ผบ.ตร.ยืนยัน “คดีแตงโม” ไม่มีสร้างหลักฐานเท็จ จ่อดำเนินคดีผู้พาดพิงให้เสียหาย

ผบ.ตร.ยืนยัน “คดีแตงโม” ไม่มีสร้างหลักฐานเท็จ จ่อดำเนินคดีผู้พาดพิงให้เสียหาย

ผบ.ตร.ยืนยัน “คดีแตงโม” ไม่มีสร้างหลักฐานเท็จ จ่อดำเนินคดีผู้พาดพิงให้เสียหาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผบ.ตร.ยืนยัน “คดีแตงโม” ไม่มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ แต่หลักฐานในคดีไม่สามารถนำมาถกเถียงได้ในสื่อสังคมออนไลน์ มั่นใจเมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลจะสามารถตอบข้อสงสัยของสังคมได้ เช่นเดียวกับคดีเกาะเต่า

วันนี้ (12 พ.ค.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า การสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ "แตงโม นิดา" ไม่มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ แม้ว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จะกล่าวอ้างว่ามีความพยายามในการสร้างพยานหลักฐานเท็จในคดีนี้ก็ตาม

ซึ่งในประเด็นที่ นายอัจฉริยะ มีการหยิบยกขึ้นมาตั้งข้อสังเกต ได้มอบหมายให้จเรตำรวจเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้พนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ตรวจสอบข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติมในทุกประเด็นแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับร่องรอยบาดแผลที่พบบนร่างของผู้เสียชีวิต ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ แต่อาจเกิดจากของมีคม เช่น มีด เป็นต้น ซึ่งประเด็นนี้พนักงานสอบสวนยืนยันว่าพยานหลักฐานในจุดเกิดเหตุไม่พบมีดหรือของคมที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดบาดแผลดังกล่าว

ส่วนประเด็นที่ นายอัจฉริยะ กล่าวอ้างว่า นายพลตำรวจอักษรย่อ ว. ที่รับผิดชอบคดีแตงโม มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับตัวเองนั้น ผบ.ตร. ยืนยันว่า ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย่อมมีผู้ใต้บังคับบัญชาทั่วประเทศรวมกว่า 200,000 นาย พร้อมย้ำว่าคดีแตงโม ตำรวจมีการสอบสวนในรูปแบบคณะกรรมการสอบสวนชุดใหญ่ และเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง แต่กระบวนการสอบสวน คงไม่สามารถนำพยานหลักฐานต่างๆ มาถกเถียงกันในสื่อสังคมออนไลน์ได้ ซึ่งในคดีนี้หากมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนช่วงที่แตงโมตกเรือ การสอบสวนคงง่ายขึ้น แต่เมื่อไม่มีพยานหลักฐานในประเด็นนี้ ตำรวจจำเป็นต้องหาข้อมูลพยานหลักฐานอื่นมาประกอบ เพื่อตอบข้อสงสัยในส่วนนี้ให้ได้

ส่วนสำนวนการสอบสวนคดีนี้ ตำรวจส่งกลับไปให้อัยการแล้ว หลังสอบสวนเพิ่ม 20 ประเด็นตามที่อัยการให้ความเห็นมา แต่ยอมรับว่าหากมีประเด็นใดที่จำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้รัดกุมมากขึ้น สามารถสอบสวนเพิ่มได้ในอนาคต

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังยืนยันว่า ไม่มีการตั้งธงการสอบสวนของคดีแต่อย่างใด แต่ต้องทำไปตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ และคลี่คลายในแต่ละประเด็น เพื่อให้ตอบคำถามที่ตั้งไว้ได้เท่านั้น หากคดีแตงโมเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล จะมีการนำพยานหลักฐานไปต่อสู้คดีกันในชั้นนั้น เชื่อว่าเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วคดีจะคลี่คลาย ตอบข้อสงสัยของสังคมได้

เช่นเดียวกับคดีเกาะเต่าที่เป็นประเด็นใหญ่กว่าประเด็นนี้ เนื่องจากมีความเกี่ยวพันระหว่างประเทศรวมถึงมีหน่วยงานตำรวจจากประเทศอังกฤษเข้ามาตรวจสอบการทำงานของตำรวจไทย รวมถึงสถานทูตที่เข้ามาควบคุมตรวจสอบการทำงานของตำรวจ ซึ่งขณะนั้นสังคมก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับการทำงานของตำรวจไทยว่ามีการทำงานไม่ถูกต้อง ช่วยเหลือผู้กระทำความผิด แต่เมื่อขั้นตอนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีการพิจารณาคดีในชั้นศาลและศาลมีคำสั่งประหารชีวิตผู้กระทำความผิดตามพยานหลักฐาน ทุกหน่วยงานระหว่างประเทศก็ยอมรับในการทำงานของตำรวจไทย แต่สังคมก็ไม่ได้กลับมาพูดถึงในประเด็นนี้ ดังนั้นหลังจากมีการพิจารณาเชื่อว่าคดีแตงโมก็จะเป็นในลักษณะเดียวกัน

ส่วนกรณีที่ในช่วงที่ผ่านมามีหลักฐานทางคดีของตำรวจหลุดออกไปสู่สาธารณะ รวมถึงคลิปหลักฐานของเจ้าหน้าที่นิติเวชที่นายอัจฉริยะนำมาแถลงข่าวโจมตีตำรวจ ขณะนี้สั่งการให้มีการตรวจสอบว่าหลุดออกไปทางช่องทางใดและใครเป็นผู้นำออกไปเผยแพร่

สำหรับกรณีที่มีการนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงพาดพิงให้การทำงานของตำรวจเสื่อมเสีย ตำรวจมีความจำเป็นต้องพิจารณาใช้กฎหมายที่มีอยู่ในการดำเนินคดีเพื่อปกป้องการทำงาน โดยให้แต่ละหน่วยงาน พิจารณาตามความเหมาะสม เพราะหากตำรวจนิ่งเฉยไม่บังคับใช้กฎหมาย อาจเท่ากับยอมรับว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นความจริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook