วธ.รับฟังประชาพิจารณ์จัดเรตติ้งสื่อสิ่งพิมพ์

วธ.รับฟังประชาพิจารณ์จัดเรตติ้งสื่อสิ่งพิมพ์

วธ.รับฟังประชาพิจารณ์จัดเรตติ้งสื่อสิ่งพิมพ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วธ.รับฟังประชาพิจารณ์จัดเรตติ้งสื่อสิ่งพิมพ์ "การ์ตูน นิตยสาร บันเทิงคดี" ก่อนสรุปผลเสนอ "เสธ.หนั่น" ออกประกาศสำนักนายกฯ ชี้เป็นวิธีใช้ภาคประชาสังคมกดดัน ระหว่างเดินหน้าแก้กฎหมายจดแจ้งการพิมพ์ เล็งใช้กฎเหล็กเรตติ้งสั่งปิดร้านดื้อแพ่ง

นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมสัมมนาขับเคลื่อนเวทีสาธารณะ เรื่องการจัดระดับความเหมาะสมของสื่อสิ่งพิมพ์ (เรตติ้ง) ครั้งที่ 1 ว่า จากที่ได้รับมอบนโยบายจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งกำชับให้ วธ.เร่งดำเนินการจัดเรตติ้งสื่อสิ่งพิมพ์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะหนังสือการ์ตูนสำหรับเด็กเยาวชนควรจัดให้เหมาะสมกับวัยเพื่อความ ปลอดภัย ดังนั้น การประชุมครั้งนี้จึงถือเป็นการดำเนินงานสอดรับนโยบายของรัฐบาล ด้วยการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการจัดเรตติ้งเป็นครั้งแรก จากที่กำหนดไว้ 4 ครั้ง ซึ่งเนื้อหาจะครอบคลุมสื่อสิ่งพิมพ์ 3 ประเภท ได้แก่ การ์ตูน นิตยสาร และบันเทิงคดี ภายหลังการทำประชาพิจารณ์แล้วเสร็จในเดือนมีนาคมนี้ จะนำผลสรุปที่ได้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ แห่งชาติ ชุดที่มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อออกเป็นประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีให้มีผลใช้บังคับต่อไป

นายธีระ กล่าวว่า ในระหว่างที่กระทรวงดำเนินการแก้ไข พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ 2550 ที่จะเพิ่มเติมการจัดระดับความเหมาะสมของสื่อ รวมถึงบทลงโทษต่าง ๆ ได้นั้น จะขอความร่วมมือจากภาคประชาสังคมในการขับเคลื่อน ด้วยการจัดประชาพิจารณ์เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสื่อปลอดภัยฯ ก่อนออกมาเป็นระเบียบข้อบังคับ หากเรตติ้งสื่อสิ่งพิมพ์มีผลใช้บังคับได้จริง ผู้ประกอบการที่จะเปิดร้านขายหนังสืออาจจะต้องมีมายื่นขอใบอนุญาตเปิดกิจการ เพื่อความสะดวกในควบคุม และหากพบผู้ประกอบการรายใดไม่ปฏิบัติตามก็จะต้องมีความผิดและมีโทษสูงสุดถึง ขั้นถูกสั่งปิดร้านทันที ซึ่งขณะนี้ วธ.ได้มีการจัดพิมพ์คู่มือทำประชาพิจารณ์ คู่มือเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม โดยแจกจ่ายให้แก่เครือข่ายเฝ้าระวังภาคสังคมทั่วประเทศเพื่อใช้ในการศึกษา เบื้องต้นก่อนแล้ว และคาดหวังว่าหากการจัดเรตติ้งสื่อสิ่งพิมพ์สามารถดำเนินการได้เป็นรูปธรรม ต่อเนื่อง ซึ่งตนเห็นว่าสื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กและเยาวชนจะไม่มีให้เห็น ในแผงหนังสืออีกต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook