงไม่กี่ครั้งใน 2-3 ปีหลังนี้ ทำให้ภาพจำของแฟนบอลที่มีต่อ เด เคอา เปลี่ยนไป ... เขายังพลาดให้เห็นอยู่เป็นระยะ ๆ และโดนแฟนบอลวิจารณ์อยู่แทบจะทุกสัปดาห์ 

แต่ไม่ว่าจะเป็น คาริอุส, เด เคอา, อูโก้ โยริส, ดีน เฮนเดอร์สัน, โจ ฮาร์ท, จอร์แดน พิคฟอร์ด หรือนายทวารคนใดก็ตามทำพลาด แบบพลาดเองเห็น ๆ โทษใครไม่ได้ คุณสังเกตหรือไม่ว่าพวกเขาเหล่านี้มักจะมีปฏิกิริยาตอบกลับคล้าย ๆ กัน นั่นคือการเดินไปที่ก้นตาข่าย หยิบขวดน้ำที่เตรียมไว้ จากนั้นก็จัดการดื่มมันซะ ... 


Photo : Transfermarkt

 

ที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะพวกเขากระหายน้ำแต่อย่างใด เรื่องนี้เป็นไปตามหลักจิตวิทยาอย่างไม่น่าเชื่อ แค่การจิบน้ำบอกอะไรได้มากมายเลยทีเดียว และหนึ่งในเหตุผลที่ชัดเจนที่สุด เพราะพวกเขา "เก็บทรงไม่อยู่" นั่นเอง

เก็บทรงไม่อยู่ ... จิบซะ

การจิบน้ำไม่ได้แค่แก้กระหาย แต่ช่วยให้มีสติมากขึ้น มันคือปฏิกิริยาที่คุณทำมันโดยไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างเช่นการนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับคนที่ไม่คุ้นหน้าและทำให้คุณรู้สึกอึดอัด ระหว่างรออาหารเสิร์ฟ ร้อยทั้งร้อย ... "จิบน้ำแน่นอน" บางคนจิบจนหมดแก้ว จนถึงขั้นเคี้ยวน้ำแข็งเลยก็มี 

บทความเกี่ยวกับจิตวิทยาของเว็บไซต์ psychologytoday.com ยืนยันชัดเจนว่า น้ำคือสสารที่ให้ความชุ่มชื่นแก่สมอง อีกทั้งยังเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะภายในร่างกาย

 

บทความยังกล่าวต่อว่า ช่วงเวลาที่รู้สึกคอแห้งหรือขาดน้ำจะส่งผลต่อสมรรถภาพทางจิต หงุดหงิดง่าย และขาดสมาธิโดยที่ไม่รู้ตัว ซึ่งในกรณีของผู้รักษาประตูนั้นก็เข้าเค้าเลยทีเดียว แม้จะเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้วิ่งมากนัก แต่ก็ต้องใช้สมาธิตลอดทั้งเกม และยังต้องคอยขยับแข้งขา ออกแรงเซฟประตู ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาย่อมรู้สึกคอแห้งหรือขาดน้ำในระดับหนึ่ง

ดังนั้นการได้จิบน้ำหรือดื่มน้ำหลังทำผิดพลาด ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะทำให้ร่างกายกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง และมีสติในการทำหน้าที่ให้ดีกว่าเดิม เพราะเวลาที่เราดื่มน้ำ ธรรมชาติของเราต้องกลั้นหายใจ สภาวะที่เรากลั้นหายใจนี่แหละเป็นการบังคับให้จิตเรากลับมาอยู่กับร่างกายของเราเอง ถ้าเราดื่มน้ำด้วยความไม่รู้ตัว โอกาสสำลักน้ำก็มีสูง วิธีการดื่มน้ำจึงเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งที่ช่วยเรียกสติของเรากลับมาได้ 

นอกจากนี้การยกน้ำมาดื่ม ยังช่วยให้เหล่าผู้รักษาประตูได้โฟกัสและทบทวนตัวเองในช่วงขณะหนึ่ง เพราะการดูดถือเป็นการหลบสายตาของคนอื่น ๆ ที่กำลังมองมา หรือแม้กระทั่งเป็นการแก้เขินได้เพราะหลังทำพลาด พวกเขาจะรู้สึกมือไม้เกะกะไม่รู้จะวางไว้ที่ไหน ... เรียกง่าย ๆ คือเมื่อเก็บทรงไม่อยู่ การดื่มน้ำช่วยให้เรียกสติและแก้เขินได้ในเวลาเดียวกัน ... ของแบบนี้เป็นกันทุกตำแหน่ง เพียงแต่ผู้รักษาประตูถูกจับตาง่ายและถูกมองชัดที่สุดเวลาทำผิดพลาด ดังนั้นเราจึงคุ้นกับภาพเหล่ามือกาวยกขวดน้ำมาดื่มนั่นเอง

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยสัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Men's Health ถึงเหตุผลที่เขาโดนแซวเรื่องชอบจิบน้ำหลังจากทีมเสียประตู ... เป๊ป ก็บอกตรง ๆ ว่า จริง ๆ แล้วเขาดื่มน้ำตลอดเวลา เพียงแค่ตอนที่โดนยิง กล้องมักจะตัดภาพมาที่เขาเท่านั้นเอง นอกจากนี้ยังเผยถึงเรื่องเกี่ยวกับน้ำที่ตรงกับหลักจิตวิทยาซึ่งกล่าวมาในข้างต้นว่า เขาเป็นคนที่ต้องดื่มน้ำเยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ 24 ชั่วโมงก่อนเกมการแข่งขัน เพื่อกระตุ้นการทำการของสมองและเส้นประสาท เนื่องจากงานของเขามีความตึงเครียดมาก จนทำให้รู้สึกกระหายตลอดเวลา

 

ไม่ว่าจะในแง่ไหน การดื่มน้ำก็ช่วยให้ประโยชน์กับทั้งร่างกายและสมองทั้งนั้น ดังนั้นอย่ากังวลและอย่าอายมากเกินไปในวันที่คุณเก็บทรงไม่อยู่ ... เพราะการจิบน้ำเพียงเล็กน้อย อาจจะทำให้คุณปิ๊งไอเดียและเอาตัวรอดจากสถานการณ์เหล่านั้นได้  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook