ครอบครัวของเด็กชายคนหนึ่งในรัฐเทกซัสของสหรัฐ ที่หนาวตายจนเสียชีวิตภายในรถบ้านเพราะไฟฟ้าดับ ในสช่วงที่รัฐเทกซัสเผชิญอากาศหนาวเย็นที่สุดครั้งประวัติศาสตร์ ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทไฟฟ้าถึง 100 ล้านดอลลาร์ (3,000 ล้านบาท)
แม่ของเด็กชายอายุ 11 ปีคนเดังกล่าว ยื่นคำร้องเรียกค่าสายหายจากข้อกล่าวหาดังกล่าวแล้วเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งในคำร้องดังกล่าวระบุว่า บริษัทไฟฟ้า 2 ราย คือ อิเล็กทริก รีไลอะบิลิตี เคาน์ซิล ออฟ เทกซัส (เออร์คอต) และเอนเทอร์จี คอร์เปอเรชัน ประมาทจนนำมาสู่ความสูญเสียดังกล่าว เพราะไม่ได้ทำตามคำแนะนำที่ให้ปรับปรุงระบบไฟฟ้าทนต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็น จนทำให้ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ จนกระทบลูกค้าถึง 4 ล้านคน
"แม้จะรู้ล่วงหน้าตั้ง 1 สัปดาห์ว่าอากาศจะหนาวเย็นมาก และรู้ว่าระบบไฟฟ้าไม่ได้ปรับปรุงมากกว่า 10 ปีแล้ว เออร์คอตและเอนเทอร์จีก็ไม่ได้ทำอะไรที่บรรเทาวิกฤตนี้ได้เลยและยังไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับวิกฤตนี้เลยด้วยซ้ำ" คำร้องดังกล่าว ระบุ
ย้อนกลับไปเมื่อวันอังคารที่แล้ว (16 ก.พ.) เด็กชายคริสเตียน พิเนดา เสียชีวิตภายในรถบ้านของครอบครัวขณะนอนอยู่กับน้องชายอายุ 3 ขวบบนเตียงโดยห่มผ้าห่มผืนเดียวกันเพื่อให้ตัวเองอุ่น
นายโทนี บัซบี ทนายความของครอบครัวเด็กชายคนดังกล่าว กล่าวกับสถานีโทรทัศน์เอบีซีของสหรัฐว่า "เด็กชายคนนี้ไม่ได้เสียชีวิตเพราะสาเหตุอื่นเลยนอกจากการตัดสินใจของบริษัทเหล่านี้"
ตัวเลขเมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.พ.) ชี้ว่ามีผู้เสียชีวิตในรัฐเทกซัสแล้วมากกว่า 30 คนตลอดสัปดาห์ที่อากาศหนาวเย็นอย่างรุนแรง ซึ่งในกลุ่มนี้มีคนที่เสียชีวิตจากการสูดดมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์จากรถยนต์หรือเครื่องปั่นไฟ เพื่อสร้างความอบอุ่นให้ตัวเองในช่วงไฟฟ้าดับ