[OPINION] ลิเวอร์พูล กับแชมป์พรีเมียร์ลีก: ความผิดหวังที่ไม่สามารถฆ่าคุณให้ตายแต่จะทำให้แข็งแกร่งขึ้น

[OPINION] ลิเวอร์พูล กับแชมป์พรีเมียร์ลีก: ความผิดหวังที่ไม่สามารถฆ่าคุณให้ตายแต่จะทำให้แข็งแกร่งขึ้น

[OPINION] ลิเวอร์พูล กับแชมป์พรีเมียร์ลีก: ความผิดหวังที่ไม่สามารถฆ่าคุณให้ตายแต่จะทำให้แข็งแกร่งขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ส่งท้ายปี 2019 อย่างสวยหรูSadio Mane,Andy RobertsonChris Brunskill/Fantasista/GettyImages

ชัยชนะของ ​ลิเวอร์พูล เหนือ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ส่งท้ายเกม พรีเมียร์ลีก ปี 2019 ด้วยสกอร์ ​1-0 ที่ แอนฟิลด์ ทำให้แชมป์ลีกสูงสุดอยู่ในมือพวกเขาเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์

หงส์แดง นั่งแท่นจ่าฝูงด้วยคะแนนเหนือ เลสเตอร์ ซิตี ในอันดับ 2 ที่ 13 คะแนน ทะยานหนี ​แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในอันดับ 3 ที่ 14 คะแนนแถมลงแข่งขันน้อยกว่า 1 นัดหลังผ่านครึ่งทางของฤดูกาล 2019/20 

มีเพียงอุบัติเหตุลูกหนังขั้นดวงแตกสุดๆ ประเภทคีย์แมนในทีมชุดใหญ่เดี้ยงพร้อมกันทั้งทีมเท่านั้นที่จะฉุดพวกเขาลงมาจากบัลลังก์แชมเปี้ยน พรีเมียร์ลีก รวมทั้งทีมอย่าง จิ้งจอกสีน้ำเงิน หรือ เรือใบสีฟ้า ยังต้องพยายามเร่งเครื่องทำคะแนนไล่จี้ เร้ดแมชีน ชนิดที่ไม่สามารถทำแต้มหล่นได้อีกต่อไป

ลิเวอร์พูล เล่นอย่างทีมที่มีคุณสมบัติจะเป็นแชมป์

ให้หลังจากการพลาดท่าเสียตำแหน่งจ่าฝูงให้กับอริอย่างทัพ ซิตีเซนส์ จน หงส์แดง ต้องเสียแชมป์ พรีเมียร์ลีก ให้กับ ซิตี้ เมื่อฤดูกาล 2018/19 จากความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้แต้มที่ควรจะได้ของลูกทีม เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องหลุดมือ อันดับ 1 ที่ เร้ดแมชีน นอนมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2017 ลื่นหลุดมือพวกเขาในช่วงสิ้นเดือนมกราคม 2019 และทำให้โมเมนตัมของการขับเคี่ยวแย่งแชมป์เปลี่ยนไปนับตั้งแต่ตอนนั้น

พลพรรค เครื่องจักรสีแดง มีบทเรียนจากความผิดพลาดดังกล่าว ในซีซัน 2019/20 พวกเขาเก็บแต้ม 3 คะแนนเต็มจากเกมที่ควรจะเก็บได้ กระทั่งแมตช์ที่พวกเขาไม่ได้เล่นอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด เทพีแห่งโชคชะตาก็ดูจะสถิตอยู่กับ หงส์แด

ประตูแล้วประตูเล่าที่ ลิเวอร์พูล สังหารคู่แข่งได้ในช่วงท้ายเกมกระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บยิ่งตอกย้ำทัศนคติวิ่งสู้ฟัดของพวกเขา ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่แตกต่างจากฤดูกาลที่ผ่านๆ มาอย่างเห็นได้ชัด

องค์ประกอบของทีมต่างพากันยกระดับTrent Alexander-ArnoldRobbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

จากเดิมที่ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เป็นทีมที่หวังพึ่ง 3 ประสานแดนหน้าอย่าง ​โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน, ซาดิโอ มาเน ในการพังประตู กระทั่ง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ในการรับบทบาทผู้นำในแนวรับ แต่เมื่อมาซีซันนี้ทัศนคติและการมีส่วนร่วมของแข้งบทบาทอื่นดูจะมีส่วนสำคัญกับทีมมากยิ่งขึ้น

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็คขวาชาว อังกฤษ ในวัยเพียงแค่ 21 ปีสามารถรักษาความคงเส้นคงวาของฟอร์มการเล่น โดดเด่นกับการเติมขึ้นไปมีส่วนร่วมกับเกมรุกที่กราบขวา ผ่านบอลแม่นยำราวจับวาง กระทั่งการจบสกอร์ที่เด็ดขาด

ฟาบินโญ กลายเป็นจิ๊กซอว์ที่เข้ามาเติมเต็มแดนกลางกับบทบาทเพลย์เมคเกอร์ตัวต่ำที่คอยปั้นบอลขับเคลื่อนไปยังแดนหน้าอย่างไหลลื่น, นาบี เกอิต้า ซึ่งดูจะปรับตัวเข้ากับทีมได้ดีขึ้นกว่าเดิม, ซาดิโอ มาเน ที่ยังรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมกับสถิติการพังประตูอย่างสม่ำเสมอ, บทบาทผู้นำของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ ฯลฯ

ความผิดหวังที่ไม่สามารถฆ่าคุณให้ตายจะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้นLoris KariusIan MacNicol/GettyImages

เหตุการณ์ลื่นเสียแชมป์ที่ สตีเวน เจอร์ราร์ด มอบของขวัญให้กับ เชลซี ก่อนยื่นตำแหน่งแชมเปี้ยนฤดูกาล 2013/14 ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงติดตาราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน

5 ปีผ่านไป จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คือหนึ่งเดียวจากผู้เล่น หงส์แดง ในชุดดังกล่าวภายใต้การคุมทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่หลงเหลืออยู่ในทีมชุดปัจจุบัน - โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็เป็นอีกรายที่อยู่ในเกมดังกล่าวแต่เป็นในฐานะนักเตะของ สิงห์บลู

ขยับเข้าใกล้มาอีกนิด แข้ง หงส์แดง ชุดนี้ก็เคยหัวใจแตกสลายมาแล้วในนัดชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2018 ต่อ เรอัล มาดริด 3-1 กับความผิดพลาดที่ทำให้ ลอริส คาริอุส ต้องต่อมน้ำตาแตกในเกมดังกล่าว

กระทั่ง เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็เคยผิดหวังในนัดชิงชนะเลิศถ้วยบิ๊กเอียร์มาแล้วตั้งแต่ที่เขายังคุมทัพ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อปี 2013

แต่ท้ายที่สุด บรรดาคีย์แมนในทีมของ คล็อปป์ ต่างเรียนรู้จากความผิดหวังดังกล่าว ยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขึ้น

- และเมื่อมันถึงเวลาสุกงอมหลังจากรอคอยมา 30 ปี หัวใจที่เคยแตกสลายของพวกเขาก็พร้อมที่จะกลับมาพองโตอีกครั้งอีกไม่นานเกินรอ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook